เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เผยว่าโอกาสคือสิ่งที่ทําให้เขายื่นข้อเสนอให้กับ เชลซี ก่อนจะลงทุนใน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรที่เขาสนับสนุนเมื่อเติบโตขึ้นมา แรตคลิฟฟ์ เติบโตขึ้นมาใกล้ โอลด์แฮม ในช่วงสิบปีแรกของชีวิตจนกระทั่งครอบครัวของเขาย้ายข้ามประเทศไปยัง อีสต์ยอร์คเชียร์ ในช่วงต้นทศวรรษ 1960 แต่ทศวรรษแรกนั้นยังยาวนานพอที่จะทําให้ความสัมพันธ์ทางฟุตบอลของมหาเศรษฐีวัย 71 ปีแน่นแฟ้นขึ้นอย่างถาวร
หลังจากกลายเป็นผู้ถือหุ้นอย่างเป็นทางการและควบคุมการดําเนินงานฟุตบอล แรตคลิฟฟ์ เรียกมันว่า “ความฝันในวัยเด็ก” ที่เป็นจริง กระนั้นสิ่งต่างๆ อาจแตกต่างออกไปอย่างง่ายดายเนื่องจากเขาเคยแข่งขันกับ ท็อดด์ โบห์ลี่ ในการคุมทีมเชลซีในช่วงซัมเมอร์ปี 2022
แรตคลิฟฟ์ ให้เหตุผลว่าเขาสนใจที่จะซื้อ เชลซี ซึ่งการเทคโอเวอร์เป็นสิ่งจําเป็นในเวลานั้นหลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียและความสัมพันธ์ของ โรมัน อับราโมวิช กับระบอบการปกครอง เพราะมันทําให้เขามีโอกาสเติมเต็มความทะเยอทะยานในการเป็นเจ้าของสโมสรในพรีเมียร์ลีก
“เรามีสโมสรกีฬาที่น่าสนใจมากมาย ฟอร์มูล่าวัน อเมริกาคัพ ปั่นจักรยาน ฯลฯ แต่เราตระหนักเสมอว่ากีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือฟุตบอล และพรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก”
“ดังนั้นเราจึงมีความสนใจที่จะมีสโมสรในพรีเมียร์ลีกมาโดยตลอด แต่พวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก และในเวลานั้นเราไม่มีความคิดเลยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะถูกขายออกไป นั่นคือวิธีที่เราจบในสมการของ เชลซี”
แรตคลิฟฟ์ เป็นผู้เสนอราคาล่าช้าในกระบวนการเทคโอเวอร์ เชลซี ข้อเสนอของเขาตรงกับแพ็คเกจ 4.25 พันล้านปอนด์ที่เสนอโดยกลุ่ม โบห์ลี แต่ถูกส่งหลังจากกําหนดเส้นตายการประมูล ในเดือนสิงหาคม 2022 เขาแสดงความสนใจที่จะซื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นครั้งแรก แม้ว่าในเวลานั้นจะยังไม่มีสัญญาณที่แท้จริงว่าตระกูลเกลเซอร์ สนใจที่จะขาย ทุกอย่างเปลี่ยนไปภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ แม้ว่าแถลงการณ์ทางเลือกเชิงกลยุทธ์ในเดือนพฤศจิกายน 2022 จะเปิดประตู
ตอนนี้เขาได้นั่งที่โต๊ะที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แล้ว แรตคลิฟฟ์ ดูเหมือนจะดีใจที่ดีล เชลซี ไม่เคยหลุดออกมา “ผมจะพูดแบบนี้ แต่ไม่มีการเปรียบเทียบระหว่าง เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขนาดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นเทียบไม่ได้กับสโมสรใดๆ ในลอนดอน”