ราฟาเอล เบนิเตซ ลั่น!ผมอยากเป็นโค้ชไปจนถึงอายุ 70 ปี

ราฟาเอล เบนิเตซ ผมอยากเป็นโค้ช

ราฟาเอล เบนิเตซ เทรนเนอร์ชาวสเปน เขาเคยเป็นกุนซือของบางสโมสรชั้นนำในทวีปยุโรป อาทิ บาเลนเซีย, ลิเวอร์พูล, อินเตอร์ มิลาน, เชลซี, นาโปลี, เรอัล มาดริด และ นิวคาสเซิล ซึ่งคือสโมสรในปัจจุบันที่เขารับหน้าที่กุมบังเหียน

เบนิเตซ เคยคว้าแชมป์ลา ลีกา 2 สมัย, ยูฟ่า คัพ 1 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย เคยถูกไล่ออกเพราะพาทีมแพ้เพียงแค่สามเกมเท่านั้น โดยโค้ชวัย 59 ปี ระบุว่า เขาต้องการเป็นกุนซือไปจนถึงอายุ 70 ปี

ย้อนกลับไปหลังจากการแข่งขัน 15 นัดในลีก โดยไม่มีการชนะ เบนิเตซ ในวัย 35 ปี อยู่ภายใต้แรงกดดันในงานแรกของเขาในฐานะผู้จัดการทีม เรอัล บายาโดลิด ในลา ลีกา อย่างไรก็ตาม เพียงสองสัปดาห์ก่อนเริ่มฤดูกาล 1995-96 บายาโดลิด ได้รับการแจ้งว่า พวกเขาจะได้เล่นในลีกสูงสุดต่อไป หลังจาก เซบีญ่า และ เซลต้า วีโก้ ถูกลงโทษทางการเงิน

กิลเลี่ยม บาลาเก้ต์ ผู้เชี่ยวชาญวงการลูกหนังกระทิงดุ ได้มีการพูดคุยกับ เบนิเตซ ถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาในฐานะผู้จัดการทีมของเขา ที่มีมานานมากกว่า 20 ปี

เบนิเตซ เริ่มเล่าว่า “เราไม่ทราบว่าเราจะเล่นที่ลาลีกาต่อไป จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม ลีกเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน ผมบ่นเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาที่วุ่นวายในที่สุดเพราะเราทำทุกอย่างรีบ ผมจำได้ก่อนเกมกับ บาเลนเซีย คนในทีมของเราพูดว่า “ฟังบอสทุกอย่างเรียบร้อย ผมวางกระเทียมไว้ด้านหลังโกลด์ บาเลนเซีย แล้ว เพื่อนำความโชคร้ายมาให้ผู้รักษาประตู อันโดนี ซูบีร์ซาเรตตา”

“เขาได้รับบาดเจ็บระหว่างการอุ่นเครื่องก่อนลงสนาม แต่พวกเขาส่ง ฮอร์เก บาร์ตูอัล และเขาก็เซฟไป 3-4 ครั้ง ผมคิดว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติหรอกนะ”

หลังปิดฉากกับ บายาโดลิด งานต่อไปของ เบนิเตซ คือที่ โอซาซูน่า เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่หลังจากที่เขาพา เอซเตรมาดูรา เลื่อนชั้นจาก เซกุนดาดีบี ซีออน ในปี 1997-98 และพา เตเนริเฟ่ เลื่อนขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จในปี 2000-01 บาเลนเซีย ก็แต่งตั้งเขาเป็นกุนซือคนใหม่ของสโมสร

ในปี 2001 เบนิเตซ เปิดตัวกับ บาเลนเซย ได้ไม่ดีนัก เขาพาพลพรรค “ค้างคาว” ชนะเพียง 5 จาก 16 เกมในลีก และมีข่าวลือออกมาอย่างหนาหูว่าเขากำลังจะโดนบอร์ดของสโมสรไล่ออกในไม่ใช้ อย่างไรก็ตาม การเอาชนะ เอสปันญ่อล 2-0 ทำให้คลายความกดดันลงไปได้พอสมควร

อดีตนายใหญ่ บาเลนเซีย กล่าวว่า “ในตอนนั้น พวกเรามีอยู่เจ็ดแต้มตามหลัง เรอัล มาดริด ในเดือนมกราคม แต่ผมบอกกับผู้เล่นว่าเราจะคว้าแชมป์ลีกมาได้ พวกเราแข็งแกร่งมาก ผมจำได้ว่าผู้เล่นทุกคนทานอาหารกลางวันด้วยกัน และหลังจากนั้นพวกเขาก็พักครึ่งชั่วโมงคุยกันเรื่องฟุตบอล”

“คุณมีนักเตะชาวอเมริกาใต้อยู่ในโต๊ะเดียว และนักเตะสเปน ก็อยู่ในอีกโต๊ะ พวกเขาไม่ได้อยู่กับภรรยาหรือเพลย์สเตชัน พวกเขาแค่พูดถึงฟุตบอล จากนั้นเราก็คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ ผมจำขบวนพาเหรด และผู้คนร้องไห้บนถนน หลังจากนั้น ผมบอกภรรยาของผมว่าผมจะคว้าถ้วยแชมเปียนส์ ลีก”

ย้อนกลับไปในนัดชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ ลีก ที่อิสตันบลู ประเทศตุรกี วันที่ 25 พฤษภาคม ปี 2005 เอซี มิลาน 3-3 ลิเวอร์พูล ใน 90 นาที ก่อนที่ “หงส์แดง” จะเอาชนะด้วยการดวลจุดโทษคว้าแชมป์อย่างปาฏิหาริย์
เบนิเตซ เล่าว่า “มีคนพูดว่า เราโชคดี ใช่ เราเอาชนะทีมอย่าง เชลซี ยูเวนตุส โอลิม เปียกอส และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เพื่อเข้าชิงรอบสุดท้าย ผมกำลังจดบันทึก เมื่อเราเสียประตูที่สาม ผมจำได้ว่า มีผู้เล่นในหัวตัวเอง 3 คน ที่ต้องลงไปเปลี่ยนเกม และผมกล่าวว่าในช่วงครึ่งเวลา “มา ถ้าเราทำประตูแรกได้ เราจะกลับมาในเกม”

“หลังจากนั้นเรามีปาร์ตี้ ผมไม่ดื่ม เป็นเพียงแค่ปาร์ตี้รูปภาพแฟน ๆ และเพื่อนๆเพื่อนของผมต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยง และเขาทำไม่ได้ พวกเขาโทรหาผม และผมต้องออกไปข้างนอก ผมออกไปข้างนอกหนึ่งนาที และเมื่อผมพยายามกลับเข้าไปข้างใน ทีมงานระบบรักษาความปลอดภัยไม่ยอมให้ผมเข้าไป”

“ขบวนพาเหรดในวันถัดไป และผู้เล่นอยู่ที่ด้านบนของรถบัสสองชั้น และมันจะค่อนข้างเร็ว คุณสามารถเห็นต้นไม้ และกิ่งไม้และผู้เล่นก็เหมือนระวังมันค่อนข้างอันตราย” อดีตกุนซือ “หงส์แดง” กล่าว

การถูกไล่ออกหลังจากคว้าแชมป์สโมสรโลกกับ อินเตอร์ เมื่อปี 2010 เบนิเตซ ระบุว่า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะโดนปลดออกจากตำแหน่ง หลังจากเข้ามาคุมทัพ “งูใหญ่” ต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตเทรนเนอร์ชาวโปรตุเกส ได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น

“เมื่อผมไปที่ อินเตอร์ พวกเขาสัญญากับผมในการเซ็นสัญญาว่า จะซื้อนักเตะใหม่มาร่วมทีม แต่พวกเขาไม่ได้ซื้อตัวใครเลย และถ้าคุณไม่ทำอย่างนั้นคุณก็จะมีวิกฤติ เรามีผู้เล่น 15 คนที่อายุเกิน 30 ปี ผู้เล่นอายุ 36, 37 และ 38 ปี อย่างละ 1 คน ทีมนี้ได้รับบาดเจ็บมากเกินไป”

“ผู้เล่นบางคนไม่ต้องการที่จะตระหนักว่า พวกเขาต้องออกจากสโมสรเพื่อต้องการลงสนาม สำหรับคนอย่าง เฟลิปเป คูตินโญ่ ซึ่งอายุ 18 ปี ในขณะนั้น เป็นผู้เล่นที่ควรขึ้นมาอยู่ในทีมชุดแรกในบางโอกาส แต่เขาก็ต้องการลงสนามอย่างสม่ำเสมอ” โค้ชชาวสเปน กล่าว

การทำงานผิดเวลาของ เบนิเตซ ที่ เชลซี สถานการณ์เริ่มตั้งแต่ “สิงโตน้ำเงินคราม” ตกรอบรองชนะเลิศของแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยฝีมือของ ลิเวอร์พูล ในปี 2005 เกมนั้นตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของแฟนบอล “สิงห์บลูส์”

ดังนั้นปฏิกิริยาตอบสนองต่ำที่สำคัญของพวกเขาเมื่อ โรมัน อับราโมวิช เจ้าของสโมสร เชลซี ตัดสินใจแต่งตั้ง เบนิเตซ เป็นผู้จัดการชั่วคราว หลังจากการเลิกจ้างของ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ โค้ชชาวอิตาลี ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2012

เบนิเตซ ลบคำสมประหม่า

อย่างไรก็ตาม เบนิเตซ ลบคำสมประหม่า หลังจากที่เขานำ เชลซี ไปสู่ยูโรป้า ลีก รอบชิงชนะเลิศและเอาชนะ เบนฟิก้า 2-1 คว้าแชมป์สำเร็จ โดยได้ประตูจาก เฟอร์นันโด ตอร์เรส หัวหอกชาวสเปน และ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลังเซอร์เบีย

หลังจบเกม เอฟเอ คัพ ที่ เชลซี เอาชนะ มิดเดิลสโบรช์ เบนิเตซ กล่าวว่า เขาจะอำลาถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ หลังจบซีซั่น “แฟนๆหรือผู้เล่นบางคนอาจไม่มีความสุข แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็สบายดี ดังนั้นความทรงจำเกี่ยวกับ เชลซี ของผมจึงค่อนข้างดี”

“มีแฟนๆ จำนวนมากอาจไม่ชอบผม แต่ผมมักจะพูดแบบเดียวกันเสมอ ในตอนแรกมีความคิดเห็นเชิงลบ ไม่มากเกินไป จากนั้นก็มีพวกเขามากขึ้น แต่ส่วนใหญ่พวกเขาสบายดี เกมที่สำคัญ คือการต่อสู้กับ มิดเดิ้ลสโบรช์ ใน เอฟเอ คัพ เราเอาชนะพวกเขาไป 2-0”

“จากนั้น ผมให้สัมภาษณ์และบอกว่า “ผมเป็นมืออาชีพ ผมจะทำงานของตัวเอง ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดสำหรับ เชลซี และคุณไม่จำเป็นต้องบ่นเกี่ยวกับผม เพราะผมจะไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล ผมจำได้ว่ากำลังรอครอบครัวของผมอยู่ที่สถานีรถไฟ และมีคนเข้ามาหาผมและพูดว่าผมเป็นแฟน เชลซี ขอบคุณมากสำหรับสิ่งที่คุณทำเพื่อเราคุณทำได้ดี ผมมีบทสนทนานี้หลายครั้งแล้ว ผมยังคงถามว่าผมมีความทรงจำไม่ดี”

“ผู้คนต่างก็เข้าใจผิด เวลาของผมที่ เชลซี ผมยังมีเพื่อนมากมายที่นั่น เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลเราไปอเมริกาและเล่นเกมกระชับมิตรกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สองเกม และประธาน และผู้บริหารระดับสูงให้ผมทานอาหารมื้อเย็นที่นิวยอร์กด้วย” อดีตกุนซือ เชลซี กล่าว

ผู้คนพยายามสร้างความสับสนระหว่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ ปีกทีมชาติโปรตุเกส กับ เบนิเตซ สมัยที่ทั้งคู่ร่วมงานกันที่ มาดริด ย้อนไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ปี 2015 “ราชันชุดขาว” เปิดรัง ซานติอาโก เบอร์นาบิว ถล่ม มัลโม่ 8-0 ในเกมรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีก

นั่นถือเป็นชัยชนะที่มากที่สุดของ มาดริด ในถ้วยยุโรป โรนัลโด้ ซัดไป 4 ลูก ใน 19 นาที ผลลัพธ์เท่ากับชัยชนะของ ลิเวอร์พูล 8-0 ต่อ เบซิคตัส ในปี 2007 เมื่อ เบนิเตซ คุมทีม “หงส์แดง” ไม่เลวสำหรับโค้ชที่คิดว่าเน้นเกมรับ

อย่างไรก็ตาม ภายในหนึ่งเดือนที่ชนะ มัลโม่ และแม้จะแพ้เพียงสามเกม เบนิเตซ ถูกไล่ออกจาก มาดริด “เรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่พวกเขาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลง ผู้คนกำลังพยายามสร้างความยุ่งเหยิงในตอนเริ่มต้น แต่ผมได้คุยกับ คริสเตียโน ทุกวัน เขาเป็นมืออาชีพ เขาดูแลตัวเอง และเขามักจะจดจ่อกับสิ่งที่เขาอยากทำ”
“ผมมีข้อเสนอสามครั้งก่อนหน้านี้ แต่มันเป็นอารมณ์ที่อยากจะมาทำงานกับ มาดริด ผมเลยเลือกสโมสรแห่งนี้ เพราะผมอยู่ที่สโมสรตั้งแต่อายุ 13 ถึงอายุ 35 ผมรู้แน่ๆว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ผมไม่สามารถพูดได้”

ขณะเดียวกัน ในเวลานี้ แฟนๆ นิวคาสเซิล โน้มน้าวให้ เบนิเตซ อยู่ต่อคุมทีมในถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค ต่อไป ในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนต่ออนาคตของเทรนเนอร์ชาวสเปน อย่างไรก็ตาม ล่าสุด อดีตนายใหญ่ ลิเวอร์พูล ตกลงเซ็นสัญญากับ “สาลิกาดง” ต่อไปอีก 3 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เบนิเตซ กล่าวว่า “ปัญหาที่เรามีเมื่อเราไปถึงก็คือ เราไม่มีเวลา เราคิดว่าสโมสรใหญ่ สนามกีฬาขนาดใหญ่ แฟนๆที่อยู่เบื้องหลังทีมทุกอย่างถูกต้อง แต่เรามีนักเตะบาดเจ็บ 13 คน เมื่อผมมาถึงครั้งแรก แฟนๆเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณคิดว่านี่เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ และคุณสามารถทำอะไรกับแฟนๆ เหล่านี้ที่อยู่ข้างหลังคุณ”

“นั่นเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของผมที่จะอยู่ต่อ ผมกำลังคุยกับ ไมค์ แอชลีย์ เจ้าของสโมสร หลังจบเกม และเขาก็ถามผมว่าคุณต้องการอะไร เรากำลังพูดถึงสิ่งที่เราคิดว่าจำเป็นต้องได้รับการเลื่อนขั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีก”

“เราไม่ได้ตระหนักถึงความยากลำบากในการแข่งขันชิงแชมป์ แต่ทีมของเราแข็งแกร่ง เรามีความแข็งแกร่งในการป้องกัน และเราก็โจมตีได้ดีนั่นคือกุญแจสำคัญ ถ้าคุณต้องการที่จะชนะรางวัล คุณต้องหาสมดุล เราจบอันดับที่ 10 ในพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และตอนนี้เรากำลังพูดคุย และรอดูสิ่งที่เราสามารถทำได้ในอนาคต”

เบนิเตซ อยู่ต่อคุมทีมในถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค