ประวัติสโมสร ฮันโนเวอร์ 96 (Hannoverscher Sportverein von 1896)

ประวัติสโมสร ฮันโนเวอร์ 96

สโมสรเก่าแก่ที่สลับอยู่บนตารางดิวิชั่น 2 และ ดิวิชั่นสูงสุดอยู่เป็นประจำ ความเป็นมาของทีมฟุตบอลแห่งนี้เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1896 วันที่ 12 เมษายนเป็นสโมสรฟุตบอลขนาดเล็กมีที่ตั้งอยู่ในเมือง ฮันโนเวอร์ รัฐโลเวอร์ แซกซอนนี่ ประเทศเยอรมนี ปีล่าสุดที่เลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่บน บุนเดสลีก้า เยอรมัน คือ 2016-17 เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้อยู่ 2 ครั้งตั้งแต่มีการก่อตั้งสโมสรมาและยังคว้ารางวัลฟุตบอลถ้วยรายการ เดเอฟเบ โพคาล ได้ 1 สมัย ปัจจุบันสนามเหย้าที่ใช้กันมาคือสนาม เอชดีไอ อารีน่า โดยเริ่มใช้กันมาตั้งแต่ 1954 มีความจุอยู่ที่ 49,200 ที่นั่ง ย้อนรอยประวัติ Hannoverscher Fußball-Club 1896 ชื่อเดิมชื่อแรกที่มีการใช้ในการก่อตั้งทีมฟุตบอลในปี 1896 โดยมีนาย แฟร์ดีนัน-วิลเฮล์ม ฟริคเก้ ผู้ให้กำเนินสโมสรรักบี้ชื่อดังในเยอรมันอย่าง เอเอสเฟา 78 ฮันโนเวอร์ เป็นคนที่ให้คำแนะนำให้มีการก่อตั้งสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ขึ้นมา เดิมทีก็เป็นสโมสรกีฬาที่เน้นไปทางด้านของ กรีฑา และ รักบี้ เป็นหลัก แต่เนื่องจากมหาอำนาจวงการลูกหนังเริ่มโด่งดังและเป็นที่นิยมของประชากรจำนวนมาก 3 ปีต่อจึงมีการก่อนตั้งทีมฟุตบอลและถูกตั้งเป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาทางด้านกีฬาของสโมสรไปโดยปริยาย ในปี 1902 ต่อมาได้มีทีมฟุตบอล เจอร์มาเนีย 1902 ฮันโนเวอร์ ทีมฟุตบอลในเมืองเดียวกันขอร่วมด้วยกับสโมสรของพวกเขาและส่งผลให้สมาชิกบางรายหันไปก่อตั้งสโมสรของตัวเองขึ้นมา ในปี 1913 การรวมทีมเริ่มเข้ามาสู่ทีมอีกครั้งพวกเขาตัดสินใจร่วมทางกับสโมสรท้องถิ่นในระแหวกใกล้เคียงภายใต้ชื่อสโมสรใหม่ว่า Hannoverscher Fußball-Club 1896 และเปลี่ยนสีชุดแข่งใหม่จากเดิมที่แต่ละทีมเคยใช้ก็จะมีสีน้ำเงิน ในขณะที่อีก 2 สโมสรที่เข้ามาร่วมด้วย ใช้สีแดง และ ดำ ขาว เขียว ทำให้สุดท้ายหลังจากที่ร่วมทางกันมติสโมสรออกมาคือการใช้ชุดแข่งในสีดำ เขียว ขาว หลายต่อหลายปีที่แฟนบอลของ ฮันโนเวอร์ ยังคงคาดหวังว่าทีมของพวกเขาจะได้สร้างชื่อเสียงขึ้นมา ถึงพวกเขาจะได้เข้าชิงแชมป์ในระดับประเทศอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จสักทีแถมยังคงเป็นแผลในใจของแฟนบอลที่ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับสโมสรร่วมเมืองอย่าง ไอน์ทรัคท์ บราวน์ชไวก์ ได้เลยสักที ต่อมาหลังจักวรรดินาซีเข้าควบคุมองค์กรต่างๆในประเทศเยอรมันทำให้สโมสรเกิดความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างรวมไปถึงกฎระเบียบระบบการแข่งขันในเกมลีกที่เปลี่ยนไปซึ่งทำให้ ฮันโนเวอร์ 96 ได้ลงเล่นในลีกที่สมาคมฟุตบอลในยุคของ นาซี ที่กำหนดให้กำเนิดลีกฟุตบอล 16 ลีก พวกเขายังคงลงเล่นอยู่ในลีกสูงสุดระดับภูมิภาคมาเรื่อยๆจนในฤดูกาล 1935 พวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนทะยานเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศระดับประเทศครั้งแรกแถมยังมีนักเตะหลายแข้งในทีมถูกกองทัพอินทรีย์เหล็กดึงตัวไปเล่นในทีมฟุตบอลระดับทีมชาติ แต่ก็ไม่ได้คว้าแชมป์มาครองได้แต่อย่างใด ในปี 1938 ในที่สุดความสำเร็จแรกของ ฮันโนเวอร์ ก็เกิดขึ้นพวกเขาได้แชมป์รายการ เยอรมัน แชมป์เปี้ยนชิพ ซึ่งสร้างบาดแผลใหญ่ให้กับแฟนบอลในประเทศที่ให้การสนับสนุนกับสโมสร ชาลเก้ 04 โดยเกมแรกที่พวกเขาลงสนามฟาดแข้งกันเป็นการเสมอกันไป 3-3 ทำให้มีการแข่งกันอีกครั้งในนัดรีเพลย์แมตช์ก่อนที่จะเป็นชัยชนะของทาง ฮันโนเวอร์ ไปในที่สุด ต่อมามีการปฏิรูปการแข่งขันในลีกเกิดขึ้นในปี 1942 แต่ภายหลังอย่างที่รู้กันดีว่าในยุคสมัยในตอนนั้นเกิดสภาวะสงครามโลกครั้งที่สองคราวที่เป็นกองทัพทางฝั่งของ เยอรมัน ที่แพ้ไปทำให้หลายๆสโมสรต้องยุติการทำสโมสรไปบ้างแยกย้ายไปบ้างเหลือแค่สมาชิกบางรายที่ยังอยู่ในทีม ในปี 1945 ฮันโนเวอร์ 96 และ อาร์มีเนีย ฮันโนเวอร์ ตัดสินใจรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวและลงสนามฟาดแข้งหลังจบสงครามโลกครั้งที่สอง ภายหลังจากการแข่งขันที่ลงสนามดวลกับบรรดาสโมสรจากกองทัพทางฝั่งของอังกฤษเสร็จสิ้นลงก็มีการเปิดตัวสโมสรภายใต้ชื่อสโมสรใหม่ว่า Hannoverscher SV ในช่วงปลายปีเดียวกันและต่อมาอีกไม่นาน ก็เปลี่ยนมาเป็นชื่อทีมสโมสรปัจจุบันที่ใช้กันมาจนถึงยุคปัจจุบันนี้ ภายหลังจากที่กลับมาลงเล่นใน โอเบอร์ลีก้า เยอรมัน (ลีกเยอรมันฝั่งตะวันออก) แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในซีซั่นแรกสักเท่าไหร่สิ้นฤดูกาลพวกเขาตั้งตกชั้นลงไปในดิวิชั่น 2 ต่อมาอีก 2 ปีให้หลังพวกเขาก็เดินทางกลับมาสู่ โอเบอร์ลีก้า ได้สำเร็จ ต่อมาในปี 1954 จากการที่พวกเขาทะเยอทะยานในการเป็นแชมป์ของลีกให้ได้ในฤดูกาลนั้นพวกเขาทำคะแนนห่างจาก ซังค์ เพาลี ทีมวางอันดับ 2 ไป 7 คะแนน ทำให้ ฮันโนเวอร์ คว้าแชมป์ โอเบอร์ลีก้า ได้เป็นครั้งแรกพร้อมกับตีตี๋วไปแข่งขันในรายการ เยอรมัน แชมป์เปี้ยนชิพ และต่อมาในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวหรือความสำเร็จสูงสุดระดับประเทศที่พวกเขาลงแข่งสามารถตัดเชือกเอาชนะ คู่แข่งอย่าง ไกเซอร์ สเลาเทิร์น ไปอย่างย้อยยับไปด้วยสกอร์ชัย 5-1 คว้าแชมป์รายการนี้เป็นหนที่สอง อีกทั้งนักเตะในทีมของสโมสร 5 แข้งที่พาทีมคว้าแชมป์ในถูกเรียกตัวเข้าไปติดทีมชาติ เยอรมัน ลงศึกฟุตบอลโลกพร้อมกับพาทีมชาติได้แชมป์ฟุตบอลโลกหนแรกได้อีกด้วย หลังจากนั้นในปี 1963 การเปิดระบบการเล่นและเปลี่ยนระบบลีกใหม่ที่หันมาใช้ บุนเดสลีก้า เยอรมัน เริ่มต้นขึ้น แต่ทาง ฮันโนเวอร์ ก็ต้องเริ่มต้นจากดิวิชั่นจนสุดท้ายก็เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่เวที บุนเดสลีก้า เยอรมัน ในที่สุด ดูเหมือนว่าเส้นทางบนลีกสูงสุดจะราบลื่นมาโดยตลอด จนกระทั่ง 10 ปีที่เดินทางมาเรื่อยๆ ในที่สุด ฮันโนเวอร์ ก็ล่วงตกชั้นลงไปในปี 1975 และกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่เพราะพวกเขาต้องตกอยู่ในลีก ดวิชั่น 2 สะส่วนใหญ่ร่วมๆ 20 ปีเห็นจะได้ ต่อมาในปี 1992 เป็นอีกปีที่พวกเขาต้องประสบปัญหาอีกครั้งใหญ่ แน่นอนว่าด้วยการสนับสนุนที่ยังไม่เยอะพอพวกเขาต้องพยายามดิ้นรนเพื่อหาเงินมากอบกู้สโมสร แต่ในความย่ำแย่ของทีมกับกลายเป็นว่าสร้างชื่อเสียงให้กับทีมโดยการคว้าแชมป์รายการ เดเอฟเบ โพคาล ซึ่งเป็นบอลถ้วยในตำนานของประเทศเยอรมัน ทำให้พวกเขาถูกเขียนลงในบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังเมืองเบียร์ โดยที่พวกเขาสามารถเอาชนะ ยักษ์ใหญ่ในลีกสูงสุดของเยอรมันอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โบคุ่ม แวร์เดอร์ เบรเมน รวมไปถึง มึนเช่น กลัดบัค แต่ละทีมนั่นจัดว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งมากๆในยุค 90 ในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวเครดิตในการคว้าแชมป์มาได้ต้องยกให้กับนายทวารร่างโย่ง อย่าง ยอร์ก ซีเวอร์ส ที่โชว์ฟอร์มเก่งในการเซฟลูกจุดโทษรอบตัดเชือกและนักตัดสินชิงชนะเลิศ ในช่วงฤดูกาล 1996 เป็นระยะเวลาที่สโมสรเดินทางมาครบ 100 ปีแต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขากลับมีผลงานที่ดำดิ่งถึงจุดต่ำสุดโดยการตกชั้นลงไปเล่นในดิวิชั่นต่ำ เรกิโอนาลลีก้า นอร์ด 3 ทำให้แฟนบอลต้องเจอกับความอัปยศจากเหล่าบรรดาแฟนคู่ปรับที่เอามาหยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน ต่อมาอีก 2 ปีให้หลัง พวกเขาพยายามสร้างสโมสรให้กลับมามีความแข็งแกร่งอีกครั้งมีการดึงดาวรุ่งดวงใหม่เข้ามาเสริมแกร่งพร้อมเป็นแกนหลักให้กลับทีม โดยนับทัพโดย เกรัลด์ อซาโมอาห์, เซบาสเตียน เคห์ล และ ฟาเบียน แอนสท์ สามแข้งรายนี้่สามารถยกระดับการเล่นของสโมสรให้กลับมาอยู่ในจุดที่แข็งแกร่งอีกครั้งจนทำให้สโมสรกลับไปเล่นในดิวิชั่น 2 ของเยอรมันได้สำเร็จและพวกเขาใช้เวลาอยู่ในดิวิชั่น 2 อยู่ 4 ฤดูกาลหลังจากนั้นในปี 2002 พวกเขาประกาศศักดิ์ดาโดยการคว้าแชมป์รายการ ดิวิชั่น 2 กลับไปเล่นอยู่บน บุนเดสลีก้า เยอรมัน อีกครั้งโดยครั้งนี้พวกเขาทำแต้มในการเป็นแชมป์ห่างทีมวางอันดับ 2 อย่าง บีเลเฟลด์ อยู่ถึง 10 คะแนนด้วยกันหลังจากป้วนเปี้ยนอยู่ในลฃีกสูงสุดอยู่นานพวกเขาพยายามประครองทีมเพื่อให้ติดอยู่ในโซนพื้นที่ปลอดภัยโดยเป็นทีมที่เกาะอยู่แถวๆกลางตาราง จนในปี 2006 สถานการณ์ผลงานของทีมเริ่มกลับมาย่ำแย่จนถึงกลับต้องปลดกุนซืออย่าง ปีเตอร์ นอยรูเรอร์ และแทนที่ด้วย ดีเตอร์ เฮ็คคิงก์ เข้ามาประครองสโมสรจนรอดจากการตกชั้นในเวลาต่อมาโดยที่ในปีนั้นพวกเขาจบอยู่ในอันดับที่ 11 ของลีก รอดการตกชั้นไปได้อย่างหวุดหวิด การเข้ามาของ เฮ็คคิงก์ แม้ว่าเขาจะพาทีมรอดจากการตกชั้นมาได้แต่ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลเท่าไหร่นักเขาพาทีมออกสตาร์ในช่วงต้นซีซั่นใหม่ได้อย่างห่วยแตกก่อนที่จะมามีลูกฮึดใน 11 นัดสุดท้ายทำให้ทีมยังคงเล่นอยู่ในดิวิชั่นสูงสุดของประเทศต่อไปด้วยการจบอันดับที่ 8 ของตาราง ปี 2009 พวกเขาเปิดซีซั่นใหม่ได้อย่างสวยหรูพวกเขาถล่มทีมใหญ่ในลีกอย่าง มีนเช่นกลัดบัค ไป 5-1 ต่อมาซัดชัยชนะเหนือ บาเยิร์น มิวนิค ไปอีก 1-0 ลบรอยประวัติศาสตร์ 20 ปีที่ไม่เคยมีชัยชนะเหนือ บาเยิร์น ได้เลย แต่อย่างไรก็ตามมาตราฐานของทีมไม่ได้มั่นคงเหมือนเคยยังคงมีเกมรับที่ย่ำแย่พวกเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับ โวล์ฟบวร์ก คาบ้านไปแบบขาดลอย 5 ประตูต่อ 0 และมาถูก เสือใต้ ที่พวกเขาเคยเอาชนะไปได้ในช่วงต้นฤดูกาลไปอีก 5-1 ในเกมที่บุกไปเยือนรัง อาลิอันซ์ อารีน่า ถิ่นของ บาเยิร์น มิวนิค สุดท้ายในปีนั้นพวกเขาต้องจบอันดับที่ 11 ของตารางก็ยังถือว่าเป็นมาตราฐานของแฟนบอลที่ยังพอรับได้ และแล้วในปีเดียวกันเหตุการณ์ที่น่าเศร้าของสโมสรก็กล่ำกลายเข้ามาเมื่อ โรเบิร์ต เอ็งเค่ นายด่านจอมทัพกัปตันของทีม 96 ตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงทางกรถไฟภายในเขตเมืองของ ฮันโนเวอร์ สร้างความเสียใจให้กับครอบครัวและแฟนบอลเป็นอย่างมาก ทางด้านของภรรยาของ เอ็งเค่ เองก็ได้ออกมายอมรับว่าสามีของเธอประสบปัญหาเป็นโรคศึมเศร้าและรักษาตัวมา 6 ปีแล้วแต่เนื่องจากเหตุการณ์ที่เขาต้องเสียลูกสาววัย 2 ขวบให้กับโรคหัวใจรั่วไปในปี 2006 ก็ทำให้โรคศึมเศร้าของ เอ็งเค่ ดูเหมือนจะหนักขึ้นกว่าเดิม จนสุดท้ายเขาก็มาจบชีวิตตัวเองไปในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2009 เอ็งเค่ ติดทีมชาติเยอรมนีมาแล้ว 8 ครั้งด้วยกันและกำลังจะได้ลุ้นเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งในศึกลูกหนัง เวิลด์ คัพ ปี 2010 เหนือนายทวารมือหนึ่งคนปัจจุบันอย่าง มานูเอล นอยเออร์ อีกด้วย ต่อมาในฤดูกาล 2010 พวกเขายังคงโชว์ฟอร์มออกมาอย่างกระท่อนกระแท่นจะตกชั้นแหล่ไม่ตกชั้นแหล่หลายต่อหลายปีที่พวกเขาวนเวียนป้วยเปี้ยนอยู่ในโซนอันตราย โดยรั้งท้ายของตารางคะแนนมาตลอด มีแมตช์ที่ต้องให้แฟนบอลหนักใจอยู่เรื่อยแต่ก็รอดจากการตกชั้นมาได้ในที่สุด จนเข้าฤดูกาลใหม่ 2011 พวกเขาสร้างเซอร์ไพร์ซให้แฟนบอลต้องตกใจเมื่อสามารถจบซีซั่นโดยการคว้าอันดับ 4 ทำให้มีสิทธิ์ในการเข้าไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรป รายการ ยูโรป้า ลีกในฤดูกาลหน้า นับเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกครั้งในรอบ 19 ปี ที่พวกเขาไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นบอลถ้วยรายการยุโรปเลย บนเส้นทางในรายการฟุตบอล ยูโรป้า ลีก ในปีต่อมาที่พวกเขาได้ลงฟาดแข้งไปสามารถทะลุผ่านเข้าไปจนถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายโดยที่จู่ๆก็มีข่าวลือว่า มาร์ติน คินด์ ประธานของสโมสรจะย้ายไปทำงานใหม่ในตำแหน่งใหม่ให้กับสโมสร โคโลญจน์ และในที่สุดข่าวลือที่ว่าก็ดูเหมือนว่าจะเป็นจริงเพราะ มาร์ติน ตัดสินใจลาออกแต่ให้เหตุผลว่ามีปัญหาระหว่างครอบครัว ต่อมาสโมสรได้ โทมัส ชาฟ เข้ามารับตำแหน่งต่อ แต่ไม่นานหลังจากร่วมงานกับ ฮันโนเวอร์ ได้เพียงแค่ 3 เดือนเขาก็ถูกปลอดออกอย่างไวและถูกแทนที่ด้วย ดาเนี่ยล สเตนเดิ้ล แต่เหมือว่าผลงานของทีมจะไปได้ไม่สวยและการเข้ามาของประธานคนใหม่ก็เหมือนว่าจะช่วยอะไรไม่ได้สุดท้ายทีมต้องตกชั้นลงไปสู่ ดิวิชั่น 2 อีกครั้งหนึ่ง ต่อมาปี 2017 สแตนเดิ้ล ถูกปล็ดออกจากเก้าอี้หลังจากที่จู่ผลงานของทีมก็ล่วงลงอย่างน่าใจหายทั้งๆที่ในช่วงต้นซีซั่นสามารถเกาะกลุ่มอยู่ในอันดับหัวตารางมาตลอด และถูกแทนที่ด้วย อันเดร ไบรเท่นเตอร์ เขาสามารถพาทีมจบอันดับที่ 2 ของลีกได้สำเร็จจนทำให้ทีมเลื่อนชั้นกลับคืนสู่ บุนเดสลีก้า เยอรมัน อีกหน ในปี 2017-18 การเปิดตัวในศึกลูกหนังเกมลีกสูงสุดของประเทศดำเนินมาด้วยดีพวกเขามีชัยไม่แพ้ใครในช่วง 6 นัดแรก แต่อย่างที่รู้กันดีว่าสโมสรแห่งนี้มักจะโชว์ฟอร์มได้ดีแค่ช่วงต้นฤดูกาลเท่านั้นพอเข้าครึ่งของฤดูกาลผลงานของพวกเขาก็เอาแน่เอานอนไม่ได้อีกเลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนสุดท้ายก็จบในอันดับที่ 13 ของตารางในปีนั้น หลังจากนั้นอีก 1 ปีบนเส้นทางที่หินเป็นปีที่ทีมใหญ่ๆโชว์ฟอร์มออกมาอย่างร้อนแรงไม่ว่าจะเป็น เสือใต้ เสือเหลือง หรือ ทีมน้องใหม่ไฟแรงอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก รวมไปถึง มึนเช่นกลัดบัค ปล่อยฟอร์มโหดจัดซัดชัยเหนือทีมเล็กๆ ไปได้อย่างขาดลอยและเป็นปีที่ทีมผู้น้อยอย่าง ฮันโนเวอร์ มีผลงานที่ย่ำแย่จนในที่สุดพวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับมาตราเกมลีกสูงสุดของเยอรมันและล่วงตกชั้นลงมาสู่ ลีก้า 2 เยอรมันอีกครั้งและในปัจจุบันพวกเขายังคงไม่สามรถคืนกลับสู่ลีกสุดสุดได้ แต่เชื่อว่ายังไงด้วยความพยาพยามและแรงสนับสนุนของเหล่าแฟนบอลคงจะทำให้ทีมในตำนานอย่าง ฮันโนเวอร์ 96 กลับมาอยู่บนลีกสูงสุดได้อย่างแน่นอน ขอจบประวัติคร่าวๆของสโมสรแห่งนี้ไปก่อนหวังว่าคงมีประโยชน์ต่อตัวผู้อ่านอยู่บ้าง ฝากติดตามเว็บไซต์ของเราเอาไว้จะได้ไม่พลาดเรื่องราวดีดีๆขอให้ผู้ที่เข้ามาอ่านมีความสุขกับบทความนี้ด้วยก็แล้วกัน

ฮันโนเวอร์ 96

ชื่อสโมสร : ฮันโนเวอร์ 96 (Hannoverscher Sportverein von 1896)

ฉายา : 96 Die Roten (The Reds)

ก่อตั้ง : 12 เมษายน 1896

สนามเหย้า : เอชดีไอ อารีน่า (ความจุ 49,200 ที่นั่ง)

กุนซือคนปัจจุบัน (2020) : เมียร์โก สโลมก้า

เว็บไซต์สโมสร : https://www.hannover96.de/startseite.html