ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ (Javier Pastore)

ปาสตอเร่ เกิดที่เมือง คอร์โดบ้า

ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ เกิดวันที่ 20 มิถุนายน 1989 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอาร์เจนตินา ที่เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกกับ โรม่า ในเซเรีย อา และทีมชาติอาร์เจนตินา

ปาสตอเร่ เล่นฟุตบอลกับ ทัลเลเรส และ ฮูรากัน ก่อนที่จะย้ายมา ปาแลร์โม่ ในอิตาลี ปี 2009 ด้วยค่าตัว 7 ล้านยูโร ปี 2011 ย้ายไปฝรั่งเศสโดยเล่นกับ เปแอสเช ด้วยค่าตัว 39.8 ล้านยูโร พาทีมคว้าทุกแชมป์ในประเทศ ต่อมาย้ายมาเล่นกับ โรม่า ในปี 2018 ด้วยค่าตัว 24.7 ล้านยูโร

ระดับทีมชาติ เขาได้ลงสนามกับทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2010 และได้ลงสนามกว่า 20 เกม โดยได้ไปลงเล่นในฟุตบอลโลก 2010 และฟุตบอลโคปา อเมริกา 3 ครั้ง พาทีมเข้าชิงชนะเลิศในปี 2015 และ 2016 แต่ได้แค่รองแชมป์

เส้นทางลูกหนัง

ปาสตอเร่ เกิดที่เมือง คอร์โดบ้า เป็นครอบครัวของชาวอาร์เจนตินา-อิตาลี จากเมืองโวลเวร่า ตูริน เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับทีมในอาร์เจนตินา ทัลเลเรส และได้ลงสนามในทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2007 ประเดิมสนามในฟุตบอลดิวิชั่นสอง ภายใต้ผู้จัดการทีม ริคาร์โด้ กาเรก้า ปี 2007 เขาได้ลงสนามกว่า 5 เกม

ฮูราคัน

ช่วงฤดูกาล 2008 ปาสตอเร่ ย้ายสู่ ฮูรากัน ขึ้นเล่นในพรีเมร่า ลีกา เขาได้ลงสนามเกมแรกให้ทีม ฮูรากัน วันที่ 24 พฤษภาคม 2008 เกมนั้นทีมแพ้ต่อ ริเวอร์เพลท 1-0 ปี 2009 ในฟุตบอลเคลาซูร่า แชมเปี้ยนชิพ เขาได้ลงสนามภายใต้ผู้จัดการทีม อังเกล คัปป้า ด้วยฟอร์มการเล่นของเขาทำให้เขายิงประตู ริเวอร์เพลท จากระยะ 25 หลาและพาทีมชนะ ริเวอร์เพลท 4-0 เป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี เขาได้ตำแหน่งดาวซัลโวของทีมด้วยการยิง 7 ประตู และ 3 แอสซิสต์ ปาสตอเร่ และ มัทเธียส เดอ เฟเดริโก้ มีส่วนสำคัญให้ทีมประสบความสำเร็จในปีนั้น

ปาแลร์โม่

ปาสตอเร่ ย้ายมาเล่นให้ ปาแลร์โม่ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2014 ด้วยสัญญา 5 ปีค่าตัวประมาณ 4.7 ล้านยูโร โดยเขาเป็นที่สนใจของหลายทีมในยุโรป ทั้งแมนฯยู ,ปอร์โต้, มิลาน, เชลซี

เขาได้ลงสนามเกมแรกให้ทีมวันที่ 15 สิงหาคม เกมโคปป้า อิตาเลีย และเซเรียอา ในอีก 8 วันต่อมา วันที่ 4 ตุลาคมได้ลงสนามพบ ยูเวนตุส เขาจ่ายบอลให้ คาวานี่ ยิงประตูให้ทีมชนะ ยูเว่ 2-0 วันที่ 30 มกราคม 2010 เกมที่แพ้ต่อบารี่ 2-4 เขายิงประตูแรกให้ทีมได้ ฤดูกาลแรกของเขากับทีมเขาพิสูจน์ว่าเป็นนักเตะดาวรุ่งอนาคตไกลของทีม

ปาสตอเร่ ได้ลงสนามในเกมรุกเคียงข้าง ฟาบริซิโอ มิคโคลี่ และ เอดินสัน คาวานี่ พา ปาแลร์โม่ จบอันดับที่ 5 ของเซเรียอา และได้ไปเล่นในยูโรป้า ลีก เมื่อฤดูกาล2010/11 วันที่ 14 พฤศจิกายน เขายิงแฮตทริกแรกในอาชีพนักฟุตบอลเกมที่พบคาตาเนีย วันที่ 30 กรกฎาคม 2011 ประธานสโมสร เมาริซิโอ ซามปารินี่ กล่าวยอมรับว่า ปาสตอเร่ เป็นที่สนใจของ เปแอสเช

เปแอสเช ประกาศว่าทีมเซ็นสัญญาคว้าตัวปาสตอเร่

เปแอสเช

วันที่ 6 สิงหาคม 2011 เปแอสเช ประกาศว่าทีมเซ็นสัญญาคว้าตัว ปาสตอเร่ เขาสวมเสื้อหมายเลข 27 และมีค่าตัวในการย้ายทีมที่ 39.8 ล้านยูโร อย่างไรก็ตาม ต้องจ่ายเงินให้เอเย่นต์ มาร์เซโล่ ซิโมเนียน ด้วยเงิน 12.5 ล้านยูโร ซึ่งทีม ปาแลร์โม่ ได้รับเงินค่าตัวนักเตะเพียง 22.8 ล้านยูโร

ปาสตอเร่ ยิงประตูแรกในลีกเอิงเกมที่พบ แบรสต์ ชนะ 1-0 วันที่ 11 กันยายน 2011 ฤดูกาลแรกที่ปาร์ค เดส์ แปรงซ์ เขายิงได้ 13 ประตูจาก 33 แมตช์ และในฟุตบอลลีกเกมสุดท้ายเขาพาทีม เปแอสเช ชนะเลิศลีกเอิงเป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน ยิงประตูในแชมเปี้ยนส์ลีก เกมที่ชนะ ดินาโม เคียฟ 4-1 วันที่ 18 กันยายน 2012

ฤดูกาล 2014/15 ปาสตอเร่ ได้ลงสนามกว่า 50 เกมและติดทีมยอดเยี่ยมของลีกเอิง พาทีมได้ 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว ทั้งลีกเอิง, เฟร้นซ์ คัพ, เฟร้นซ์ คัพ, โทรเฟ่ เดส์ ชองปิยงต์

ฤดูกาล 2016/17 เขาได้รับเสื้อหมายเลข 10 จาก ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เขาไม่ได้ลงสนามมากนัก เพราะว่าเจ็บแต่ก็ได้กลับมาลงสนามเกมที่พบ มาร์กเซย ซึ่งเขาแอสซิสต์ให้ เอดินสัน คาวานี่ เกมที่ชนะในลีกเอิง 5-1 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ อีก 3 วันต่อมาเขาลงสนามมาเป็นตัวสำรองและยิงประตูแรก แอสซิสต์ให้ คาวานี่ เกมที่ชนะทีมลีกเดอซ์ นิออร์ 2-0 ผ่านเข้าสู่รอบควอเตอร์ไฟนอลในฟุตบอลเฟร้นช์ คัพ วันที่ 19 มีนาคม 2017 ปาสตอเร่ ครอสบอลให้ อาเดรียง ราบิโอต์ และ ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ ยิงประตูชัยเหนือ ลียง 2-1

วันที่ 17 พฤษภาคม 2017 ปาสตอเร่ ลงสนามนาทีที่ 72 แทนที่ ดรักซ์เลอร์ เกมที่ชนะ อองเช่ร์ 1-0 ในฟุตบอลเฟร้นช์คัพ นัดชิงชนะเลิศ ต่อมาเมื่อ เนย์ม่าร์ ย้ายมา เขาต้องกลับมาสวมเสื้อหมายเลข 27 อีกครั้ง วันที่ 8 พฤษภาคม 2018 เขาลุกจากม้านั่งสำรองเกมที่พบ เลส์ เออร์เบีย และชนะได้ 2-0

โรม่า

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน เขาเซ็นสัญญาย้ายจาก เปแอสเช มาเล่นกับ โรม่า 5 ปี ค่าตัวที่ 24.7 ล้านยูโร ได้เสื้อหมายเลข 27 เขาได้ลงสนามเกมแรกที่ชนะ โตริโน่ วันที่ 19 สิงหาคม เขายิงประตูแรกให้ทีมวันที่ 27 สิงหาคม โดยเป็นการตอกส้นในนาทีที่ 2 เกมนั้นทีมเสมอ อตาลันต้า 3-3 ในฟุตบอลลีก

ปาสตอเร่ ได้ลงสนามครึ่งหลัง ยิงได้ 1 ประตู

ระดับทีมชาติ

ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของเขาในฟุตบอลเซเรีย อา เขาถูกเรียกติดทีมชาติอาร์เจนตินาภายใต้ผู้จัดการทีม ดิเอโก้ มาราโดน่า ซึ่งเป็นเกมกระชับมิตรกับ กาตาลุนญ่า วันที่ 22 ธันวาคม 2009 ปาสตอเร่ ได้ลงสนามครึ่งหลัง ยิงได้ 1 ประตู

ปาสตอเร่ ยังถูกเรียกมาติดทีมชาติอีกครั้งเกมกระชับมิตรกับเยอรมัน แต่ไม่ได้ลงสนาม วันที่ 25 พฤษภาคม 2010 ได้แข่งกับแคนาดา และมีชื่อเล่นฟุตบอลโลก 2010 วันที่ 22 มิถุนายน ได้ลงสนามเกมแรกนาทีที่ 77 เกมที่พบ กรีซ โยลงมาแทนที่ เซอร์จิโอ อเกวโร่ เกมนั้นทีมชนะ 2-0 วันที่ 27 มิถุนายน เกมที่พบเม็กซิโก เขาลงมาเป็นตัวสำรองนาที 87 แทนที่ มักซี่ โรดริเกซ และทีมชนะ 3-1

ปาสตอเร่ ถูกเรียกตัวอีกครั้งโดยโค้ช เกราร์โด้ มาร์ติโน่ ในโคปา อเมริกา 2015 ออกสตาร์ทเกมแรกพบปารากวัย รอบรองชนะเลิศเขายิงประตูที่สองและแอสซิสต์ให้ อังเคล ดิมาเรีย เกมนั้นทีมถล่มชนะปารากวัย 6-1 ผ่านเข้ารอบชิง รอบชิงชนะเลิศอาร์เจนตินาพบ ชิลี เจ้าภาพวันที่ 4 กรกฎาคม โดยเขาลงมาแทน เอแวร์ บาเนก้า นาทีที่ 81 เกมนั้นเสมอทั้ง 120 นาที 0-0 แต่ว่ายิงลูกโทษทีมแพ้ 1-4

ปี 2016 ปาสตอเร่ ได้ลงสนามให้ทีมฟ้า-ขาว อาร์เจนตินาเกมโคป้า อเมริกา เซนเตนาริโอ พาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแต่ว่าแพ้ดวลจุดโทษต่อ ชิลี อีกครั้ง

ปาสตอเร่ เป็นนักเตะที่เทคนิคดี

สไตล์การเล่น

ปาสตอเร่ เป็นนักเตะที่เทคนิคดีเหมาะกับการเล่นเพลย์เมกเกอร์ขนานแท้ เขาเล่นได้ทุกตำแหน่งในเกมรุก ยิงประตูและแอสซิสต์ได้ดี โดยเขาเริ่มจากการเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกมาก่อน และขยับมาเล่นปีก, กองหน้า เขาประสานงากับมิดฟิลด์ตัวกลาง เป็นผู้เล่นที่มีพรสวรรค์, แข็งแรง, เร็ว ถนัดเท้าขวามากกว่า มีคนนำเขาไปเปรียบกับ กาก้า, ซีเนอดีน ซีดาน, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และ เอ็นโซ่ ฟรานเชสโคลี่