ประวัติสโมสร โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค Borussia Monchengladbach

ประวัติสโมสร โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค

หลายคนคงยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าเดิมทีสโมสรแห่งนี้มีประวัติศาสตร์มายาวนานมากกว่า 100 กว่าปีโดยที่ใครที่ยังไม่เคยรู้มาก่อนเราจะพาท่ายย้อนรอยกลับไปหาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสโมสรเก่าแก่ของเยอรมันที่มีชื่อว่า โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค เจ้าของฉายา สิงห์หนุ่ม ทีมระดับตำนานที่ปัจจุบันในปี 2020 ยังคงเล่นอยู่ในลีกสูงสุดของประเทศเยอรมันสโมสรแห่งนี้เดิมทีเริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 1900 หากนับย้อนกลับไปก็ 120 ปีมาแล้ว ซึ่งความสำเร็จของสโมสรส่วนใหญ่เกิดขึ้นอยู่ราวๆปี คศ. 1970 พวกเขารวมรวมแชมป์ได้มากถึง 10 แชมป์ แถมยังเคยเป็นแชมป์บุนเดสลีก้า เยอรมัน มาแล้ว 5 สมัย และแชมป์บอลถ้วยในตำนานของประเทศอย่าง เดเอฟเบ โพคาล มาแล้ว 3 ครั้ง และยังได้บอลถ้วยรายการใหญ่ของยุโรปอย่าง ยูโรป้า ลีก ถึง 2 สมัย เห็นแบบนี้คงไม่ใช่สโมสรธรรมดาที่ดูจากตราสัญลักษณ์แล้วเหมือนจะไม่มีอะไรแต่จริงๆแล้วกลิ่นไอในตำนานที่พวกเขาเคยทำไว้ยังคงครุกรุ่นมาจนถึงยุคปัจจุบันแถมยังมีสมชิกในทีมมากมายถึง 75,000 คน ทีมอริที่คู่แค้นกันมาก็คือ เอฟซี โคโลญจน์ หากจะให้เทียบกับสโมสรในประเทศ กลัดบัค ถือว่าสโมสรใหญ่ที่สุดอันดับที่ 5 จัดว่าไม่เบา จุดเริ่มต้นของสโมสรเดิมทีเกิดขึ้นโดยกลุ่มคนจากสโมสรกีฬา Germania ตั้งขึ้นในวันที่ 17 พฤศจิกายน 1899 ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งยาน Eicken มึนเช่นกลัดบัค เดิมที่ครั้งแรกที่ตั้งชื่อสโมสรพวกเขาใช้ชื่อทีมว่า เอฟซี โบรุสเซีย 1900 และในปี 1914 สโมสรตัดสินใจหาซื้อพื้นที่เพื่อจะสร้างสนามเหย้าโดยได้ที่ De kull แต่ด้วยเป็นยุคของสงครามโลกทำให้การก่อสร้างต้องชะลอตัวลงจนมาสร้างเสร็จในราวๆปี 1917 และต่อมาภายในปี 1919 พวกเขาได้ตัดสินใจรวมสโมสรกับทีมฟุตบอลท้องถิ่นอย่าง Turnverein Germania 1889 และเปลี่ยนชื่อทีมอีกครั้งเป็น VFTUR M. Gladbach แชมป์รายการแรกที่พวกเขาทำได้เกิดขึ้นในปี 1920 ไม่แน่ชัดว่าเป็นแชมป์อะไรแต่ในประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกต่อมาอีก 2 ปีหลังจากที่รวมสโมสรกันมาก็ถึงเวลาสถาปณาเปลี่ยนชื่อสโมสรใหม่อีกครั้งเป็น โบรุสเซีย VfL 1900 e.V.M Gladbach ในยุคนั้นยังคงเป็นยุคของสงครามและมหาอำนาจนาซีที่ครองพื้นที่ระแวกประเทศเยอรมันทำให้การเปลี่ยนแปลงของสโมสรเกิดความไม่แน่นอนอีกทั้งภายในปี 1933 ได้มีการปฏิรูปการแข่งขันของฟุตบอลเยอรมันใหม่ กลัดบัค คือ 1 ใน 16 ทีมที่เล่นอยู่ในลีกท้องถิ่น เยอรมันฝั่งตะวันตก จนในที่สุดพวกเขาได้เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ยุคของ บุนเดสลีก้า เยอรมัน ในปี ค.ศ.1959 จนถึงปี 1965 และบอลถ้วยประวัติศาสตร์ใบแรกของประเทศอย่างรายการ เดเอฟเบ โพคาล พวกเขาสามารถคว้าเขาเอาไว้ได้ โดยนัดชิงเจอกับ คาร์ลสรูห์ เอสซี สามารถไล่บี้เอาชัยไปได้ด้วยสกอร์ 2-3 ในปี 1960 และปีต่อมาพวกเขาก็ได้เปลี่ยนชื่อมาใช้เป็น โบรุสเซีย Vfl มึนเช่นกลัดบัค ที่เรียกกันติดปากมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างไรก็ดีเรื่องราวของประวัติอาจจะมีความเกี่ยวข้องกันมาแต่เนื่องจากอย่างที่รู้ๆกันว่าในยุคสงครามหาความแน่นอนไม่ค่อยได้หากจะให้เจาะลึกถึงรายระเอียดมากเกินไปมันจะดูน่าเบื่อ จึงขอข้ามมาในยุคที่ สมาคมฟุตบอลของเยอรมัน เปลี่ยนมาเป็น บุนเดสลีกา อย่างเต็มตัว เรื่องของของสโมสรแห่งนี้ที่ขึ้นมาโลดแล่นอยู่ในตารางของพวกเขาเริ่มต้นเป็นมาอย่างไรไปติดตามกันต่อ

ยุคเริ่มต้นของศึกฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน และการเดินทางที่ผ่านมาของ สิงห์หนุ่ม

การก่อตั้งฟุตบอลอาชีพลีกสูงสุด หรือ บุนเดสลีกา เยอรมัน เกิดขึ้นราวๆปี 1963 ความแข็งแกร่งของ กลัดบัค อาจจะยังไม่แน่นพอที่จะทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ระดับท้องถิ่นมาครองได้ทำให้พวกเขายังคงต้องเดินหน้าเสเสริมตัวผู้เล่นมากกมาย พวกเขาเซ็นสัญญาพานักเตะหน้าใหม่เข้าทีมแถมยังได้รับฉายาจากประชากรคนในยุคนั้นว่า “ลูก” เพราะว่านักเตะในทีมเฉลี่ยแล้วมีอายุน้อยที่สุดในลีกทำให้ได้ฉายานี้มานั่นเองการทำงานอย่างนักของทีมบริหารและกุนซือทำให้พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกระดับภูมิภาคจนได้ไปแข่งเพลย์ออฟเลื่อนชั้นในกลุ่ม 1 ใน 6 นัดที่พวกเขาลงสนามเพลย์ออฟไปสามารถชิงชัยมาได้ทำให้พวกเขาได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นอยู่ในลีกสูงสุดได้สำเร็จ ฤดูกาล 1964-1965 การเลื่อนชั้นขึ้นมาของ กลัดบัค เป็นปีเดียวกับ เอฟซี บาเยิร์น มิวนิค ที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาโดย เสือใต้ ฝ่าการเก็บชัยชนะในกลุ่ม 2 ของการเพลย์ออฟขึ้นมาได้ ทำให้ทั้งสองทีมจะต้องเป็นคู่ปรับกันในศึกฟุตบอล บุนเดสลีก้า อย่างแน่นอน แต่กลับเป็นทางฝั่งของ บาเยิร์น ที่เปิดหัวคว้าแชมป์ลีกไปได้ก่อนในฤดูกาล 1968-1969 แต่ทางฝั่งของ กลัดบัค เองก็ไม่ยอมปี ต่อมาพวกเขาปาดหน้าคว้าแชมป์ได้สำเร็จต่อจาก บาเยิร์น ในปี 1969-1970 และตามด้วยการป้องกันแชมป์ลีกสมัยที่ 2 เป็นประวัติศาสตร์ทีมแรกของเยอรมันที่ป้องกันแชมป์ในศึกบุนเดสลีก้าเยอรมันไว้ได้แถมยังได้รองแชมป์ในปี 1971-72 นับว่าเป็นยุคทองที่สุดของสโมสรแห่งนี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาต้องใช้เวลาอยู่หลายปีเพื่อพัฒนาสโมสร เจอทั้งปัญหาในเรื่องของการเงินและสวัสดิการของนักเตะในทีมต้องยอมรับว่าในยุคที่ไอสงครามยังไม่สงบพวกเขาต้องใช้เงินในการซื้อนักเตะอย่างประหยัดทำให้ทีมไม่ประสบความสำเร็จเลยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาก่อนจะมาคว้าแชมป์ได้เรียกได้ว่าปาดเหงื่อกันหน้าดู ความสำเร็จในครั้งนี้หากไม่พูดถึงเด็กหนุ่มคนนี้คงไม่ได้ เฮนส์ไวส์ ไวเลอร์ กุนซือหนุ่มหัวใสที่พา สิงห์หนุ่ม ประสบความสำเร็จเขามีอุดมคติและปรัชญาในการคุมทีมและยังสามารถชักนำแฟนบอลของทีมให้หนักแน่นเป็นหนึ่งเดียวกันกับนักเตะได้โดยเฉพาะเกมบิ๊กแมตช์ที่ต้องเจอกับ เอฟซี บาเยิร์น พอย้อนกลับไปดูที่รายการบอลถ้วยระดับยุโรปที่พวกเขาได้ลงแข่งในรายการปี 1970/71 ในรอบแบ่งกลุ่มแม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้แต่สุดท้ายปลายทางของพวกเขาก็ยังคงไปไม่ถึงฝั่งฝันอยู่ดีตกรอบไปในที่สุด ฤดูกาล 1973-74 มึนเช่นกลัดบัค ยังคงมีกองหน้าตัวฉกาจไว้ล่าตาข่ายฤดูกาลที่ผ่านมาเขาซัดประตูให้ทีมไปถึง 30 ประตูขึ้นแท่นเป็นดาวซัลโวลสูงสุดในลีก การเริ่มต้นใหม่ในซีซั่น 1973-74 ผ่านไปได้ดีแต่ในฤดูกาลนี้พวกเขาไม่สามารถครองแชมป์ บุนเดสลีก้า เยอรมัน ได้ด้วยการแข่งขันที่ยากขึ้นทีมคู่ปรับก็ไม่หยุดพัฒนาเส้นทางในการคว้าชัยชนะของพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก ในปี 1974-75 เป็นปีที่พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมากนอกจากจะได้แชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้าลีก แล้วยังได้แชมป์ลีกอีกด้วยแต่บนความสำเร็จจุดพลิกผันก็เปลี่ยนเมื่อกุนซือสมองเพชรอย่าง เฮนส์ไวส์ ไวเลอร์ ตัดสินใจอำลาจากสโมสรเพื่อไปคุมทีมต่อให้กับสโมสรชื่อดังของสเปนอย่าง บาร์เซโลน่า ปิดตำนาน 11 ปีที่ร่วมงานกับสโมสรมาโดยตลอด หลังจากนั้นทางสโมสรก็ได้แต่งตั้งให้ Udo Lattek เข้ามารับช่วงต่อโดยเดิดที อูโด้ อดีตคุมสโมสร บาเยิร์น มิวนิค มาก่อน การเข้ามารับช่วงต่อของ อูโด้ ยังคงใช้รูปแบบการเล่นเดิมที่กุนซือคนเก่าได้ทำไว้เปลี่ยนก็แค่แนวคิดและอุดมคติของตัวผู้เล่นเท่านั้น อูโด้ พาทีมคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จและต่อมาอีกหนึ่งฤดูกาลพวกเขาทำทริปเปิ้ลแชมป์ด้วยการคว้าราวัลบอลลีก บุนเดสลีก้า และยังได้รองแชมป์ฟุตบอล ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก และแชมป์ถ้วยสุดท้ายในรายการ อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ เป็นยุคทองของพวกเขาโดยแท้จริงสรุป ความสำเร็จของพวกเขาที่ทำมาได้ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน

แชมป์ฟุตบอลลีก บุนเดสลีก้า เยอรมัน

แชมป์ฟุตบอลลีก บุนเดสลีก้า เยอรมัน (ระดับประเทศ)

5 สมัย : 1969–70, 1970–71, 1974–75, 1975–76, 1976–77

แชมป์ ชไวเทอบุนเดิสลีกา (ระดับประเทศ)

1 ครั้ง : 2007-2008

บอลถ้วย เดเอฟเบ โพคาล (ระดับประเทศ)

แชมป์ 3 สมัย : 1959-60,1972-73,1994-95

รองแชมป์ 2 สมัย : 1983-84,1991-92

บอลถ้วย เดเอฟเอ็ล-ซุปเปอร์คัพ (ระดับประเทศ)

แชมป์ 1 สมัย : 1976

รองแชมป์ 1 สมัย : 1995

บอลถ้วย เดเอ็ฟเบ ลีกาโพคาล (ระดับประเทศ)

รองแชมป์ 1 สมัย : 1972-73

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก (ระดับยุโรป)

รองแชมป์ 1 สมัย : 1976-77

ฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก (ระดับยุโรป)

แชมป์ 2 สมัย : 1974-75,1978-79

รองแชมป์ 2 สมัย : 1972-73,1979-80

ฟุตบอล อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ (ระดับโลก)

รองแชมป์ 1 สมัย : 1977

เรื่องราวของ มึนเช่นกลัดบัค ความสำเร็จส่วนใหญ่อยู่ในยุค 90 โดยเฉพาะช่วงระยะเวลาประมาณปี คศ.1970 สรุปเหตุการณ์ในปัจจุบัน กลัดบัค (2020) ยังคงเล่นอยู่ในลีกสูงสุดของเยอรมันเหมือนเคย และยังคงเป็นคงเป็นสโมสรที่มีความยิ่งใหญ่อยู่ในระดับที่ 5 ของสโมสรในเยอรมันทั้งหมด ในปี 2017 สโมสรทำลายสถิติสโมสรใหม่ด้วยการทุ่มเงินมากถึง 17 ล้านยูโรยังไม่รวมกับโบนัสเพื่อคว้าตัว มัตติอัส กินเตอร์ มาจากสโมสรรวมเมือง โบรุสเซีย อย่าง ดอร์ทมุนด์ แต่หลังจากนั้นอีกหนึ่งปีต่อมาสโมสรก็ทำลายสถิติอีกครั้งด้วยการลงทุนคว้าตัวกองหน้าจากต่างแดน อาลาซซาเน่ เปลีย จากสโมสร นีซ ในลีกอีกฝรั่งเศสมาด้วยค่าตัวรวม 23 ล้านยูโรส่วนการเคลื่อนไหวอื่นๆไม่ค่อยมีอะไรที่น่าสนใจเท่าไหร่ แต่เชื่อว่ายังไงสักวันพวกเขาต้องกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน เพราะด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีตการที่มีแมวมองตาดีอยู่ในทีมทำให้พวกเขาสามารถพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาได้ในปีเดียว และนี่ก็เป็นเพียงประวัติข้อมูลคร่าวๆที่น่าสนใจของสโมสรที่มีตำนานมายาวนานในวงการลูกหนังฟุตบอลเยอรมัน

โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค

ชื่อสโมสร : โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค (Borussia Monchengladbach)

ฉายา : สิงห์หนุ่ม

สนามเหย้า : โบรุสเซียอา พาร์ค มึนเช่นกลัดบัค (ความจุ 54,057 ที่นั่ง)

ผู้จัดการทีม : ดีเทอร์ เฮคคิงก์

ก่อตั้ง : 1 สิงหาคม 1900

เว็บไซต์สโมสร : https://www.borussia.de/wir-sind-borussia-herzlich-willkommen.html