การเดินทางลูกหนัง ของ เซร์คิโอ อเกวโร่ (Sergio Leonel Aguero)

Sergio Leonel Aguero

เซร์คิโอ ลีโอเนล “กุน” อเกวโร่ (เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ปี 1988) เป็นนักฟุตบอลมืออาชีพสัญชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งเป็นผู้เล่นกองหน้าในพรีเมียร์ลีกส์ของสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้และทีมชาติอาร์เจนติน่า อเกวโร่เริ่มต้นด้วยการเป็นนักฟุตบอลให้กับสโมสรอินดิเพนเดนเต้ ต่อมาเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ปี 2003 เขาได้กลายเป็นนักเตะที่มีอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงสนามในพรีเมียร์ดิวิชั่นของอาร์เจนติน่า ซึ่งการปรากฎตัวในครั้งแรกนี้เขามีอายุแค่เพียง 15 ปี 35 วัน จึงถือเป็นการทำลายสถิติผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุดที่เคยเป็นของดิเอโก มาราโดน่า ในปี 1976 ต่อมาในปี 2006 อเกวโร่ได้ย้ายไปเล่นในลาลีกาให้กับแอดแลนติโก้ มาดริด ซึ่งเขาได้รับค่าตัวถึง 23 ล้านปอนด์ และทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โดยอเกวโร่นั้นได้ยิงเข้าประตูถึง 101 ประตู ใน 234 นัด พาทีมให้คว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีกส์และยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ ในปี 2010

ในเดือนกรกฎาคม ปี 2011 อเกวโร่ได้ย้ายไปเล่นพรีเมียร์ลีกส์ให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยไม่ได้รับการเปิดเผยค่าตัวแต่คาดว่าเขาน่าจะได้รับค่าตัวราวๆ 35 ล้านปอนด์ ในวันสุดท้ายของฤดูกาลที่เปิดบ้านกับควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ เขาได้ซัดประตูชัยในนาทีที่ 94 ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกส์ ได้เป็นสมัยแรกในรอบ 44 ปี ต่อมาในช่วงสุดท้ายของฤดูกาลปี 2015-2016 เขาลงเล่นอย่างน้อย 2 ฤดูกาลในพรีเมียร์ลีกส์ อเกวโร่สร้างประวัติศาสตร์สูงสุดในการแข่งขันนับตั้งแต่ปี 1992 โดยการยิงประตูเฉลี่ยทุกๆ 106 นาที ซึ่งแซงหน้าเทียรี่ อองรี นอกจากนี้อเกวโร่ยังถูกบันทึกให้เป็นนักเตะที่ทำประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกส์และยิงประตูได้เร็วที่สุดด้วยนาทีที่ 23.34 และเขายังเป็นผู้ทำประตูที่ไม่ใช่ชาวยุโรปโดยทำประตูไว้สูงสุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกส์ มากกว่า 100 ประตูในดิวิชั่น ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 อเกวโร่กลายเป็นผู้ที่ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้โดยทำประตูได้ถึง 178 ประตู ทำให้เฉือนชนะนาโปลีไปได้ ปัจจุบันอเกวโร่สร้างสถิติเป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับที่ 8ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกส์

ส่วนในระดับนานาชาติ อเกวโร่เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอาร์เจนติน่าและได้ลงเล่นใน FIFA U-20 World Cup ในปี 2005 และ ปี 2007 ซึ่งเขาทำให้ทีมได้แชมป์ทั้งสองครั้ง และต่อมาอเกวโร่ได้ลงเล่นในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2008 ที่กรุงปักกิ่ง เขาสามารถพาทีมคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ โดยอเกวโร่ทำสองประตูในรอบรองชนะเลิศทำให้เฉือนชนะบราซิลไปด้วยสกอร์ 3-0 ประตู จากนั้นอเกวโร่ลงเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่าในศึกฟีฟ่า เวิด์ล คัพ ปี 2010, โคปาอเมริกา ปี 2011, ฟีฟ่า เวิด์ล คัพ ปี 2014, โคปาอเมริกา ปี 2015 และ โคปาอเมริกา เซ็นทีนาริโอ้ โดยอเกวโร่พาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในการแข่งขันทั้งสามนัดหลัง

ยุคแรกของ อเกวโร่ ที่สโมสร อินดิเพนเดนเต้

เริ่มต้นเล่นสโมสรเป็นอาชีพ เซร์คิโอ อเกวโร่

สังกัด : อินดิเพนเดนเต้

เซอจิโอ้ อเกวโร่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชุดทีมเยาวชนอินดิเพนเดนเต้ด้วยอายุเพียง 9 ขวบ ปี 2003 วันที่ 5 กรกฎาคม เขาเริ่มต้นด้วยการเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพให้กับสโมสรอินดิเพนเดนเต้ ในขณะที่เขามีอายุเพียง 15 ปี 35 วัน เมื่อโค๊ชออสการ์ส่งตัวอเกวโร่ลงสนามแทนเอ็มมานูเอว ไรวาสในนาทีที่ 69 ของการแข่งขันพบว่าเขานั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสื่อมวลชน ถึงอย่างไรก็ตามแต่โค๊ชก็ไม่ได้เลือกให้อเกวโร่ลงสนามอีกและยังย้ายเขาไปทอร์นีโอคลอสในปี 2002-2003 อีกด้วย และต่อมาอเกวโร่ได้มาอยู่กับโค๊ชโฮเซ่ โอมาร์ ปาส์โตริซ่า จากนั้น 7 เดือนให้หลังเขาได้กลับมาลงสนามอีกครั้งซึ่งเขาพาทีมเฉือนชนะทีมเปรู เซียนเซียโน่ ด้วยคะแนน 4-2 ประตู ปี 2004 เขายังลงเล่นในโกปาลีเบร์ตาโดเรสอีกด้วย นั่นทำให้อเกวโร่ได้ถูกจารึกไว้เป็นเวลาถึง 3 ปีในฐานะที่เป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุดในโกปาลีเบร์ตาโดเรส หลังจากจบเกมส์มาได้ 1 เดือนอเกวโร่ได้ลงเล่นในโกปาลีเบร์ตาโดเรสอีกครั้งหนึ่งโดยพบกับเอกวาดอร์ เอล นาซิอองนาล วันที่ 19 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่อเกวโร่ได้ลงสนามเต็มเวลาการแข่งขันทั้ง 90 นาทีโดยพบกับแอตเลติโก ราฟาเอล่า วันที่ 26 พฤศจิกายน เขาได้ทำประตูแรกให้กับทีมอินดิเพนเดนเต้ซึ่งทำให้ทีมได้คะแนนเสมอกับทีมเอสทูเดียนเตสด้วยการยิงจากนอกเขตโทษในนาทที่ 22 ต่อมาอเกวโร่ได้กลายเป็นตัวจริงของทีมอาร์เจนติน่า U-20 สำหรับฟุตบอลโลก ฟีฟ่า U-20 เวิด์ล คัพ ซึ่งเขาพาทีมอาร์เจนตินาชนะ

ช่วงฤดูกาลในปี 2005-2006 อเกวโร่ได้ทำประตูชัยไป 18 ประตูจากการลงสนามทั้งหมด 36 นัดซึ่งมีเขาพลาดไป 2 เกมเนื่องจากการหยุดเล่นชั่วคราว 11 กันยายน ในเกมส์การแข่งขันกับทีมเรซิ่ง คลับ ผลปรากฏว่าทีมอินดิเพนเดนเต้สามารถเอาชนะเรซิ่ง คลับ ไปได้ด้วยคะแนน 4-0 ประตู โดยอเกวโร่ยิงประตูที่ 4 ด้วยการยิงด้วยเท้าซ้าย อเกวโร่ได้ใบแดงใบแรกจากศึกทอร์นีโอ อะเพอทูร่า หลังจากที่เขาได้เผลอตบนักเตะของทีมทีโร่ เฟเดอรัลไป การลงสนามสุดยอดเยี่ยมของเขาในศึกทอร์นีโอ อะเพอทูร่า ถูกให้ความสนใจจากสโมสรยุโรปขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก ต่อมาอเกวโร่ได้ออกมาประกาศผ่านทางทีวีเมื่อเดือนเมษายนว่าเขาตั้งใจจะออกจากสโมสรหลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ซึ่งก่อนจบฤดูกาลก็มีการคาดเดากันถึงการย้ายสโมสรไปยังแอตเลติโก้ มาดริด เพื่อลงชิงแชมป์ ฟีฟ่า เวิด์ล คัพ ในปี 2006 ในรอบ 17 ทีมของศึกทอร์นีโอ คลอซูร่า อเกวโร่ได้รับใบเหลืองซึ่งนับเป็นใบที่ 5 ของฤดูกาลและมันทำให้เขาไม่สามารถเล่นเกมส์สุดท้ายให้กับทีมอินดิเพนเดนเต้ในการแข่งขันกับโบคา จูเนียร์ ในอเวเลเนดอนในสัปดาห์ต่อมาได้ อเกวโร่น้ำตาคลอหลังจากที่ได้รับใบเหลืองซึ่งกล้องโทรทัศน์สามารถบันทึกเอาไว้ได้  หลังจากที่เขาทำประตูที่ 2 ให้กับทีมอินดิเพนเดนเต้ ในระหว่างการแข่งขันเขาได้กล่าวว่า “ผมคิดว่าประตูชัยนี้คงจะเป็นประตูชัยสุดท้ายและเป็นเกมส์สุดท้ายของผมกับทีมอินดิเพนเดนเต้แล้ว” จากนั้นสองสัปดาห์ต่อมาทีมได้พ่ายแพ้ให้กับโรซาริโอ เซ็นทรัล  ด้วยสกอร์ 2-0 ประตู และในวันที่ 30 พฤษภาคม อเกวโร่ได้ย้ายไปยังทีมแอตเลติโก้ มาดริด อย่างเป็นทางการโดยเขาได้รับค่าตัว 20 ล้านยูโรซึ่งเป็นสถิติที่สูงสำหรับสโมสร

ชื่อเสียงไม่เคยลดลง จากการเข้าสังกัด แอตฯ มาดริด

สังกัด : แอตเลติโก้ มาดริด

ปี 2006-2007 ในเดือนพฤษภาคม ปี 2006 อเกวโร่ได้เข้าร่วมกับทีมสโมสรสเปนที่มีชื่อว่า แอตเลติโก้ มาดริด ด้วยค่าตัวประมาณ 20 ล้านยูโร ซึ่งทำให้อเกวโร่ถือเป็นนักฟุตบอลที่มีค่าตัวแพงที่สุดของทีมในเวลานั้น อเกวโร่ ลงสนามทั้งหมด 42 นัด ยิงได้ 7 ประต ส่งผลให้ทีมสามารถเข้าแข่งในศึกยูฟ่า อินเตอร์โตโต้ คัพ ช่วงต่อมา ปี 2007-2008 หลังจากที่ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ย้ายไปยังทีม ลิเวอร์พูลในช่วงซัมเมอร์ปี 2007 ทำให้อเกวโร่ กลายเป็นกองหน้าตัวหลักทันที เขาทำประตูสูงสุดเป็นลำดับที่ 3 รองจากดาเนียล กีซา และ ลูอีส ฟาเบียนู ในศึกลาลีก้าด้วยการยิงทั้งหมด 19 ประตูชัยและได้รับรางวัล Trofeo Alfredo Di Stéfano award ในเดือนมีนาคม ปี 2008 อเกวโร่ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากเนื่องจากเขาเป็น man of the match ในการปะทะแข้งกับบาร์เซลโลน่า ซึ่งแอตเลติโก้มาดริดสามารถเฉือนเอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 4-2 ประตู นอกจากนี้เขายังยิงประตูสำคัญให้กับทีมดังเรอัล มาดริด, บาเลนเซีย เซบียาและบิยาร์เรอัล จบเกมส์ไปที่อันดับ 4 เพื่อช่วยให้แอตเลติโกมาดริดได้เข้าแข่งในยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีกส์เป็นครั้งแรกในรอบกว่าสิบปี

ปี 2008-2009 อเกวโร่เป็นกองหน้าอีกครั้งให้กีบทีมแอตเลติโก้ มาดริด ในปี 2008-2009 และยังสร้างพันธมิตรที่เคยเป็นอันตรายกับทีมซึ่งก็คือกองหน้าชาวอุรุกวัยที่มีชื่อว่า ดิเอโก ฟอร์รัน ซึ่งเคยเป็นอดีตนักเตะจากสโมสรอินดิเพนเดียนเต้ด้วยและยังเป็นอดีต เอล ปิชีชี่ หรือดาวซัลโวของลา ลีก้า ที่ย้ายมาจากบียาร์เรอัล โดยต่อมาอเกวโร่ได้กลายมาเป็นคู่หูกับรุ่นพี่อย่างดิเอโก ฟอร์รัน ทำให้เขาระเบิดผลงานโชว์ฟอร์มทำผลบอลออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อวันที่ 16 กันยายน อเกวโร่ได้พาทีมชนะในศึกแชมเปี้ยน ลีกส์ ด้วยสกอร์ 3-0 ประตู ที่เปเอสเฟ ไอนด์โฮ ซึ่งช่วยทำให้แอตเลติโก้ มาดริด สามารถเข้ามาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายของการแข่งขันนี้ ในเดือนมีนาคม 2009 คู่ซี้อย่างฟอร์ลันและอเกวโร่ได้ทำคะแนนรั้งท้ายในการเฉือนเอาชนะผู้นำกลุ่มอย่างบาร์เซโลน่าในสกอร์ 4–3 ประตูด้วยการทำประตูในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน อเกวโร่จบการแข่งขันด้วยคะแนนในสิบอันดับแรก และเขาพาทีมแอตเลติโกจบอันดับสี่ในลีกส์ซึ่งมีคุณสมบัติสำหรับแชมเปี้ยน ลีกส์ในฤดูกาลต่อไป

ปี 2009-2010 ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จของอเกวโร่เช่นกัน เพราะเขาได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่เต็มไปด้วยความสามารถมากที่สุดในรอบทศวรรษ วันที่ 3 พฤศจิกายน ปี 2009 เขาทำ 2 ประตูในการแข่งขันกับทีมเชลซี ส่งผลให้เกมส์นี้เสมอไป 2-2 ประตูในศึกแชมเปี้ยน ลีกส์ ที่จัดขึ้นที่สนามกีฬาบีเซนเตกัลเดรอน แอตเลติโก้ตกรอบการแข่งขันแต่สามารถเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศของยูฟ่า ยูโรป้า ลีกส์ ปี2009-2010 ได้ ซึ่งอเกวโร่ช่วยยิงทั้งสองประตูทำให้เอาชนะฟูลแล่มมาได้ที่ 2-1ประตู นอกจากนี้เขายังช่วยให้ทีมเข้าไปถึงรอบสุดท้ายของโคปา เดล เรย์ ( Copa del Rey) แม้ว่าครั้งนี้พวกเขาจะไม่ได้รับชัยชนะก็ตามเนื่องจากพ่ายแพ้เซบีย่าในกัมป์นอว์ (Camp Nou) เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ปี 2010 แอตเลติโก้ มาดริดได้คว้าถ้วยยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ (UEFA Super Cup)โดยชนะ สโมสรฟุตบอลอินแตร์นาซีโอนาเลมีลาโน(Internazionale) ด้วยสกอร์ 2-0 ประตู วันที่ 4 มกราคม ปี 2011 แอตเลติโก มาดริดยืนยันผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพวกเขาว่าอเกวโร่ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรทำให้เขาอยู่ที่บีเซนเตกัลเดรอน (Vicente Calderón) จนถึงปี 2014 เขาได้รับตำแหน่งให้เป็นรองกัปตันคนใหม่ของแอตเลติโกพร้อมกับคู่หูซานดิเอโก ฟอร์ลัน

ปี 2010-2011 ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของอเกวโร่ เขาทำได้ถึง 20 ประตูในลีกส์ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขา เดือนมีนาคมและพฤษภาคม ปี 2011 เขาปรากฏตัวต่อเนื่อง 7 ครั้งในการทำประตูติดต่อกันซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ผู้เล่นคนอื่นในยุโรปไม่สามารถแข่งขันได้ในฤดูกาลนี้ การไปเยือนนอกบ้านครั้งสุดท้ายของอเกวโร่สำหรับทีมแอตเลติโก้เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมกับมาจอร์การ์ (Mallorca) ซึ่งเป็นเกมที่เข้าไปถึงเป้าหมายถึงสองครั้ง เฉือนชนะมาด้วยสกอร์ 4–3 ประตูโดยการยิงลูกแฮตทริก เป้าหมายที่สองของเขาคือยิงประตูครบ 100 ประตู ต่อมา 23 พฤษภาคม ปี 2011 อเกวโร่ประกาศบนเว็บไซต์หลักของเขาว่าเขาต้องการย้ายออกจากทีมแอตเลติโก้และถูกขอให้ออกจากสัญญาอย่างเป็นทางการ ต่อมาอเกวโร่ได้ออกมาแถลงกับอีเอสพีเอ็นซึ่งเขาระบุว่าเขาจะไม่กลับมาอยู่กับแอตเลติโก้อีกแล้ว ในวันเดียวกันนั้นเองอเกวโร่ได้กลายมาเป็นผู้เล่นของสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้อย่างเป็นทางการ แอตเลติโก้ใช้เงินจากการขายตัวอเกวโร่เพื่อซื้อตัวผู้เล่นอย่างราดาเมล ฟัลเกา (Radamel Falcao)

กุน เข้าสู่สังกัดเรือใบ

สังกัด : แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ในฤดูกาลปี 2011–2012 28 กรกฎาคม ปี 2011 แมนเชสเตอร์ซิตี้ยืนยันว่าอเกวโร่ได้เซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 ปีกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยเขาได้รับค่าตัวราวๆ 35 ล้านปอนด์ ในซีซั่นแรกเขาได้รับเสื้อหมายเลข 16 และสกรีนชื่อที่เสื้อว่า Kun Agüero เขาไม่ได้ลงสนามในการแข่งขันกับนาซีโอนาเลมีลาโนในศึกดับลิน ซูเปอร์คัพและศึกเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ ในปี 2011 ที่พบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดซึ่งมีผู้จัดการทีมเป็นโรแบร์โต มันชีนี เนื่องจากคิดว่าอเกวโร่ยังไม่เหมาะสมสำหรับการลงสนามเหล่านี้ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ปี 2011 อเกวโร่ได้ปรากฏตัวในพรีเมียร์ ลีกส์ โดยพบกับทีมสวอนซีและสามารถเฉือนเอาชนะ 4-0 ประตู เขาได้เป็นตัวสำรองและลงสนามในนาทีที่ 59 โดยทำประตูแรกให้กับสโมสรภายใน 9 นาทีหลังจากที่เขาลงสนาม วันที่ 28 สิงหาคม อเกวโร่ยิงประตูที่สามของลีกส์ให้แมนเชสเตอร์ซิตี้ทำให้คว้าชัยชนะ 5-1 ประตูส่งผลให้ท็อตแนมฮ็อตสเปอร์พ่ายแพ้ไป ต่อมาแมนเชสเตอร์ซิตี้พบกับวีแกนแอธ เลติกพบว่าอเกวโร่ยิงแฮตทริคเป็นครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกส์

ในวันที่ 18 กันยายน อเกวโร่ทำประตูถึงสองครั้งในการลงสนามปะทะกับฟูแล่มแต่ผลปรากฏว่าเสมอ 2-2 ประตู เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมแมนเชสเตอร์ ซิตี้พบกับแบล็กเบิร์นโรเวอร์สผลคือแมนเชสเตอร์ ซิตี้เอาชนะมาได้ 4-0 ประตู ต่อมาในวันที่ 18 ตุลาคม อเกวโร่กลับมาลงสนามในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม 2011-2012 สามารถเอาชนะบิยาร์เรอัล 2-1 ประตู อเกวโร่ได้ลงเล่นในลีกส์ คัพของการแข่งขันนัดสุดท้ายกับอาร์เซน่อลที่สนามกีฬาเอมิเรตส์โดยทำประตูเดียวในนาทีที่ 83 ต่อมาแมนเชสเตอร์ซิตี้พบกับนอริชซิตี้ผลปรากฎว่าเอาชนะมาได้ 5-1 ประตู เปิดลูกแรกในนาทีที่ 32 ถือเป็นครั้งที่ 13 ของฤดูกาล ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม แมนเชสเตอร์ซิตี้ลงเล่นในบ้านกับสโต๊คซิตี้ 3-0 ประตู เมื่อวันที่ 3 มกราคม ปี 2012 แมนเชสเตอร์ซิตี้ลงเล่นในบ้านกับลิเวอร์พูลและสามารถเอาชนะมาได้ 3-0 ประตู เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์อเกวโร่ทำประตูที่ 15 ด้วยการยิงจุดโทษและสามารถเอาชนะฟูแล่มไป 3-0 ประตูที่แมนเชสเตอร์สเตเดียม

ในช่วงแรกของการแข่งขันกับปอร์โตในศึกยูโรปาลีกส์ อเกวโร่ลงสนามในนาทีที่ 78 โดยเปลี่ยนตัวกับมาริโอ บาโลเตลลี และเขาทำประตูในนาทีที่ 85 ส่งผลให้ชนะการแข่งขันซึ่งถือเป็นประตูแรกในยูโรป้าลีกส์สำหรับแมนเชสเตอร์ซิตี้ เกมส์จบลงด้วยสกอร์ 2-1 ประตู เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์อเกวโร่ยิงประตูภายใน 19 วินาทีทำให้แมนเชสเตอร์ซิตี้เฉือนเอาชนะมาได้ 4-0 ประตู ทำให้ทีมก้าวเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของยูฟ่ายูโรปา ลีกส์ ปี2011-2012 และได้รับชัยชนะมา 6-1 ประตู ต่อมาเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์อเกวโร่ยิงประตูที่ 16 ในลีกส์เฉือนชนะแบล็กเบิร์นมาด้วยสกอร์ 3-0 ประตู เมื่อวันที่ 21 มีนาคม อเกวโร่ยิงประตูที่ 17 ในลีกส์และเฉือนชนะเชลซีมา 2-1 ประตู และในวันที่ 29 มีนาคมเขาพักการลงเล่นฟุตบอลถึง 2 สัปดาห์เนื่องจากปัญหาการบาดเจ็บที่เท้า
ในวันที่ 11 เมษายน อเกวโร่ยิง 2 ประตูและช่วยเดวิดซิลวาและคาร์ลอสเตเวซยิงอีกสองประตูทำให้ทีมเอาชนะเวสต์บรอมวิชอัลเบียน 4-0 ประตู ในวันที่ 14 เมษายน อเกวโร่ได้แต้มเป็นสองเท่าในการชนะเอานอริชซิตี้ไป 6-1 ประตู ซึ่งการที่เขาทำประตูได้ 2 ประตูนั่นหมายความว่าเขาทำได้เกินกว่า 20 ประตูในพรีเมียร์ลีกส์ ในนัดถัดมาเขาทำ 1 ประตูทำให้แมนเชสเตอร์ซิตี้เอาชนะวูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเรอร์ส 2-0 ประตู ในวันที่ 4 พฤษภาคม อเกวโร่ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ซิตี้ ทำให้เขาได้รับรางวัล Goal of the Season award เกมส์สุดท้ายของฤดูกาล การเผชิญหน้ากับควีนส์ปาร์คเรนเจอร์สที่ซันเดอร์แลนด์ พบว่าในนาทีที่ 66 โจอี บาร์ตันผู้เล่นในทีมควีนส์ปาร์คเรนเจอร์ได้สับศอกใส่หน้าคาร์ลอสเตเวซ หลังจากบาร์ตันได้รับใบแดงเขาได้เดินมาเตะเข่าของอเกวโร่จากนั้นก็พยายามที่จะโจมตีแว็งซ็อง กงปานี อย่างไรก็ตามเกมส์ยังคงเดินหน้าต่อไป ผลปรากฎว่าแมนเชสเตอร์ซิตี้พ่ายแพ้ให้กับควีนส์ปาร์คเรนเจอร์ส 2-1 ประตู

ในฤดูกาลปี 2012–2013 อเกวโร่เริ่มต้นด้วยการเปิดสนามกับเชลซีใน FA ปี 2012 ที่วิลล่าพาร์คผลปรากฏว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้เอาชนะมาได้ด้วยสกอร์ 3-2 ประตู ในการแข่งขันนัดแรกในฤดูกาลสำหรับเกมส์เหย้ากับเซาแธมป์ตันของอเกวโร่พบว่าในนาทีที่ 13 เขาถูกเปลี่ยนตัวเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า วันที่ 18 กันยายน ปี 2012 อเกวโร่ได้เป็นตัวสำรองแต่ไม่ได้ลงสนามซึ่งผลปรากฏว่าเรียล มาดริด เอาชนะไปได้ 3-2 ประตู หลังจากการแข่งขันอเกวโร่กล่าวว่าเขาจะเข้าร่วมทีมกับเรียล มาดริด ในปี 2011 แต่เขาก็ยังคงอยู่กับแมนเชสเตอร์ซิตี้ต่อไป เมื่อวันที่ 29 กันยายน เขากลับมาลงเล่นในบ้านโดยพบกับอาร์เซนอลในศึกพรีเมียร์ลีกส์เสมอ1-1 ประตู และเขาได้ทำประตูแรกของฤดูกาลในการพบกับฟูแล่มจบเกมส์ด้วยสกอร์ 2-1 ประตู อเกวโร่ยังทำแต้มในแชมเปี้ยนลีกด้วยการเอาเสมออาแจ็กซ์และเรอัลมาดริดอีกด้วย ต่อมาในวันที่ 15 ธันวาคมเขายิงประตูช่วยให้ทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ชนะนิวคาสเซิล ไป 3-1 ประตู เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม แมนเชสเตอร์ซิตี้อพบกับนอริชซิตี้เฉือนชนะไป 4-3 ประตู ต่อมาวันที่ 2 มกราคมหลังจากที่เขายิงลูกโทษในนาทีที่ 73 เขาก็เกิดการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย แต่นั่นไม่ได้มีผลต่อทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้เพราะทีมเอาชนะสโต๊คมาได้ 3-0 ประตู

ไทม์รายงานว่าอเกวโร่เป็นเป้าหมายหลักในแลกเปลี่ยนตัวนักเตะของยักษ์ใหญ่สเปนอย่างเรอัล มาดริด แต่อเกวโร่ได้ออกมาแถลงว่า “ฉันมีความสุขมากที่อยู่กับแมนเชสเตอร์ซิตี้และฉันรู้สึกชื่นชมและรักที่นี่” โดยผู้บริหารระดับสูงของแมนเชสเตอร์อย่างเฟอร์รัน โซเรียโน่ได้ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการเปลี่ยนตัวนักเตะและยืนยันว่าอเกวโร่จะอยู่กับแมนเชสเตอร์ซิตี้ต่อไป อย่างไรก็ตามดิเอโก มาราโดน่าสนับสนุนให้อเกวโร่เข้าร่วมทีมกับเรอัลมาดริดโดยเชื่อว่าหากเขาเข้ามาอยู่ในทีมเรียลมาดริดจะสามารถช่วยให้คริสเตียโน โรนัลโดได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ปี 2013 อเกวโร่เซ็นสัญญาขยายเวลาขึ้นอีกหนึ่งปีกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ทำให้เขาอยู่กับทีมจนถึงปี 2017 เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ปี 2013 เขาได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อแมนเชสเตอร์ซิตี้ ว่า “ฉันมุ่งมั่นที่จะอยู่กับแมนเชสเตอร์ซิตี้เพราะเป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยม”

เข้าสู่ฤดูกาลปี 2013–2014 หลังจากที่อเกวโร่ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าทำให้เขาต้องออกจากเกมส์ก่อนจบฤดูการแข่งขันทั้งหมดของสโมสร อเกวโร่ยิงประตูสร้างชัยชนะให้ทีมเหนือนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 4-0 ประตูในเกมส์เปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกปี 2013-2014 เมื่อวันที่ 22 กันยายน ปี 2013 เขาได้คะแนนรั้งในบ้านเฉือนชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 4-1 ประตู เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปี 2013 อเกวโร่ถูกเปลี่ยนตัว ในการลงเล่นกับอาร์เซนอลเนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บที่น่องขาแต่ทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ก็ยังคว้าชัยชนะมาได้ 6-3 ประตู จากการบาดเจ็บทำให้เขาพลาดการแข่งขันไป 8 นัด เมื่อวันที่ 16 มกราคม ปี2014 เขากลับมาหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บและลงเล่นในการแข่งขันรอบที่ 3 ของ FA Cup กับแบล็กเบิร์นโรเวอส์สร้างชัยชนะให้ทีม 5-0 ประตู เขายิงแฮตทริกครั้งแรกของฤดูกาลในรอบต่อมาของการแข่งขันทำให้คว้าชัยชนะจากวัตฟอร์ด 4-2 ประตู ในวันที่ 29 มกราคม เขาทำประตูที่ 50 ในพรีเมียร์ลีกส์ โดยลงสนามที่ท็อตแนมกับชัยชัยชนะ 5-1 ประตู และเขาได้รับบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายจากการลงสนามในศึกครั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 เมษายน ปี 2014 แมนเชสเตอร์ ซิตี้พ่ายแพ้เวสต์บรอมวิชอัลเบียน 3-1 ประตู ที่แมนเชสเตอร์สเตเดียม หลังจากอเกวโร่ทำประตูสุดท้ายของฤดูกาลในการเอาชนะเอฟเวอร์ตันที่กูดิสันพาร์คในวันที่ 3 พฤษภาคม

ในฤดูกาลปี 2014–2015 วันที่ 14 สิงหาคม ปี 2014 อเกวโร่ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับแมนเชสเตอร์ซิตี้โดยมีระยะเวลาอีก 5 ปีจนถึงปี 2019 อเกวโร่ทำประตูแรกของปี 2014–2015 ขณะที่เขาลงสนามแทนเอดินเซเคโกในนาทีที่ 83 ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกส์นัดเปิดฤดูกาลกับนิวคาสเซิลเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม เนื่องจากเขาเพิ่งกลับมาจากการชิงแชมป์ฟุตบอลโลก ในวันที่ 6 ธันวาคม อเกวโร่ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าในนาทีที่ 2 ของการลงสนามพบกับเอฟเวอร์ตัน แต่ผลปรากฎว่าแมนเชสเตอร์ซิตี้ชนะเอฟเวอร์ตัน 1-0 ประตู และเขาไม่สามารถลงเล่นได้อีกในช่วงเวลาที่เหลือในปี 2014 เขากลับมาลงเล่นให้ทีมอีกครั้งเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2558 ในตำแหน่งตัวสำรองในนาทีที่ 67 ผลปรากฎว่าเสมอ 1-1 ประตู เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้เอาชนะสโต๊คซิตี้ 4-1 ประตู เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ในการแข่งขันกับนิวคาสเซิลยูไนเต็ดได้เพียง 72 วินาทีอเกวโร่ได้ทำการเตะลูกโทษที่เร็วที่สุดในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ปี 1994

เมื่อวันที่ 12 เมษายน ในการพบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอเกวโร่ได้ยิงลูกเข้าประตู 2 ลูกทำให้พ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยสกอร์ 4-2 ประตูที่โอลแทรพฟอร์ด เขายิงลูกเข้าประตูเป็นครั้งที่ 100 ตั้งแต่อยู่ในทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้มา เขาผ่านการยิงลูกเตะมาจำนวน 30 ประตูในฤดูกาลด้วยการยิงลูกแฮตทริกและเอาชนะควีนส์ปาร์คเรนเจอร์มาได้ 6-0 ประตูที่แมนเชสเตอร์สเตเดียมเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ในวันที่ 24 พฤษภาคม สำหรับการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่แมนเชสเตอร์ซิตี้กับเซาแธมป์ตัน อเกวโร่ยิงประตูเป็นครั้งที่ 26 ในฤดูกาลแข่งขันพรีเมียร์ลีกส์ ทำให้เขาได้รับรางวัล Premier League Golden Boot

ในฤดูกาลปี 2015–2016 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ปี 2015 อเกวโร่ประกาศว่าเขาจะเปลี่ยนจากเสื้อหมายเลข 16 มาเป็นหมายเลข 10 ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นของเพื่อนร่วมทีมที่ชื่อ เอดิน เจโก ในวันที่ 23 สิงหาคม ทีมเขาทำประตูเฉือนชนะไปได้ 2-0 ประตูที่เมืองเอฟเวอร์ตัน อเกวโร่ได้ทำการหยุดเกมหลังจากเกิดการบาดเจ็บและได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์สนาม ต่อมาในวันที่ 30 กันยายน อเกวโร่ได้ยิงลูกโทษในนาทีสุดท้ายส่งผลให้ทีมชนะ 2-1 ประตู ที่โบรุสซีอา-พาร์ค วันที่ 3 ตุลาคม อเกวโร่ยิง 5 ประตู พาทีมเฉือนชนะนิวคาสเซิล 6-1 ประตู โดยร่วมเล่นกับ แอนดี้ โคล, อลัน เชียเรอร์, เจอร์เมน เดโฟและดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟในเกมพรีเมียร์ลีก อเกวโร่ยิงเข้าระตูทั้ง 5 ลูกภายในเวลา 23 นาทีของเกมทำให้มันเป็นห้าประตูที่เร็วที่สุดตั้งแต่เริ่มมีพรีเมียร์ลีกในปี 1992 ต่อมาอีกสี่นาทีหลังจากที่เขาทำประตูที่ห้าในนาทีที่ 62 อเกวโร่ถูกเปลี่ยนตัวโดยผู้จัดการทีมอย่างมานูเอล เพลเลกรีนี่ ในขณะที่เขากำลังรับการรักษาเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ขาในครึ่งหลัง เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับเอกวาดอร์ปี 2018 อเกวโร่ได้รับบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายฉีกขาดในช่วงต้นเกมส์และถูกพาตัวออกจากสนามด้วยน้ำตานอง ตัวเขาเองบอกว่าเขาคาดว่าจะออกไปพักรักษาตัวประมาณ 4 สัปดาห์ แม้ว่าหลายๆสื่อจะกล่าวว่าอาการบาดเจ็บของอเกวโร่นั้นจะต้องใช้เวลาพักรักษาตัวถึง 8 สัปดาห์ เขากลับมาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ลงเล่นในบ้านกับลิเวอร์พูลผลปรากฎว่าทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้แพ้คาบ้าน 1-4 ประตู นี่เป็นการยิงลูกครั้งที่ 85 ในพรีเมียร์ลีกส์ของเขาทำให้ทีมมีคะแนนสูงสุดของอเมริกาใต้ในตลอดดิวิชั่น

เมื่อวันที่ 16 เมษายน ปี 2016 อเกวโร่ยิงลูกแฮตทริกและพาทีมเอาชนะเชลซี 3-0 ประตูโดยจบลงด้วยการยิงลูกโทษ เขากลายเป็นผู้เล่นคนที่ 3 ที่สามารถทำประตูโดยการยิงลูกแฮตทริคในพรีเมียร์ลีกส์ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์และถือเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ที่สามารถทำ 20 ประตูในสามฤดูกาล อีกสามวันต่อมาเขายิงประตูในการแข่งขัน พรีเมียร์ลีกส์ครั้งที่ 100 ทำให้เสมอ 1-1 ประตูที่นิวคาสเซิล เขาเป็นนักเตะครบศตวรรษด้วยการลงเล่นทั้งสิ้น 147 เกมส์นับว่าเขาเป็นที่ 2 รองจากอลันเชียเรอร์ที่ลงเล่นทั้งสิ้น 124 เกมส์ ต่อมาทีมอเกวโร่พบกับนิวคาสเซิลและได้ชัยชนะเป็นลำดับที่ 6 ของฤดูกาลทำให้เขาเป็นผู้เล่นคนที่ 6 ในพรีเมียร์ลีกส์ที่ทำประตูได้ 6 ประตูในการอยูสโมสรเดียว เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2015–2016 ในพรีเมียร์ลีกส์ อเกวโร่จบฤดูกาลด้วยการทำ 24 ประตูและได้รับรางวัล Golden Boot อย่างไรก็ตามจากการลงสนามของเขาทั้งหมด 30 ครั้งทำให้อเกวโร่ถูกบันทึกให้เป็นผู้ที่มีคะแนนการยิงประตูดีที่สุดในลีกส์

ในฤดูกาลปี 2016–2017 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ปี 2016 อเกวโร่ทำประตูในการแข่งขันครั้งแรกให้กับแมนเชสเตอร์ซิตี้ภายใต้การบริหารของเปป กวาร์ดิโอลา (Pep Guardiola) ด้วยการเอาชัยชนะซันเดอร์แลนด์ในวันเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกส์มาได้ 2-1 ประตู
ในการแข่งขันกับเวสต์แฮมเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม อเกวโร่ได้ตีวินสตันเรดซึ่งเป็นผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้กรรมการต้องตัดสินขาด เรดต้องหยุดพักเป็นเวลานาน FA จึงได้กำหนดข้อห้ามสามข้อในการใช้ความรุนแรงและกล่าวหาว่าอเกวโร่ประพฤติตนในลักษณะ “ก้าวร้าวใช้กำลังและโหดร้ายเกินไป” เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ปี 2016 อเกวโร่ยิงประตูที่ 150 ในการแข่งขันกับมิดเดิ้ลสโบรช์ทำให้เสมอ 1-1 ประตู เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมทีมเขาได้ลงเล่นกับเชลซีแต่พ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 1-3 ประตู
ในฤดูกาลปี 2017–2018

หลังจากทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ทำแต้มในการเปิดฤดูกาลกับไบรท์ตัน & โฮฟอัลเบียนไปเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม อเกวโร่ทำประตูที่สองของฤดูกาลโดยเอาชนะลิเวอร์พูลไปได้ 5-0 ประตู หนึ่งสัปดาห์ต่อมาอเกวโร่ยิงประตูด้วยลูกแฮตทริคไป 6 ลูกในพรีเมียร์ลีกส์เอาชนะวัตฟอร์ด 6-0 ประตูทำให้แมนเชสเตอร์ซิตี้ครองตำแหน่งสูงสุดของลีกส์ เมื่อวันที่ 28 กันยายนอเกวโร่ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนหลังจากกำลังเดินทางไปเข้าร่วมคอนเสิร์ตของมาลูมาในอัมสเตอร์ดัม เมื่อแท็กซี่ที่เขาโดยสารมาชนเข้ากับเสาไฟ เขาได้รับบาดเจ็บซี่โครงหักและต้องพักรักษาตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม อเกวโร่ยิงประตูที่ 177 ให้กับแมนเชสเตอร์ซิตี้ในการเฉือนเอาชนะเบิร์นลีย์ 3-0 ประตูซึ่งเทียบเท่ากับบันทึกของอีริค บรู๊ค นี่ถือเป็นชัยชนะครั้งที่ 11 จากนั้นมาเขายิงประตูที่ 178 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่นาโปลีในเกมส์แชมเปียนส์ลีกส์เอาชนะมาด้วยสกอร์ 4-2 ประตู มีผลทำให้ทีมของเขาผ่านไปยังรอบน็อคเอาท์ ถัดมา 20 มกราคม อเกวโร่ยิงแฮตทริกครั้งที่สองของฤดูกาลโดยพบกับนิวคาสเซิลเอาชนะมาได้ด้วยสกอร์ 3-1 ประตู เป้าหมายที่สองของเขาคือการยิงเข้าประตู 350 ครั้งในการเป็นนักบอลอาชีพของเขา หลังจากนั้นเขาก็ได้รับรางวัลพรีเมียร์ลีกในฐานะที่เป็นผู้เล่นดีเด่นประจำเดือนมกราคมซึ่งเขาได้รับรางวัลเป็นครั้งที่ 5 ในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ อเกวโร่ยิงสี่ประตูในบ้านสำหรับการแข่งขันพรีเมียร์ลีกเฉือนชนะเลสเตอร์ซิตี้ 5-1 ประตูถือเป็นการยิงลูกแฮตทริกลูกที่ 3 ของฤดูกาล

ในฤดูกาลปี 2018–2019 ในเกมแรกของฤดูกาล อเกวโร่ทำสองประตูส่งผลให้ได้รับชัยชนะเหนือเชลซีด้วยสกอร์ 2-0 ประตู ที่เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ ในปี 2018 เขาสามารถยิงประตูให้สโมสรเดียวได้ถึง 200 ประตู ในวันที่ 19 สิงหาคม อเกวโร่ยิงแฮตทริกในพรีเมียร์ลีกครั้งที่ 9 เฉือนชนะฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ 6-1 ประตู นอกจากนี้เขายังทำประตูสูงสุดใน 10 อันดับของลีกส์ตลอดกาลและเป็นอันดับที่ 2 ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก อเกวโร่ยิงชนคาน 2 ครั้งในการแข่งขันทำให้เสมอกับวุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 1-1 ประตู เมื่อวันที่ 21 กันยายนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ยืนยันผ่านเว็บไซต์หลักของพวกเขาว่าอเกวโร่ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรทำให้เขายังคงอยู่ที่สนามกีฬาเอทิฮัด (Etihad) จนถึงปี 2021 ในวันที่ 22 กันยายน อเกวโร่ลงสนามในนามทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้มาแล้ว 300 ครั้ง และอเกวโร่ยังทำประตูเฉือนชนะคาร์ดิฟฟ์ซิตี้ 5-0 ประตูอีกด้วย 4 พฤศจิกายน อเกวโร่ทำประตูให้ทีมในพรีเมียร์ลีกได้ถึง 150 ประตู และพาทีมเอาชนะเซาท์แฮมตันในบ้านไป 6-1 ประตู เป็นที่แน่นอนแล้วว่าอเกวโร่ สร้างสถิติเป็นคนที่ 9 สำหรับพรีเมียร์ลีกซึ่งเขายิงประตูถึง 150 ประตูและเป็นคนที่ 3 รองจากเทียร์รี่ เฮนรี่ และเวน รูนี่ นอกจากนี้เขายังสร้างสถิติเป็นผู้เล่นคนที่สองที่เร็วสุดในการเข้าถึงบอลรองจากแอลัน เชียเรอร์ซึ่งเขาลงสนามน้อยกว่า 5 ครั้ง เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ปี 2018 อเกวโร่ทำประตูที่สองในการเฉือนเอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-1 ประตู ซึ่งมันทำให้เขามีส่วนช่วยทำให้ทีมแมนเชสเตอร์มีคะแนนสูงสุดในพรีเมียร์ลีก

เซย์คิโอ ในมาดชุดทีมชาติอาร์เจนติน่า

นักเตะระหว่างประเทศ (International career)

ทีมเยาวชน

อเกวโร่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมอาร์เจนติน่า U17 ในการแข่งขันชิงแชมป์อเมริกาใต้ U-16 ปี 2004 ที่ปารากวัยในเดือนกันยายน เขาเข้าร่วมในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มของอาร์เจนตินาและเฉือนชนะสหรัฐอเมริกาด้วยสกอร์ 2-1 ประตูและเอาชนะเอกวาดอร์ไปด้วนสกอร์ 3-1 ประตูช่วยให้อาร์เจนตินาจบในลำดับสูงของกลุ่ม อเกวโร่ทำประตูได้ในนาทีที่ 47 เฉือนชนะเปรูไปด้วยสกอร์ 1-0 ประตุ ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศกับโคลัมเบียพบว่าทีมอาร์เจนตินาพ่ายแพ้ไป 2-0 ประตู อเกวโร่เป็นตัวแทนของอาร์เจนตินาถึง 2 ครั้งในการแข่งขัน FIFA World Youth Championships ซึ่งเขาชนะการแข่งขันจากทั่วโลก เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมซึ่งได้รับรางวัลในปี 2005 ที่เนเธอร์แลนด์พร้อมกับเพื่อนร่วมทีม การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในอนาคตประมาณปี 2008 อเกวโร่จะได้เข้าร่วมทีมกับเฟร์นันโด กาโกและลีโอเนล เมสซี่

FIFA U-20 World Cup ในปี 2007 ที่จัดขึ้นในแคนาดา ในเกมส์ที่สองของกลุ่มที่ 2 ของการแข่งขันพบว่าอเกวโร่ยิงไปสองลูกและมีส่วนช่วยในอีก 3 ลูกซึ่งมีส่วนช่วยพาทีมเอาชนะปานามา 6-0 ประตู จากนั้นเขายิงประตูเดียวจากการเตะฟรีคิกในการแข่งขันนัดที่สามในการพบกับเกาหลีเหนือ หลังจากผ่านการคัดเลือกรอบ 16 ทีมเขายิงลูกสองในสามประตูทำให้ผลบอลสดจบด้วยการเฉือนชนะโปแลนด์ไป 3-1 ประตูเข้าสู่รอบถัดไป อาร์เจนตินาพ่ายแพ้ให้กับเม็กซิโกและชิลีในรอบรองชนะเลิศ และเผชิญหน้ากับสาธารณรัฐเช็กในรอบชิงชนะเลิศ ผลปรากฏว่าเสมอกันไปด้วยสกอร์ 0-0 ประตู อเกวโร่ซัดลูกในนาทีที่ 62 ซึ่งนำทีมไปสู่ชัยชนะ 2-1 ประตู นอกจากนี้อเกวโร่ยังได้รับรางวัล Golden Boot จากการแข่งขันด้วยการยิง 6 ประตูใน 7 ครั้งและได้รับ Golden Ball ยกย่องให้เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของการแข่งขัน ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของทีมอาร์เจนตินาที่ลงเล่นในโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงปักกิ่ง ในปี 2008 อเกวโร่ยิงสองประตูในระยะเวลา 5 นาทีครึ่งในการเอาชนะบราซิลไปด้วยสกอร์ 3-0 ประตูในรอบรองชนะเลิศเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ปี 2008 ส่งผลให้อาร์เจนตินาชนะเหรียญทองติดต่อกันเป็นครั้งที่สองในการแข่งขันโอลิมปิก

ทีมอาวุโส

เริ่มต้นในฟุตบอลโลกปี 2010-2011 และโคปา อเมริกา (Copa América) ตอนอเกวโร่อายุ 18 ปี เขาลงเล่นในทีมอาร์เจนตินาซึ่งเป็นมิตรกับบราซิลเล่นที่สนามกีฬาเอมิเรตส์สเตเดียมประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 3 กันยายน ปี 2006 อีกหนึ่งปีต่อมาเขายิงประตูแรกของเขาในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในปี 2010 กับโบลิเวียและทำประตูได้อีกสามครั้งทำให้เขาประสบความสำเร็จในการแข่งขันรอบสุดท้ายในแอฟริกาใต้ อเกวโร่ได้รับเลือกให้ร่วมเล่นในศึก FIFA World Cup ปี 2010 ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มในรอบสองของอาร์เจนตินากับเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ปี 2010 เขาลงเปลี่ยนตัวกับการ์โลส เตเบซ (Carlos Tevez) ในนาทีที่ 75 ส่งผลให้อาร์เจนตินาได้ประตูในนาทีถัดไป เขาช่วยกอนซาโล่ทำประตูแฮชทริกในช่วงปลายของเกมส์ ทำให้อาร์เจนตินาเฉือนชนะไป 4-1 ประตู อย่างไรก็ตามต่อมาอาร์เจนตินานั้นพ่ายแพ้ให้กับเยอรมนีในรอบรองชนะเลิศ อเกวโร่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งใน 23 คนสำหรับการแข่งขันโคปา อเมริกา ปี 2011 (Copa América) ที่อาร์เจนตินา โดยอยู่กลุ่ม A กับโบลิเวีย โคลัมเบียและคอสตาริกา เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม มีการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มของอาร์เจนตินากับโบลิเวีย อเกวโร่ลงสนามเปลี่ยนตัวกับเอเซเกียล ลาเบซีในนาทีที่ 71 และทำประตูในนาทีที่ 76 ส่งผลให้เสมอไป 1-1 ประตู เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมในการแข่งขันรอบสามของกลุ่มซึ่งทีมอาร์เจนตินาพบกับคอสตาริกา อเกวโร่ได้ทำประตูเอาชนะไป 3-0 ประตูและจบตำแหน่งที่สองในกลุ่ม

ฟุตบอลโลกปี 2014-2015 และโคปา อเมริกา ปี 2016

อเกวโร่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งใน 23 คนของทีมอาร์เจนติน่าในเกมส์ฟุตบอลโลกปี 2014 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน เขาลงเล่นพร้อมกับลีโอเนล เมสซี่ โดยสามารถเอาชนะบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาไปได้ 2-1 ประตูที่สนามกีฬาเอสตาจีอูดูมารากานัง(Estádio do Maracanã) อเกวโร่ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าร่วมกับทีมจากอาร์เจนตินาในการแข่งขันโคปา อเมริกา(Copa América)ในปี 2015 และในเกมส์อุ่นเครื่องเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมากับโบลิเวียในซานฮวน เขาได้ยิงลูกแฮชทริคเป็นครั้งแรกและพาทีมคว้าชัยชนะ 5-0 ประตู เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน เขายิงประตูแรกให้ทีมอาร์เจนตินาในการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มกับปารากวัย ในรอบรองชนะเลิศ อเกวโร่ได้จับตามองอังเคล ดิ มาริอาเป็นอย่างดีแต่อาร์เจนตินาก็พ่ายแพ้ให้กับปารากวัย ไปด้วยประตู 6-1 เพื่อให้เข้าถึงรอบสุดท้ายของโคปา อเมริกา (Copa América) ในปี 2015 อเกวโร่ลงเล่นนัดสุดท้ายของฤดูกาลกับชิลี แต่ถูกเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 74 มาเป็นกอนซาโล่ อิกัวอิน ซึ่งทำให้แมนเชสเตอร์ซิตี้ต้องสูญเสียลูกโทษไป

อเกวโร่ถูกจัดให้อยู่ในทีมเดียวกับเคราร์โด มาร์ติโน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 23 คน สำหรับกางลงเล่นในโคปา อเมริกา เซนเตนาริโอ(Copa América Centenario) และเขาได้ทำประตูแรกให้ทีมอาร์เจนตินาของการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มที่สองโดยการเอาชนะปานามาด้วยประตู 5-0 วันที่ 10 มิถุนายน ปี 2016 พวกเขาก้าวเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของการแข่งขัน และอีกไม่นานอเกวโร่ก็พิจารณาถอนตัวออกจากการลงเล่นฟุตบอลนานาชาติหลังจากพ่ายแพ้ชิลีในการยิงลูกโทษในรอบสุดท้ายของการแข่งขันเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน
เวิด์ล คัพ 2018 (World Cup 2018) เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ปี 2017 อเกวโร่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากหมดสติในห้องแต่งตัวจากการลงสนามที่เวลาครึ่งหลัง ส่งผลให้ทีมพ่ายแพ้ไนจีเรียไป 4-2 ประตูสำหรับนัดกระชับมิตรที่เมืองครัสโนดาร์ประเทศรัสเซีย ในเดือนพฤษภาคม ปี 2018 อเกวโร่ได้ถูกเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งใน 35 คนของอาร์เจนตินาสำหรับฟุตบอลโลกในปี 2018 ที่จะจัดขึ้นที่รัสเซีย ในเดือนต่อมาเขาถูกจัดให้อยู่ในทีม 23 คนสุดท้ายของฮอร์เก้ ซัมเปาลี่สำหรับการแข่งขัน ในการแข่งขันนัดแรกกับทีมไอซ์แลนด์เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน อเกวโร่ได้ยิงประตูตีเสมอ 1-1 ประตู และนี่ถือเป็นเป้าหมายในฟุตบอลโลกครั้งแรกของเขา ถึงแม้ว่าจะได้เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยได้เข้าไปแข่งขันกับฝรั่งเศสในวันที่ 30 มิถุนายน แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะพาทีมขึ้นสู่ความสำเร็จได้

รูปแบบการเล่นของเจ้าหนูกุน

อเกวโร่ได้รับการยกย่องว่าเป็นศูนย์หน้าที่ดีที่สุด แต่เขาก็สามารถเล่นเป็นกองหน้าคนที่สองจากกองหน้าอีกคนหนึ่งได้เป็นอย่างดี ซึ่งเขามักทำเช่นนี้กับคู่หูอย่างดิเอโก ฟอร์รัน ในการลงสนามเนื่องจากความสามารถและทักษะในการส่งบอลของพวกเขานั้นดีมาก ความฉลาดทางการใช้กลวิธีและวิสัยทัศน์ของเขาซึ่งทำให้เขาเป็นคนที่มีความสามารถในด้านนี้ ผู้เล่นที่มีอิทธิพลต่อสไตล์การเล่นของอเกวโร่คืออดีตกองหน้าชาวบราซิลที่มีชื่อว่าโรนัลโด, ลีโอเนล เมสซี่, โรนัลดินโญ่และดิเอโก มาราโดนาในฐานะผู้เล่นที่ดีที่สุด และเขายังพูดอีกว่าผู้เล่นที่มีอิทธิพลต่อการเล่นบอลของเขามากที่สุดคือ“โรนัลโด้”

อดีตผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้อย่างโรแบร์โต มันชินีได้เปรียบเทียบอเกวโร่กับอดีตกองหน้าชาวบราซิลอย่างโรมาริโอเอาไว้ เนื่องจากเขามีความสามารถในการทำประตูสูงมาก การยืนประจำตำแหน่งในสนามและการใช้เทคนิคต่างๆในการเล่นได้เป็นอย่างดี แม้ว่าตามธรรมชาติทั่วไปคนเราจะถนัดเท้าขวาแต่อเกวโร่ยังสามารถใช้เท้าซ้ายในการยิงเป้าได้ดีและสามารถทำได้ดีทั้งในบ้านและนอกบ้านด้วยการยิงลูกเตะที่ทรงพลังและแม่นยำ การยิง การวางเท้า ในการส่งลูกเข้าทำประตูของอเกวโร่นั้น ถือว่าอยู่ในระดับท็อป นับว่าเขาก็เป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับกองหลังและผู้รักษาประตูของสโมสรอื่นๆ เขาเป็นนักเตะฟุตบอลที่มักจะมองไปข้างหน้าอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะมีรูปร่างที่เล็กแต่ความแข็งแกร่งนั้นอย่างไรก็เป็นของจริง คล้ายคลึงกับ การ์โลส เตเบซเพื่อนร่วมทีม ที่เรียกได้ว่าเป็นนักเตะที่มีความสมบูรณ์แบบและลงตัวที่สุด อเกวโร่เป็นผู้ที่ทำประตูได้อย่างสมบูรณ์แบบ การเล่นของเขานั้นโดดเด่นเต็มไปด้วยความว่องไวและความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก โดยอดีตผู้เล่นชาวอาร์เจนตินาอย่างออสวัลโด อาร์ดิเลส ได้กล่าวถึงเขาไว้ว่า “อเกวโร่เป็นผู้ที่เฉียบแหลมและฉลาดเป็นอย่างมาก” แม้เขาจะมีความสามารถมากเพียงใดแต่เวลาลงเล่นในสนามเขามักถูกจำกัดด้วยอาการบาดเจ็บของเขาตลอดการลงเล่น

ชีวิตด้านครอบครัว

อเกวโร่แต่งงานกับจิอันนีน่า มาราโดน่า (Gianinna Maradona) ลูกสาวคนสุดท้องของนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินาที่มีชื่อว่าดิเอโก้ มาราโดน่า (Diego Maradona) เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ปี 2009 จิอันนีน่าได้ให้กำเนิดลูกชายในขณะที่อเกวโร่อายุเพียง 20 ปีเท่านั้น โดยตั้งชื่อว่า เบนจามิน (Benjamín) ที่เมืองมาดริด ซึ่งผู้เป็นตาอย่างดิเอโก มาราโดนาก็รออยู่ที่นั่นเพื่อเฝ้าดูการกำเนิดของหลานคนแรกของเขา ทำให้อเกวโร่พลาดการฝึกซ้อมของแอตเลติโกก่อนหน้านี้ในวันนั้น และแอตเลติโกไดแสดงความยินดีด้วยการแถลงการณ์บนเว็บไซต์หลักของพวกเขา ต่อมาอเกวโร่และจิอันนีน่าได้แยกทางกันในปี 2012 หลังจากอยู่ด้วยกันมานานกว่า 4 ปี ชื่อเล่นของ “อเกวโร่” คือ “กุน” ตามชื่อที่สกรีนบนเสื้อของเขาเมื่อวัยเด็ก “กุน” เป็นชื่อที่เขาได้รับจากปู่ย่า เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับตัวละครที่ชื่อ ” Kum-Kum” จากการ์ตูนอะนิเมะเรื่อง Wanpaku Omukashi Kumu Kumu ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์ที่อเกวโร่ชื่นชอบในวัยเด็กเป็นอย่างมาก เขามีรอยสักที่แขนขวาด้านในเป็นคำว่า Tengwar ซึ่งรูปแบบของตัวหนังสือนั้นคิดค้นโดยเจอาร์อาร์ โทลคีน (JRR Tolkien) ในเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ซึ่งอ่านออกเสียงเป็นชื่อของตัวเขาเองว่ากุน อเกวโร่ (Kun Agüero) นอกจากนี้เขายังมีรอยสักที่แขนซ้ายอีกด้วยซึ่งเขาสักเป็นชื่อลูกชายของเขาพร้อมวันเดือนปีเกิดอีกด้วย อเกวโร่ถือสัญชาติสเปนหลังจากที่เขาได้รับสัญชาติในปี 2010 ในขณะนั้นเขาได้เป็นผู้เล่นของแอตเลติโก มาดริด

อเกวโร่สนิทกับลีโอเนล เมสซี่มากๆ เขาอธิบายไว้ว่า “เมสซี่เป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆของเขา” ในอัตชีวประวัติที่ถูกเขียนขึ้นในปี 2014 และเมสซี่ยังเป็นพ่อทูนหัวของเบนจามินลูกชายของอเกวโร่อีกด้วยนอกจากนี้เอกวโร่ยังมีพี่น้องอีก 2 คน ซึ่งมีชื่อว่า Gastón del Castillo และ Mauricio del Castillo

ชีวิตชิลๆของกุน