อาร์เซนอล-ไบรท์ตัน เมื่อลูปเดิมของอาร์เซนอล ได้หมุนกลับมาอีกครั้ง

 

อาร์เซนอล-ไบรท์ตัน เมื่อลูปเดิมของอาร์เซนอล ได้หมุนกลับมาอีกครั้ง

อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ไอคอนนักเตะระดับตำนานของเรอัล มาดริด เคยกล่าวไว้ว่า “เกมนัดไหนที่ไม่มีการยิงประตู ก็เหมือนวันที่ไม่มีแสงพระอาทิตย์ส่อง”ไบรท์ตัน และ อาร์เซนอล คือทีมที่เหมือนว่าจะได้ลงเล่นในวันที่ไม่มีแสงแดดแบบที่ตำนานนัเตะผู้ล่วงลับของมาดริดเคยกล่าวเอาไว้อย่างชัดเจน เพราะการแข่งขันที่ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม ทั้งสองทีมต่างก็ทำได้แค่เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ความหวังในการจะสร้างโมเมนตัมสำหรับทีมเยือนอย่าง อาร์เซนอล ที่อยากจะสร้างขวัญกำลังใจในการเก็บชัยชนะให้ได้ในลีก 4 เกมติดต่อกันมันต้องกลายเป็นหมันไปในที่สุด”หวังว่าจะไม่จบลงด้วยผลเสมอนะ!” มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมของอาร์เซนอล เคยพูดเอาไว้ก่อนเกม ซึ่งเหมือนว่าอาร์เตต้าจะมองเกมขาดไปหน่อย เพราะการที่อาร์เซนอลทำได้แค่เสมอกับ ไบรท์ตัน มันได้กลับกลายเป็นว่าพวกเขาได้กลับมาสู่ลูปที่น่าเบื่อหน่ายอีกครั้งแล้วหลังจากที่อาร์เซนอลกลายทีม4ประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดของอังกฤษ ที่เปิดลีกด้วยการแพ้ไปถึง 3 นัดติดต่อกันนั้น พวกเขากลับแก้ลำด้วยการกลับมาคว้าชัยชนะได้ถึง 3 เกมติดต่อกัน เฉพาะกับชัยชนะเหนือ ท็อตแน่ม คู่แค้นร่วมกรุงลอนดอนด้วยสกอร์ 3-1 มันเลยทำให้แฟนบอลคิดว่าในเกมกับ ไบรท์ตัน ที่ซึ่งมีชื่อชั้นดรอปกว่าสเปอร์สเยอะ ฝั่งของอาร์เซนอลก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่สุดท้ายความหวังของพวกเขา มันก็ถูกทำลายลงอย่างป่นปี้เพราะด้วยการเสมอกับ

ไบรท์ตันแบบไร้สกอร์ มันก็เสียหายพอสมควรเลยทีเดียว

ไบรท์ตันแบบไร้สกอร์ มันก็เสียหายพอสมควรเลยทีเดียว

แม้จะมีสถิติในการครองบอลมากกว่า หาโอกาสยิงได้มากถึง 21 ครั้ง (เข้ากรอบแค่ 2 ครั้ง) มากกว่าฝั่งของไบรท์ตันที่หาโอกาสซัดได้ 8 ครั้งเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าลูกทีมของเกรแฮม พอตเตอร์ กลับใช้แผนตั้งรับได้แบบเด็ดขาดกว่า สามารถยันเกมรุกของอาร์เซนอลไว้ได้จนครบ 90 นาทีตัวเลขสถิติในเกมนี้อาร์เซนอล ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มตั้งตัวกับแผนการปั้นเกมจากแดนกลางได้มากขึ้น นักเตะของอาร์เซนอล สามารถจ่ายบอลสำเร็จถึง 76% ส่วนทัพ “นกนางนวล” เน้นการป้องกันเต็มรูปแบบ แต่ก็มีจังหวะการสวนกลับที่เกือบทำให้อาร์เซนอลเสียกระบวนท่าอยู่บ้างเช่นกันมาร์ติน โอเดการ์ด และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ไม่ต้องรับผิดชอบในพื้นที่แดนกลางมากเท่าไหร่ เพื่อให้ทั้งคู่เน้นไปที่การเดินเกมรุกในพื้นที่สุดท้ายเต็มรูปแบบ แต่กระนั้นแล้วหัวหอกกัปตันของอาร์เซนอล กลับมีสถิติในจ่ายบอลสำเร็จเพียง 6 ครั้ง เท่ากับที่อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ ที่ลงมาเล่นแทนเขาในช่วง 18 นาทีสุดท้ายสามารถทำได้เท่ากันส่วน โอเดการ์ด มีโอกาสสัมผัสบอลเพียงแค่ 28 ครั้งตลอดทั้งเกม ซึ่งเรียกง่ายๆก็คือ เขาโดนบีบให้เล่นยากตลอดเกมจนทำให้ไม่สามารถจ่ายบอลคิลเลอร์พาส หรือหาช่องสอดพาบอลเข้าไปยิงได้ตามถนัดนัก

ปกตินั้นทุกคนอาจจะชินกับภาพลักษณ์ที่ว่า อาร์เซนอล

ปกตินั้นทุกคนอาจจะชินกับภาพลักษณ์ที่ว่า อาร์เซนอล

คือทีมที่มีสถิติการยิงประตูคู่แข่งมกามายเป็นกอบเป็นกำมาทุกยุค แต่มันก็น่าเหลือเชื่อจริงๆเลยว่า จาก 7 เกมในพรีเมียร์ลีกของพวกเขาจนถึงตอนนี้ อาร์เซนอลไม่สามารถทำประตูได้มากเท่าไหร่ โดยพวกเขามีสถิติยิงได้เพียง 5 ลูก เสียไป 10 ประตู ซึ่งมันการที่พวกเขายิงได้แค่ 5 ลูกจาก 7 เกมแรกนั้น มันคือสถิติเทียบเท่ากับยุคสมัยที่ จอร์จ เกรแฮม ยังเป็นคนคุมทีมอาร์เซนอลในฤดูกาล 1986-87 เลยทีเดียว โดยทำได้ 5 ประตูจาก 7 เกมเช่นกัน แล้วก็ยังเป็นสถิติที่เลวร้ายสุดของสโมสรแห่งนี้ด้วยดูเหมือนว่าปัญหาของพวกเขาในเรื่องเกมรุกจะไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆจริงๆ โอบาเมยอง ไม่เคยกลับมาอยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดีอีกเลย นับตั้งแต่เขาต่อสัญญากับทีม นักเตะแบบนิโกลาส เปเป้ ก็ไม่เคยตอบแทนเม็ดเงิน 75 ล้านยูโรได้ และปัจจัยในเรื่องของเกมรับที่ถึงจะเก็บคลีนชีตได้ในเกมนี้ แต่มันก็บ่งบอกได้ว่าถ้าหากฝั่งไบรท์ตันมีจังหวะสวนกลับที่คมๆกว่านี้ อาร์เซนอลอาจจะโดนยิงไปแล้วปัญหายังคาราคาซังมาเรื่อยๆ โผล่มาเรื่อย มันอยู่ที่เวลาเท่านั้นว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะสามารถปิดปากแผลอันมากมายขนาดนี้ของพวกเขาได้ครบทั้งหมดกันแน่