เฟร็ด จากแข้งส่วนเกินสู่คนสำคัญแห่งทัพ ปีศาจแดง

เฟร็ด จากแข้งส่วนเกินสู่คนสำคัญแห่งทัพ ปีศาจแดง

หนังสือพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษใส่ชื่อเขาไปอยู่ในทีมที่แย่ที่สุดในฤดูกาลที่แล้ว ขณะที่หนังสือพิมพ์ระดับชาติอีกฉบับหนึ่งนำรูปภาพที่น่าผิดหวังมาสู่บทความตอนหนึ่งในซีซั่นที่ผ่านมา ส่วนในสื่อสังคมออนไลน์ต่างวิพากษ์วจารณ์เขาอย่างหนัก ซึ่งนักเตะคนนั้นคือ เฟร็ด กองกลางชาวบราซิล ของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก

การที่ แมนฯยูไนเต็ด ลงทุนทุ่มเงินมหาศาลถึง 52 ล้านปอนด์ คว้าตัว เฟร็ด มาจาก ชัคตาร์ โดเนตส์ แชมป์ลีกสูงสุดประเทศยูเครน เมื่อซัมเมอร์ปี 2018 จะไม่เป็นไปตามความคาดหวัง แม้ “ปีศาจแดง” จะปาดหน้า “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่อริร่วมเมือง คว้าตัวแข้งแซมบ้า มาร่วมทีมได้ก็ตาม

ในช่วงแรก อดีตกองกลาง ชัคตาร์ โดเนตส์ ต้องปรับตัวในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างหนัก และได้ลงเล่นเป็นเพียง 17 เกมเท่านั้นรวมทุกรายการ โดยดาวเตะวัย 27 ปี ถูกคาดหมายว่า จะเข้ามาเป็นกำลังหลักของ “ปีศาจแดง” ทันที แต่เขาก็ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง

เฟร็ด คือการเซ็นสัญญาของ แมนฯยูไนเต็ด ในช่วงฤดูร้อนในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส ซึ่งเขาเคยพูดถึงเพิ่มมิติการเล่นใหม่ๆ และในฤดูกาลที่ 2 มิดฟิลด์แซมบ้า ถูกคาดหมายว่า จะปรับตัวได้ดีกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นซีซั่นนี้ เฟร็ด เริ่มต้นได้อย่างยากลำบาก ซึ่งแม้แต่อดีตนักเตะชาวอเมริกาใต้หลายคน อาทิ อันแดร์สัน กองกลางแซมบ้า, อังเคล ดิ มาเรีย และ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน อดีต 2 ดาวเตะชาวอาร์เจนตินา ของ แมนฯยูไนเต็ด ก็ยังออกสตาร์ทได้ดีกว่าเขาเสียอีก

ในฤดูกาลก่อนด้วยผลงานที่น่าผิดหวังส่งผลให้ เฟร็ด ไม่มีชื่อติดทีมชาติบราซิลไปเล่นในศึกโคปาอเมริกา และการเตรียมความพร้อมของเขาก็เริ่มชะงัก เพราะเจ้าตัวต้องจัดงานแต่งงานในเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา และแฟนบอล แมนฯยูไนเต็ด ส่วนใหญ่ต้องการให้ อันเดร์ เอร์เรรา อดีตกองกลางชาวาเปน ลงเป็นตัวจริงแทน

แต่สิ่งต่างๆเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เอร์เรรา ย้ายไปร่วมทีม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมยักษ์ใหญ่ในศึกลีกเอิง ฝรั่งเศส แบบไร้ค่าตัวในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา จากนั้น เฟร็ด เริ่มกลับเข้าทีมในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และได้ลงเล่นในเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีก 21 เกมติดต่อกัน

เฟร็ด ปรับตัวได้ และพัฒนาฟอร์มการเล่นขึ้นมาจนกลายเป็นส่วนสำคัญในแดนกลางของ แมนฯยูไนเต็ด ในช่วงที่ ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส ได้รับบาดเจ็บ และในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เขาได้โหวตให้ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรอีกด้วย

ขณะเดียวกันในเกมยูโรป้า ลีก จากสถิติใน บ้านผลบอล ที่ แมนฯยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไล่ถล่ม คลับ บรูช 5-0 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น เฟร็ด โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดด้วยการซัดไปคนเดียว 2 ประตู ซึ่งหลังจบเกมเขาได้รับคำชื่นชมอย่างมาก

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ ของ แมนฯยูไนเต็ด กล่าวติดตลกหลัง เฟร็ด ยิงไป 2 ประตูในเกมกับ คลับ บรูช ว่า “ผมไม่แน่ใจว่า ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่ถ้าเขายิงประตูในเกมต่อไปได้อีกครั้ง

ในเวลานี้ ทุกคนเห็นแล้วว่า ทำไม เฟร็ด จึงได้กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงอีกครั้ง ตอนนี้ความคิดเห็นของ มูรินโญ่ เกี่ยวกับอดีตกองกลาง ชัคตาร์ โดเนตส์ ที่ถูกวางไว้เป็นตัวหลักในแดนกลางนั้น อาจจะเริ่มกลายเป็นความจริงแล้ว

เฟร็ด สมควรได้รับโอกาสแล้ว

โซลชา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “เฟร็ด สมควรได้รับโอกาสแล้ว เขาเจอความท้าทายอย่างแท้จริงในฤดูกาลนี้ จริงๆแล้ว เขามีฤดูกาลแรกที่ยากลำบาก แต่ตั้งแต่ที่เรานำตัวเขาเข้ามาร่วมทีม เราได้แสดงให้เขาเห็นว่าเราเชื่อมั่นในตัวเขา”

“เขาก็รู้ดีถึงสิ่งที่เราต้องการ เขาคุ้นเคยกับการเล่นฟุตบอลที่นี่แล้ว เพราะที่อังกฤษคุณจะไม่ได้โอกาสครองบอล หรือสัมผัสบอลมากนัก คุณจะไม่มีเวลาได้คิดสร้างสรรค์มาก ซึ่งนั่นเป็นนิสัยส่วนใหญ่ของนักฟุตบอลชาวบราซิล และมันจะทำให้จังหวะเกมช้าลง”

“ตอนนี้เขาแสดงให้เห็นแล้วว่า เขาเป็นคนที่บุคลิกแข็งแกร่ง เขามีจิตใจที่แข็งแกร่ง และเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นคนดีมาก เขาทำงานอย่างหนัก และพยายามอย่างดีที่สุดถึงแม้มันไม่ได้ผลตามที่ต้องการเสมอไป ตอนนี้เขามีโอกาสแล้ว ปอล ป็อกบา ได้รับบาดเจ็บ และเขาก็คว้ามันได้ด้วยผลงานของเขาเอง ผมดีใจกับเขาจริงๆ” นายใหญ่ “ปีศาจแดง” กล่าว

ด้านจิตใจของ เฟร็ด ก็ไม่ควรมองข้าม ภาษาอังกฤษของเขาได้รับการพัฒนาอย่างมาก และการมาถึงของผู้เชี่ยวชาญด้านการเตรียมความพร้อมร่างกายอย่าง มาร์ติน เพิร์ท ที่เข้ามาทำงานกับ แมนฯยูไนเต็ด ในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมานั้น ก็ทำให้ แข้งชาวบราซิล ได้รับประโยชน์เช่นกัน เพราะทั้งคู่ต่างสื่อสารกันด้วยภาษาโปรตุเกสพื้นเมืองอย่างคล่องแคล่ว

ขณะเดียวกัน โค้ชคนอื่นของ แมนฯยูไนเต็ด อย่าง ไมเคิ่ล คาร์ริค ก็มีอิทธิพลเช่นกัน เฟร็ด ได้ให้เครดิตความสำคัญของการสนทนากับ คาร์ริค และการพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับ อดีตกองกลาง “ปีศาจแดง” นั้น ก็ทำให้เขานำสิ่งต่างๆมาปรับใช้ในสนาม

นอกจากนี้ ด้านกายภาพก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน เฟร็ด วิ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในสนามมากกว่าผู้เล่นทุกคนในพรีเมียร์ลีกในช่วง 5 เกมแรกของปี 2020 และมันเกือบจะเป็นเกมที่ 6 แล้ว หากเขาไม่ถูกเปลี่ยนตัวออกมาในเกมที่ แมนฯยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 3-0 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

เฟร็ด เคยให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆนี้ว่า “ตอนนี้ผมสาามารถเข้าใจเกมได้ดีขึ้น เร็วขึ้น และแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม” โดยกองกลางชาวบราซิล วิ่งอยู่ทุกหนทุกแห่งในสนาม และนั่นก็เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงบทบาทของเขาในฤดูกาลนี้ ซึ่ง โซลชา เปลี่ยนให้เขาไปเล่นในบทบาทมิดฟิลด์ บ็อก ทู บ็อก

มูรินโญ่ พูดพาดพิงถึงเรื่องนี้เมื่ออธิบายการต่อสู้ของ เฟร็ด เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาว่า “เมื่อทีมมีเกมรับแข็งแกร่งขึ้น และกองกลางไม่ต้องกังวลถึงการสร้างสมดุลของทีม นั่นจะทำให้กองกลางคนนั้นสามารถเล่นเกมรุกได้เต็มที่ ผมคิดว่าขอบเขตการเล่นของ เฟร็ด เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง”

“เฟร็ด ถูกปลดปล่อยจากหน้าที่ในการป้องกัน เขาใช้ความแข็งแกร่งด้านอื่นๆได้ เขาสามารถวิ่งขึ้น และลงได้ตลอดทั้งเกม และตอนนี้ เขาเลี้ยงลูกฟุตบอลเกือบ 2 เท่า จากที่เขาเคยทำ และสร้างโอกาสมากขึ้นจากการเล่นแบบโอเพ่นเพลย์”

ในความเป็นจริงไม่มีผู้เล่น แมนฯยูไนเต็ด คนใดที่สร้างโอกาสในพรีเมียร์ลีกมากเท่า เฟร็ด อีกแล้วในช่วงเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา และอดีตกองกลาง ชัคตาร์ โดเนตส์ ก็ยอมรับว่าเขากำลังมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมเอาไว้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเดินทางมาเยือนสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ เฟร็ด กำลังมีความมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม และนั่นจะเป็นงานที่ยากของพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” อย่างแน่นอน

เฟร็ด กำลังมีความมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม