จาดอน ซานโช่ ซุเปอร์สตาร์คนต่อไปแห่งวงการลูกหนัง

จาดอน ซานโช่ ซุเปอร์สตาร์คนต่อไปแห่งวงการลูกหนัง

ที่ดอร์ทมุนด์ ประเทศเยอรมัน จาดอน ซานโช่ ปีกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ของ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกบุนเดสลีกา อาศัยอยู่ในบ้านร่วมสมัยที่สามารถมองเห็นทะเลสาบในแถบ Phoenix-See ซึ่งเป็นย่านที่ร่ำรวย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างมากมาย

ซานโช่ ขับรถ เมอร์เซเดซ เบนซ์ สีขาว แต่เขาก็ขับไปได้ไม่ไกลนัก เพราะเขากำลังจะไปฝึกซ้อมกับ ดอร์ทมุนด์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 5 นาที จากบ้านที่เขาอาศัยอยู่ ถ้าวันนั้นอากาศมันร้อน เขาอาจจะแวะกินไอศครีม จากนั้น เขาจะกลับบ้าน

อดีตเด็กปั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชอบเล่นเกม FIFA เป็นชีวิตจิตใจ และรอให้พ่อครัวส่วนตัวของเขาทำอาหารเย็น มันเป็นชีวิตที่เรียบง่ายมาก และคุณอาจคิดว่า มันไม่สำคัญว่าเขาจะอยู่ที่ไหน

ซานโช่ ยังคงเป็นเพียงเด็กวัย 19 ปี ที่ถูกมองในฐานะนักฟุตบอลยอดเยี่ยม “เขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยมมาก” เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล กล่าวชื่นชมหลังจากพา “หงส์แดง” พ่ายแพ้ให้กับ ดอร์ทมุนด์ทีมเก่าของเขาในเกมกระชับมิตรเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ลูเชียน ฟาฟร์ ผู้จัดการทีม ดอร์ทมุนด์ กล่าวว่า “ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับศักยภาพของ จาดอน ซานโช่ ทุกวันนี้เขาถูกมองว่าเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกที่เกิดในศตวรรษที่ 21 ไม่มีดาวรุ่งคนใดดีกว่าเขาอีกแล้ว เว็บไซต์ Transfermarkt กำหนดมูลค่าของเขาที่ 100 ล้านยูโร เขาสามารถเป็นผู้เล่นที่เก่งอันดับต้นๆในยุโรปได้”

อักเซล วิตเซล กองกลางทีมชาติเบลเยียม เพื่อนร่วมทีม ดอร์ทมุนด์ เชื่อว่า ซานโช่ จะไปได้ไกลกว่านี้อีกมาก โดยกล่าวว่า “ผมเฝ้าดูเขาอยู่เสมอ เขาทำได้ดีขึ้นทุกวันตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ เขาทำงานหนัก เขาทำประตูได้สม่ำเสมอ ถ้าเขาทำอย่างนั้นต่อไป เขาจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในรุ่นของเขา”

ดอร์ทมุนด์ เป็นเมืองที่มีชนชั้นแรงงานอาศัยอยู่มาก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่น่าดึงดูดนักฟุตบอลหนุ่มชาวอังกฤษที่มีความทะเยอทะยานในอาชีพใดของตัวเอง แต่มันสำคัญสำหรับวิถีของ ซานโช่ เพราะไม่ใช่ แมนเชสเตอร์, ลอนดอน, ลิเวอร์พูล, วัตฟอร์ด, เซาแธมป์ตัน หรือที่อื่นใดในอังกฤษ

3 ฤดูร้อนที่ผ่านมา ซานโช่ ปฏิเสธโอกาสไปทัวร์อเมริกาเหนือกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากขอพัฒนาฝีเท้าอยู่ที่สถานบันเยาวชน และสโมสรมองว่าเขาจะเป็นนักเตะในทีมชุดแรกของ “เรือใบสีฟ้า” ที่มีศักยภาพยอดเยี่ยม และเชื่อว่าจะขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ในวัย 17 ปี

ซานโช่ เล่าว่า “ผมโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับทีม U23 แมนฯซิตี้ ทุกสัปดาห์ ผมรู้สึกว่าถึงเวลาที่ตัวเองต้องไปหาความท้าทายอื่นแล้ว”

อย่างไรก็ตาม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ต้องการให้ ซานโช่ ย้ายออกจากสโมสร และโค้ชชาวสเปน เสนอให้ ซานโช่ ได้ทดสอบทักษะของเขากับทีมชุดแรกของ “เรือใบสีฟ้า” ระหว่างการฝึกซ้อม

“คุณต้องเริ่มขั้นตอนแรกในการดวลตัวต่อตัวกับ ไคล์น วอล์คเกอร์, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ และ แวงซองต์ กอมปานี แล้วเราจะเห็นว่าระดับของคุณคืออะไร การเลี้ยงลูกฟุตบอลของคุณเมื่อคุณจะเจอกับกองหลังทั้งหมดในพรีเมียร์ลีก นั่นคือสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นขั้นตอนต่อไป” กวาร์ดิโอล่า อธิบาย

มันฟังดูสมเหตุสมผล แต่ ซานโช่ ไม่ต้องการรอ เขาไม่จำเป็นต้องทำ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เริ่มต้นในช่วงเวลาที่ คล็อปป์ ได้รับมรดกทีมในปี 2008 ดอร์ทมุนด์ ได้ตามดูดาวรุ่งที่มีฝีเท้าดี อาทิ คริสเตียน พูลิซิช ปีกทีมชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแนวทางที่เตรียมไว้สำหรับ อดีตเด็กปั้น “เรือใบสีฟ้า” เช่นกัน

พรีเมียร์ลีก ถือได้ว่าเป็นสถานที่ดีที่สุดในวงการฟุตบอล นักเตะหลายคนต้องการจะมาที่อังกฤษเพื่อสร้างชื่อเสียง แต่แทนที่จะพยายามเพื่อเล่นให้กับ กวาร์ดิโอล่า ซึ่งประสบความสำเร็จกับ บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์นมิวนิค รวมถึง แมนฯซิตี้ แต่ ซานโช่ เลือกที่จะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม และตัดสินใจอำลา “เรือใบสีฟ้า”

ดอร์ทมุนด์ อยู่ไกลออกไปจาก ลอนดอนใต้ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ซานโช่ มากกว่าที่เมือง แมนเชสเตอร์ และอยู่ในประเทศอื่น และมันเป็นอีกโลกหนึ่ง โดย รีส เนลสัน ดาวรุ่ง อาร์เซน่อล ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมในวัยเด็กของ ซานชา กล่าวว่า “การไปที่นั่นเป็นการย้ายทีมที่บ้ามาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำมัน เขากล้าหาญมาก”

ซานโช่ ไม่เคยเล่นในทีมชุดใหญ่มาก่อนเลย เขาพูดภาษาเยอรมันไม่ได้ เขาไม่รู้จักใครเลยใน ดอร์ทมุนด์ ที่ซึ่งเขาได้กลายเป็นคนอังกฤษคนแรกที่เล่นให้สโมสร เขาไม่ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากนัก และเขาก็ไม่วิตกกังวลกับการตัดสินใจครั้งนี้

“เมื่อผมย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ มีคนมากมายที่ทำให้ผมสงสัย พวกเขาบอกว่ามันเร็วเกินไปที่จะออกจากอังกฤษ แมนฯซิตี้ เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าผมอยู่ต่อ ผมอาจไม่ได้เล่น และมันเป็นเรื่องยากมากที่ผู้เล่นอังกฤษจะทำได้ดีในเยอรมนี” ตัวรุกชาวอังกฤษ กล่าว

จุดจอดรถไฟใต้ดิน เคนนิงตัน มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของรถไฟสายเหนือ หลังคาโดมเป็นโลหะมีความยิ่งใหญ่ มันคงต้องดูน่าเกรงขามเมื่อ 60 หรือ 70 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันมันเป็นคอนกรีตที่เปื้อน และมีกลุ่มคนเร่ร่อนที่ยืนอยู่ในมุมถนนด้านหน้า พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่ขาด และเปอะเปื้อน

นี่คือ เคนนิงตัน ในเขตเลือกตั้งของ Southwark ในลอนดอน มันเป็นที่ที่ ซานโช่ เติบโตขึ้น และเป็นย่านที่คนชั้นกลาง และชั้นล่างอาศัยอยู่ เช่นเดียวกับเมืองอย่างแคมเดน และเมืองเบอร์มอนด์เซย์ โดยบริเวณนี้ที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง และใกล้กับใจกลางกรุงลอนดอน

ซานโช่ อาศัยอยู่กับแม่ และน้องสาวของเขาที่ชั้นล่างของ Guinness Trust Estates ของ เคนนิงตัน ซึ่งเป็นอพาร์ทเมนต์อิฐแดงที่สร้างขึ้นในปี 1921 โดยรัฐบาลอนุมัติ และในระหว่างเรียนชั้นประถม ซานโช่ จะกลับมาบ้านในเวลา 3 โมงเย็น

อดีตปีก แมนฯซิตี้ ต้องกินของว่าง ทำการบ้าน และเก็บอุปกรณ์ต่างๆของเขา ถ้า ฌอน พ่อของเขาว่าง ซานโช่ ก็จะไปรอที่ลานจอดรถเพื่อขึ้นรถยนต์ ซีตรอง คันเก่า เพื่อไปซ้อมฟุตบอล แต่ถ้าพ่อของเขาไม่ว่าง ซานโข่ ก็จะเดินทางไปด้วยรถไฟใต้ดินกับเพื่อนคนหนึ่งของคุณพ่อ

การขับรถจาก เคนนิงตัน ไปยังสถาบันเยาวขนของ วัตฟอร์ด ซึ่งตั้งอยู่แถบตะวันตกเฉียงเหนือของ ลอนดอน อาจใช้เวลาสองชั่วโมงต่อครั้งในช่วงบ่าย โดยรถไฟใต้ดินการเดินทางจะสั้นกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยใช้สายเหนือสู่ Charing Cross ลงที่ Euston แล้วรอ National Rail ไปสองป้ายบนรถไฟ Midlands ไปยัง Milton Keynes

จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟแบบ Overground ที่ Watford Junction เพื่อเข้าสู่ Watford High Street เดินจากที่นั่น 15 นาที และออกทางประตูที่ 4 การเดินทางไปซ้อมในหนึ่งวัน ซานโช่ ต้องใช้เวลาไป-กลับรวม 4 ชั่วโมง

สำหรับการฝึกซ้อมในทีมเยาวชนของ วัตฟอร์ด จะใช้เวลา 2 ชั่วโมง โดยทัพ “แตนอาละวาด” ค้นพบซานโช่ ในระหว่างเข้าค่ายในแถบแบทเทอร์ซี และกำลังวิ่งข้ามแม่น้ำจากสะพานสแตมฟอร์ดของ เชลซี ก่อนจะทาบทามไปร่วมทีม

ซานโช่ เป็นลูกชายคนแรกของพ่อชาวกายอานา และแม่ชาวจาเมกา โดย ฌอน ในวัย 45 ปี เติบโตที่ เคนนิงตัน เขาไม่ได้แต่งงานกับแม่ของ จาดอน เขาใช้ฟุตบอลเพื่อติดต่อกับลูกชายของเขาอยู่เสมอ พวกเขาเคยไปดู เชลซี หรือ อาร์เซน่อล ลงสนามเป็นครั้งคราว

ฌอน เล่าว่า “จาดอน ชอบเล่นฟุตบอล ฟุตบอลจะช่วยให้เขาอยู่ห่างจากปัญหา ถ้าคุณไม่ได้ทำงาน มันจะมีอะไรบางอย่างมาแย่งความคิดไปได้ คุณต้องมีอย่างอื่นทำ ถ้าไม่มีฟุตบอล ผมไม่รู้เส้นทางที่เขาจะไปเลย ผมอยากจะมองโลกในแง่ดี แต่ใครจะรู้อนาคต”

“ในไม่ช้า จาดอน ได้รับการเสนอให้ไปเรียนที่โรงเรียนของ วัตฟอร์ด เราเห็นว่ามันเป็นขั้นตอนต่อไปที่ดี นั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจของผมเสมอ และเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ”

ในเวลานั้น จาดอน อายุ 8 ขวบ โรงเรียนไม่รับนักเรียนประจำที่ยังเด็ก แต่การเดินทางจากเคนนิงตันไปยัง วัตฟอร์ด นั้น นานเกินกว่าที่เขาจะสามารถทำได้ทุกวัน และทั้ง 2 ฝ่าย จึงตกลงกันว่า จาดอน จะมาซ้อมสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

เมื่อวันก่อน ซานโช่ มุ่งหน้าไปที่กรงในสนามเด็กเล่น ซึ่งล้อมรอบด้วยรั้วเหล็ก สถานที่แห่งนั้น ได้รับการคิดค้นโดยนักพัฒนาชุมชนที่จะอุทิศอสังหาริมทรัพย์น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ของเขาสำหรับการออกกำลังกายในเมือง

“พวกเขาได้พัฒนาสถานที่แห่งนั้น เพื่อใช้ในการเล่นสตรีทฟุตบอลซึ่งรู้จักกันดีทั่วโลก มันเป็นเกมที่มีความดิบ ไม่มีโครงสร้าง ไม่มีการล้ำหน้า เมื่อคุณเรียกฟาล์ว มันก็มีความเสี่ยง คุณได้รับอนุญาตให้ทำอะไรก็ได้บนสนาม มันไม่มีกฎใดๆทั้งสิ้น” ซานโช่ กล่าว

ผู้เล่นที่มีความสามารถหลายคนเคยเล่นสตรีทฟุตบอล มักอยู่แถบเซาท์ลอนดอนมากกว่าที่อื่นในเมือง หรืออาจจะที่ไหนก็ได้ในยุโรป อาทิ วิลเฟร็ด ซาฮา ปีกตัวเก่งของ คริสตัล พาเลซ และ โจ โกเมซ กองหลังดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล

แทมมี่ อับราฮัม กองหน้า เชลซี และ ไรอัน เซสเซยง แบ็คซ้ายของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็ก้าวมาจากสตรีทฟุตบอลเช่นกัน “คุณกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้าน และตรงไปที่สนามทันที บางทีคุณอาจยังไม่ได้เปลี่ยนรองเท้าด้วยซ้ำ”

“คุณมีลูกบอลอยู่ที่เท้าของคุณ และคุณเรียนรู้ว่าคุณสามารถทำอะไรกับมันได้ เมื่อเข้าไปในโรงเรียนคุณจะนำไหวพริบจากฟุตบอลข้างถนนมาใช้กับคู่แข่ง” เนลสัน ซึ่งอาศัยอยู่ไม่ไกลจาก ซานโช่ ในแถบ Aylesbury เล่า

หนึ่งในสนามเด็กเล่นแห่งนั้น ตั้งอยู่เหนือรั้วสูงที่เชื่อมต่อสถานที่ที่ ซานโช่ อาศัยอยู่ สิ่งที่ผ่านไปสำหรับสนามมีขนาดเล็กไม่ใหญ่ไปกว่าสนามบาสเก็ตบอลที่มีผู้เล่น 5 ต่อ 5 คน ที่นั่นมีพื้นที่เล็กๆ สำหรับการซ้อม และการฝึกเลี้ยงลูกฟุตบอล

ซานโช่ มีชื่อเสียงเรื่องความเร็วของเขา แต่ในกรงความเร็วนั้นไม่เกี่ยวข้องเลย ทั้งหมดคือการเอาตัวรอด โดย ฌอน ซานโช่ เล่าว่า “คุณต้องสับเปลี่ยนจังหวะในร่างกายของคุณเพื่อเอาตัวรอด มันเป็นเรื่องของกลลวงที่เหมือนกับการชกมวยบนเวที”

เพราะ จาดอน ไม่ได้ไปที่ วัตฟอร์ด ทุกวัน แต่เขาก็สามารถได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากโลกที่แตกต่างกันของเขา ทักษะที่เขาฝึกฝนบนสตรีทฟุตบอลนั้น มีประสิทธิภาพมากกว่าในสนามที่เหมาะสม โดยปีก ดอร์ทมุนด์ กล่าว่า “ผมแค่เป็นอิสระบนสนาม และค้นหาหนทางที่จะทำให้ผู้คนหลงใหลในสไตล์ของผม”

“คุณจะเอากลวิธีกลับมาที่สนามฝึกซ้อม และมีคนไม่กี่คนที่มีเทคนิคแบบนี้ในวัยเด็ก ดังนั้นผมจะโดดเด่นขึ้นมาจากคนอื่นๆ”

ในเวลาเดียวกันการสอนที่ จาดอน ได้รับที่ วัตฟอร์ด ทำให้เขาเปล่งประกายยิ่งขึ้นในเกมสตรีทฟุตบอลแถวบ้าน เขาเรียนรู้วิธีการผ่านบอล และวิธีรับบอลอย่างมีประสิทธิภาพ “คุณเพิ่มมันเข้าไปในกรงได้ และกลายเป็นผู้เล่นที่สมบูรณ์” อดีตเด็กปั้น แมนฯซิตี้ กล่าว

ซานโช่ เดินทางไป-กลับ วัตฟอร์ด เป็นเวลา 4 ปี เมื่อเขาอายุ 12 ปี สโมสรเสนอให้จ่ายค่าเล่าเรียนที่โรงเรียนประจำระดับสูงใกล้กับสโมสร นักเรียนหลายคนเป็นบุตรชายของมหาเศรษฐีต่างชาติ โดย ซานโช่ ระบุว่ามันเป็นวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมาก

นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนงานของ วัตฟอร์ด ซึ่ง ซานโช่ ได้นำรูปแบบฟุตบอลข้างถนนของเขามากับตัวเขาจาก เคนนิงตัน แต่เขาก็นำลักษณะการเล่นที่ไม่พึงประสงค์มาสู่บนสนามหญ้าเช่นกัน โดยดาวเตะ ดอร์ทมุนด์ เล่าว่า “ ทัศนคติของผมอาจไม่ได้ดีที่สุด ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะกลวิธีในสตรีทฟุตบอลมันยังอยู่ในตัวผม

“ผมกำลังมีปัญหาบางอย่าง และโค้ชคนหนึ่งของผมก็นั่งลง และพูดว่า เราให้คะแนนคุณสูง แต่คุณต้องเลือกวิธีที่คุณต้องการว่าจะเลี้ยงบอลไปทางซ้ายหรือทางขวา และทางนั้นมันดีหรือไม่ดี”

อย่างไรก็ตาม จากนั้นเกมการเล่นของ ซานโช่ ได้พัฒนาขึ้นเป็นลำดับจนถึงที่เราเห็นในวันนี้ “บางคนบอกว่าผมดูเหมือนนักฟุตบอลชาวบราซิล ผมเข้าใจที่พวกเขาพูด เพราะผู้เล่นอังกฤษมักจะไม่เล่นเหมือนกับที่ผมเล่น”

การย้ายไปที่นั่น นับเป็นการเดินทางครั้งที่ 3 ของ ซานโช่

ในวัย 14 ปี เมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยื่นข้อเสนอให้ย้ายไปร่วมทีม และการย้ายไปที่นั่น นับเป็นการเดินทางครั้งที่ 3 ของ ซานโช่ “มันยากที่สุด ผมสามารถจัดการกับขั้นตอนต่อไปนั้นได้หรือไม่ และแน่นอน ผมจัดการได้ดีมาก”

ขณะเดียวกัน มิชาเอล ซอร์ค ผู้อำนวยการด้านกีฬาของ ดอร์ทมุนด์ ได้อธิบายว่า “เสือเหลือง” ได้จัดการอย่างไร เพื่อให้ได้ดาวรุ่งที่อนาคตไกลย้ายมายังสโมสรแห่งนี้ และปฏิเสธข้อเสนอของบรรดาสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ซอร์ค กล่าว่า “พวกเขารู้ว่าเราไม่กลัวที่จะใช้ความสามารถของคนรุ่นใหม่ ผมบอกพวกเขาว่าดูโปรแกรมของทีมเราที่คุณจะได้ลงเล่น คุณจะไม่ได้เล่นแค่ในฟุตบอลถ้วย หรืออยู่ในทีมสำรอง แต่คุณจะได้เล่นกับทีมอย่าง ชาลเก้ และ บาเยิร์น มิวนิค รวมถึงได้เล่นในยูฟ่า แชมปี้ยนส์ ลีก”

ในวัย 17 ปี พูลิซิส อยู่ในทีมชุดใหญ่ของ ดอร์ทมุนด์ มาริโอ เกิตเซ่ ก็เช่นเดียวกัน พวกเขาได้เล่นทุกสัปดาห์ ในขณะที่ อุสมาน เดมเบเล่ ปีกชาวฝรั่งเศส ย้ายมาที่สโมสรในวัย 19 ปี และก็ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอจนย้ายไป บาร์เซโลน่า ในที่สุด

ซอร์ค เป็นหนึ่งในผู้บริหารที่เก่งที่สุดในวงการฟุตบอล ดอร์ทมุนด์ ชนะการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในปี 1997 พวกเขาเป็นสโมสรที่ทำงานให้กับคนที่พร้อมทำงาน ถึงแม้ว่าในปี 2004 พวกเขาจะล้มละลาย และอยู่ในช่วงล้มเหลวก็ตาม

ภายในห้องแต่งตัวของสโมสรก็ไม่สามารถสู้กับสโมสรเล็กๆได้ ในห้องมีแค่ตะขอโลหะสำหรับแขวนเสื้อ ม้านั่งทำจากแผ่นไม้วิ่งลาดไปความยาวของห้องเหมือนกับในห้องซาวน่า โดยมีการพื้นปูด้วยยางอยู่ด้านล่าง และเครื่องเป่าผมซึ่งติดตั้งถาวรใต้กระจกขนาดเล็กที่ปลายด้านหนึ่งดูเหมือนเศษที่เหลือจากปี 1970

แม้ว่าจะเคยเป็นหนึ่งในสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่ความสามารถในการหารายได้ของ ดอร์ทมุนด์ ในเวลานั้น ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในโลก แฟนๆไม่สามารถจ่ายค่าตั๋วในนัดสำคัญได้ ถึงแม้ตั๋วบางมุมในสนามราคาต่ำกว่า 20 ยูโร แม้แต่ที่นั่งที่แพงที่สุดก็อยู่ที่ 60 ยูโร ก็ตาม

เช่นเดียวกับสโมสรเล็กๆมากมาย ดอร์ทมุนด์ สร้างรายได้จากการขายผู้เล่นให้กับยักษ์ใหญ่ ความแตกต่างคือ พวกเขายังต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการแข่งขัน ดังนั้น ซอร์ค จึงต้องรวบรวมดาวรุ่งมากพรสวรรค์เข้ามาร่วมทีม

ซอร์ค หวังว่าการค้นพบของเขาจะทำให้เห็นความก้าวหน้าที่น่าทึ่งที่สุดของนักเตะในช่วงวัยรุ่น และจุดเริ่มต้นของวัย 20 ต้นๆของพวกเขา ในขณะที่นักเตะเหล่านั้นกำลังสวมใส่เสื้อสีดำ และสีเหลือง จากนั้นพวกเขาจะถูกขายให้กับสโมสรที่ใหญ่กว่าด้วยกำไรที่มหาศาล

ทุกวันนี้สมาคมศิษย์เก่าของ ดอร์ทมุนด์ จะเป็นทีมแข่งขันในเกือบทุกลีกทั่วยุโรป อาทิ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ของ บาเยิร์น, ปิแอร์ เอเมอริค โอบามายอง ของ อาร์เซน่อล, อิลกาย กุนโดกัน ของ แมนฯซิตี้ และ คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล

ซานโช่ บอกลาความคิดถึงบ้าน และอำลาทีมเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากเดินทางมาถึงที่นั่นในปี 2016 และในฤดูร้อนปี 2017 ซิกิ เบกิริสไตน์ ผู้อำนวยการฟุตบอล “เรือใบสีฟ้า” เสนอสัญญาอาชีพให้กับเขา แต่ปีก ดอร์ทมุนด์ ตอบปฏิเสธ

แต่ ซานโช่ ไม่มั่นใจในโอกาสลงสนามของเขากับ แมนฯซิตี้ ที่มีผู้เล่นในแนวรุกระดับโลกอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล เฆซุส, เลรอย ซาเน่, แบร์นาโด ซิลวา, เซอร์จิโอ อเกวโร่ และ ริยาด มาเรซ ที่ยืนขวางหน้าเข้าอยู่

ในขณะที่ ดอร์ทมุนด์ ซานโช่ เห็นว่า พูลิซิส ได้เล่นเป็นประจำ เขารู้ว่า “เสือเหลือง” ได้แข่งขันในถ้วยใหญ่ของยุโรปเกือบทุกฤดูกาล โดยอดีตปีก “เรือใบสีฟ้า” กล่าวว่า “ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสที่จะแสดงให้โลกเห็นว่า ผมเป็นใคร และทำอะไรได้บ้าง ผมคิดว่ามันเหมือนการเดินทางอีกครั้ง ผมแค่ต้องการเดินออกไป และเล่นฟุตบอล”

การเจรจาข้อตกลงระหว่าง ซอร์ค และ เบกิริสไตน์ เรียกร้องให้มีการจ่ายค่าตัว 7 ล้านยูโร ของ ซานโช่ โดย ดอร์ทมุนด์ จะให้กำไรกับทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 15 เปอร์เซ็นต์ ของเงินค่าตัวจากการขายดาวรุ่งชาวอังกฤษในอนาคต

ดอร์ทมุนด์ มอบเสื้อหมายเลข 7 ให้กับ ซานโช่ ซึ่งเป็นเบอร์เดียวกับที่ เดมเบเล่ เคยใส่ มันทำให้เขามั่นใจมากขึ้น และในฤดูกาลแรกกับ “เสือเหลือง” ซานโช่ ได้เล่นเป็นตัวจริง 7 เกม และตัวสำรองอีก 5 เกม พร้อมกับทำประตูแรกได้ในเกมกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เมื่อวันที่ 21 เมษายน ปี 2018

ความก้าวหน้าของ ซานโช่ นั้น เร็วมากยากที่จะเชื่อว่าประตูแรกของเขานั้นเกิดขึ้นเมื่อ 18 เดือนที่แล้ว เขายิงไปอีก 12 ประตู และแอสซิสต์ 14 ครั้ง ในปีที่แล้ว พร้อมช่วยให้ ดอร์ทมุนด์ คว้ารองแชมป์ในศึกบุนเดสลีกา

ภายใต้การคุมทีมของ ฟาฟร์ ผู้ซึ่งมีความคิดเรื่องฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบคือ ทีมชาติบราซิล ชุดแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1970 ทำให้ ดอร์ทมุนด์ เล่นในสไตล์อิสระที่ทำให้ ซานโช่ แสดงความคิดสร้างสรรค์ได้มากกว่าที่เขาต้องการ

ฟาฟร์ อธิบายว่า “เราสามารถเล่นฟุตบอลที่แอคทีฟมาก เพราะเรามีผู้เล่นอย่าง จาดอน เขาเล่นได้ทั้งบอลสั้นและบอลยาว เขาสามารถเล่นต่อได้ด้วยการแตะบอลเพียงครั้งเดียว เขาสามารถเลี้ยงบอลดวลกับคู่แข่งได้ เขาสามารถใช้ความคิดของเพื่อสร้างปัญหาให้กับคู่แข่ง”

ซานโช่ ยังคงเรียนรู้เหมือนวัยรุ่นทุกคน และเขาเคยทำผิดพลาด แต่แฟนบอล ดอร์ทมุนด์ คุ้นเคยกับการเฝ้าดูผู้เล่นอายุน้อยพัฒนาฝีเท้า พวกเขามองข้ามความผิดพลาดนั้นได้ นั่นไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เขาต้องการถ้ายังอยู่ในแมนเชสเตอร์

“มีความกดดันในอังกฤษเป็นอย่างมาก และสื่อมวลชนเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เล่นที่อายุน้อยที่จะรับมือ ถ้าคุณยังไม่ได้เล่นเกมที่ดี มันก็เหมือนกับคุณยังไม่พร้อม และคุณไม่ดีพอสำหรับทีม แต่ในเยอรมนีผ่อนคลายมากกว่า ผมคิดว่าผู้เล่นอายุน้อยต้องการมัน” ตัวรุก “สิงโตคำราม” กล่าว

ซานโช่ เล่นให้ทีมชาติอังกฤษในศึกยูฟ่า เนขั่นส์ ลีก ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลาที่เขารายงานตัวกลับไปยัง ดอร์ทมุนด์ เขาเป็นดาวรุ่งที่เกือบสมบูรณ์แบบแล้ว

โทมัส เดลานีย์ กองกลางเพื่อนร่วมทีม ดอร์ทมุนด์ กล่าวว่า “มันไม่ใช่แค่ว่าเขาทำเพื่อทีม แต่เขายังสร้างทุกๆอย่างบนสนามได้ ผมเกือบจะเรียกมันว่าเป็นสิทธิพิเศษในการได้ดู จาดอน ทุกวันในการฝึกซ้อม มันน่าตื่นเต้น เขาทำสิ่งต่างๆกับลูกบอลแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าผมพยายามทำสิ่งที่เขาทำ ผมคงปวดหัวแน่ๆ”

ขณะเดียวกัน ซอร์ค เติบโตที่นั่น เขาใช้เวลาตลอดอาชีพ 17 ปี ในการเล่นให้ ดอร์ทมุนด์ ในตำแหน่งกองกลางกลาง ตอนนี้เขาได้วางความสำเร็จของสโมสรไว้ในมือของผู้เล่นในวัย 19 ปี ซึ่งยังไม่สามารถดื่มเบียร์ในสหรัฐอเมริกาได้อย่างถูกกฎหมาย ในสถานการณ์นั้นเขาก็เข้าใจดี

“ที่นี่ไม่มีสถานบันเทิงยามค่ำคืน ไม่มีการรบกวนจากภายนอก มันไม่ใช่ลาสเวกัส ไม่ใช่เบอร์ลิน ไม่ใช่ลอนดอน คุณต้องออกไป 100 กิโลเมตร เพื่อสถานบันเทิงเหล่านั้น เราช่วยให้ผู้เล่นอายุน้อยให้ความสำคัญกับฟุตบอลของพวกเขา” ซอร์ค กล่าว

ในที่สุด ซานโช่ จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นของสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป เหมือนกับที่ เลวานดอฟสดี้ และ เกิตเซ่ ย้ายไป บาเยิร์น, โอบาเมยอง ย้ายไป อาร์เซน่อล, กุนโดกัน ย้ายไป แมนฯซิตี้ และ เดมเบเล่ ย้ายไปยัง บาร์เซโลน่า

อดีตนักเตะ ดอร์ทมุนด์ เหล่านั้น ถูกแทนที่ด้วยกลุ่มเป้าหมายรุ่นต่อไปที่ฝีเท้ายอดเยี่ยมอย่าง ซานโช่ และ พูลิซิส ซึ่งตอนนี้ย้ายไปเล่นให้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าตัว 58 ล้านปอนด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ดอร์ทมุนด์ ยังมีดาวรุ่งอีกมากมายที่รอวันแจ้งเกิด อาทิ จิโอ เรย์น่า วัย 17 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของ เคลาดิโอ เรย์น่า อดีตกองกลางทีมชาติสหรัฐอเมริกา และ ยุสซูฟา มูโกโก้ ดาวยิงวันเดอร์คิดวัย 14 ปี ที่ซัดประตูได้อย่างถล่มทลายในทีมเยาวชน

อีกไม่นาน ซานโช่ ก็จะย้ายไป มันเกือบจะเกิดขึ้นเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วหลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีการยื่นข้อเสนอเข้ามา แต่ ซอร์ค ให้คำแนะนำแก่ ซานโช่ ว่าเวลายังไม่เหมาะสมสำหรับเขาในการย้ายทีม และเจ้าตัวก็น้อมรับคำแนะนำพร้อมกับขยายสัญญาฉบับใหม่กับ ดอร์ทมนุด์ ไปจนถึงปี 2022 โดยรับค่าเหนื่อย 200,000 ยูโรต่อสัปดาห์

ในคืนที่เงียบสงบเป็นพิเศษใน ดอร์ทมุนด์ ซานโช่ เพิ่งได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของทีมชาติอังกฤษในการแข่งขันศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบคัดเลือกกับ บัลแกเรีย และ โคโซโว แตกต่างจากเมื่อก่อนที่เขาต้องเล่นให้กับทัพ “สิงโตคำราม” ชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี

ในปัจจุบัน ตัวรุก ดอร์ทมุนด์ กลายเป็นปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับ แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ที่ต้องเลือกผู้เล่นในแนวรุกอย่าง แฮร์รี่ เคน, มาร์คัส แรชฟอร์ด, สเตอร์ลิ่ง ซานโช่ ลงสนามทำศึกรายการต่างๆ

ซานโช่ เป็นผู้เล่นอังกฤษคนเดียวที่ไม่ได้เล่นในพรีเมียร์ลีก จนกระทั่ง คีแรน ทริปเปียร์ ย้ายออกจาก สเปอร์ส ไปเล่นให้กับ แอตเลติโก้ มาดริด ในฤดูกาลนี้ แม้ก่อนหน้านี้ การที่เขาเป็นนักเตะคนเดียวที่ไม่ได้เล่นในเมืองผู้ดี แต่นั่นก็ไม่ได้ขัดขวางความก้าวหน้าระดับนานาชาติของเขา

เซาธ์เกต กล่าวว่า “ผมไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องเชิงลบเลย จาดอน เล่นต่อหน้าแฟนๆ 80,000 คน ที่ ดอร์ทมุนด์ ทุกสัปดาห์ นั่นเป็นแรงกดดันอย่างมาก เราต้องการให้ผู้เล่นของเรารู้สึกถึงความรุนแรงนั้นในสถานการณ์แบบนั้น”

ในเกมยูโร 2020 รอบคัดเลือกที่ อังกฤษ ถล่ม โคโซโว 5-3 นั้น ซานโช่ ซัดไป 2 ประตู นั่นทำให้สื่อมวลชนในเมืองผู้ดีต่างพากันเล่นข่าวที่ มิดฟิลด์ “เสือเหลือง” จะกลับมาเล่นกับทีมยักษ์ใหญ่ของพรีเมียร์ลีกในช่วงฤดูร้อนหน้า ไม่เพียงแต่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เท่านั้น

แต่ยังรวมถึงทีมเก่าอย่าง แมนฯซิตี้, อาร์เซน่อล, ท็อตแน่ม, เชลซี และลิเวอร์พูล โดย ซานโช่ เปิดใจต่อความคิดของการกลับไปเล่นในอังกฤษ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ นั่นคือประเด็นที่ เฟรดเดอริก โอบาซี เอเย่นต์ ของดาวรุ่งชาวอังกฤษต้องออกมาชี้แจง

“ทุกคนพูดถึง ‘อังกฤษ, อังกฤษ, อังกฤษ’ แต่ทำไมพวกเขาคิดว่า จาดอน ต้องไปที่นั่น? มีลีกอื่นๆและสโมสรอื่นๆอีกมากมายที่เหมาะสมกับเขา” โอบาซี กล่าว

สำหรับผู้เล่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก การปฏิเสธข้อเสนอจากหนึ่งในสโมสรชั้นนำของพรีเมียร์ลีกดูเหมือนจะไม่น่าเชื่อ ในช่วงฤดูร้อนหน้า ซานโช่ จะอายุ 20 ปี เขาเป็นนักเตะชาวอังกฤษที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและกำลังจะเป็นหนึ่งในดาราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการกีฬา

ทำไม ซานโช่ ไม่ต้องการที่จะแข่งขันในลีกที่ดีที่สุด และได้รับผลตอบแทนมากที่สุดในโลกโดยการกลับบ้านในฐานะซุปเปอร์สตาร์ในสถานที่ที่เพื่อนๆ และครอบครัวสามารถดูเขาเล่นได้ทุกสัปดาห์ แต่การไปที่อื่นจะเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับเขา

ในท้ายที่สุด ซานโช่ ยิ้ม และบอกว่าเขาจะทำในสิ่งที่ถูกต้องกับเขาไม่ว่าจะคาดหวังอะไรก็ตาม เชื่อเขา เพราะเขาเคยทำมันมาก่อนหน้านี้แล้ว

ในท้ายที่สุด ซานโช่ ยิ้ม และบอกว่าเขาจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง