ถ้าให้ลองนึกถึงสุดยอดบรมกุนซือขึ้นมาสักหนึ่งคน ชื่อของชายนามว่า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะต้องถูกพูดถึงในจำนวนที่มากทีเดียว ต่อให้คน ๆ นั้นจะไม่ใช่แฟนบอลแมนฯ ยูฯ ก็ตาม เพราะเขาคนนี้คือคนที่ทำให้คนในโลกฟุตบอลต้องตะลึงไปกับความสามารถที่ไม่ใช่แค่คุมทีมเดียวได้ยาวนาน แต่ยังประสบความสำเร็จแบบไม่รู้จบอีกต่างหาก และนี่คือเหตุผลที่บอกว่า “ป๋า” เป็นตำนานกุนซือของจริงในโลกฟุตบอล
ประสบความสำเร็จแบบนับครั้งไม่ถ้วน เรื่องแรกคงไม่ต้องบอกว่าเขาประสบความสำเร็จมากขนาดไหน แค่ถ้วยพรีเมียร์ลีกที่ได้แชมป์เป็นว่าเล่นก็พอทำให้แฟนบอลทุกคนคารวะในความสามารถแล้ว แต่ที่ทำให้เขาภูมิใจสุด ๆ คงหนีไม่พ้นการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ 2 สมัย แม้อาจดูน้อยไปหน่อยแต่กับการคุมทีมที่ไม่ได้เน้นดาวเตะซุปเปอร์สตาร์ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาถูกจดจำบนโลกใบนี้แล้ว
สไตล์การเล่นของแชมป์ยูฟ่า 2 สมัยเก่า
สไตล์การเล่นที่เปลี่ยนตามยุคสมัย ว่ากันว่ากุนซือแต่ละคนย่อมมีแนวทางการทำทีมเป็นของตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่ผู้จัดการทีมหลายคนเมื่อถึงยุคสมัยหนึ่งวิธีของเขามันใช้ไม่ได้ผล แต่สำหรับ “ป๋า” บุคคลผู้นี้รู้จักเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงแนวทางการเล่นเพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนไปของโลกฟุตบอลตลอดเวลา หากใครเคยดูที่เขาคุมทีมแรก ๆ เกมรุกคือหัวใจหลัก แต่พอมาระยะหลังเขาให้ความสนใจในเกมรับมากขึ้นจนพาทีมคว้าแชมป์ต่อเนื่องตลอดการคุมทีมเกือบ 30 ปี
ไม่เคยอ่อนข้อให้นักเตะ การเป็นหัวหน้าที่ดีต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาแต่ไม่ใช่ให้ลูกน้องอยู่สูงกว่าตัวเอง นี่เป็นแนวทางการทำงานของเขา สังเกตว่าดาวดังคนไหนกล้าหือกับแก แกไม่สนใจและพร้อมหั่นออกจากทีมทันที ยกตัวอย่าง เช่น พอล อินซ์ , รอย คีน , เดวิด เบ็คแฮ่ม , รุด ฟาน นิสเตลรอย แต่ละคนต้องบอกว่าหากเป็นกุนซือคนอื่นอาจไม่กล้ายุ่ง แต่สำหรับเฟอร์กี้ไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะระเบียบต้องมาก่อนเสมอ
พร้อมให้โอกาสดาวรุ่ง ที่ดังสุด ๆ คงเป็นยุค คลาส ออฟ 92 ที่ทำให้เราได้รู้จักดาวเตะอย่าง เดวิด เบคแฮ่ม , 2 พี่น้องเนวิลล์ , นิคกี้ บัตต์ , พอล สโคลส์ การกล้าดันเด็กดาวรุ่งขึ้นมาคืออีกสิ่งที่ทำให้เขาได้รับการยกย่องอย่างมาก ถือว่าหาได้ยากกับยุคฟุตบอลสมัยใหม่ที่เข้าสู่การเป็นธุรกิจเต็มตัวแบบนี้
ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือบรมกุนซือระดับตำนานที่ยังคงมีลมหายใจ ผู้ที่เสกแมนฯ ยูฯ ให้กลายเป็นยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษในโลกฟุตบอลยุคใหม่
