อาจเป็นเกมชี้ชะตาของ มูรินโญ่ จะอยู่ต่อไหม

เกมสุดสัปดาห์นี้ถือเป็นเกมสำคัญยิ่งของพลพรรค แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อพวกเขามีคิวบุกไปเยือน เชลซี ถึงถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ สนามที่เหมือนเป็นอาถรรพ์ซึ่งพวกเขาแทบคว้าแต้มกลับมาไม่ได้เลยในช่วงหลัง ๆ แถมหลายคนยังมองว่าเกมนี้อาจเป็นเกมชี้ชะตาชีวิตของ โซเซ่ มูรินโญ่ กุนซือใหญ่แห่งทัพปีศาจ ถ้าแพ้ โอกาสการตกเก้าอี้ก็ยิ่งเพิ่มสูงเข้าไปอีก แต่ถ้าชนะ โมเมนตั้มของการลุ้นแชมป์อาจยังเปิดกว้างให้กับพวกเขาก็ได้

ความน่าสนใจอีกอย่างคือจะเป็นครั้งที่ 3 ในลีกสำหรับการกลับไปเยือนถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของกุนซือชาวโปรตุกีสผู้เคยมาประกาศศักดาบนเกาะอังกฤษด้วยการพาเชลซีเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรก การกลับมาครั้งนี้มันเหมือนมีแรงบวกหลาย ๆ ด้านถาโถมเข้ามายังตัวของ มูรินโญ่ มากเหลือเกิน แม้บางคนบอกว่าเกมนี้มันไม่ใช่เกมชี้ชะตาอะไรหรอก กระนั้นหากพวกเขาลองแพ้ดู โอกาสการลุ้นแชมป์มันไม่ต้องพูดถึงนานแล้ว สิ่งเดียวที่น่ากลัวคือทีมจะแพแตกจนกู่ไม่กลับหรือเปล่า เป็นสิ่งน่ากังวลใจของแฟน ๆ มากกว่าการที่ทีมจะเก็บแต้มไม่ได้ด้วยซ้ำ

จริง ๆ เกมที่แล้วในการพลิกนรกกลับมาเอาชนะนิวคาสเซิ่ลได้ ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่สุดยอดและไม่ค่อยได้เห็นสิ่งเหล่านี้บ่อยมากนักนับตั้งแต่การวางมือของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือบางที มูรินโญ่ อาจยอมเปลี่ยนปรัชญาการทำทีมของตนเองมาเปิดเกมรุกมากขึ้นก็ได้ใครจะไปรู้ เขาอาจค้นพบว่าตอนนี้บอลเกมบุกคือสิ่งที่จะทำให้ได้รับชัยชนะกลับมามากกว่าการตั้งรับแล้วรอสวนกลับที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน อีกทั้งทีมใหญ่ขนาดนี้จะให้มาเล่นตั้งรับเพื่อรอสวนนั่นมันสไตล์ทีมบอลรองชัด ๆ ไม่ว่าแฟนบอลคนไหนต่างไม่มีใครชอบทั้งนั้น ความน่าสนใจทั้งหมดนี้กำลังจะเกิดขึ้นในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์

เอเด็น อาซาร์ VS ปอล ป๊อกบา

จะว่าไปเกมนี้เชื่อว่าดาวเตะอย่าง เอเด็น อาซาร์ กับ ปอล ป็อกบา ยังเป็นการพิสูจน์ฝีเท้าในฐานะเพลย์เมกเกอร์ประจำทีมด้วยว่าพวกเขามีดีพอมากขนาดไหนกับการจะคว้าชัยชนะมาครองให้ได้ ไม่ใช่แค่การคว้าชัยชนะเพื่อทีม แต่มันยังหมายถึงการคว้าชัยชนะเพื่อตนเอง ภาษีของ อาซาร์ อาจดูดีนิด ๆ ตรงเขาพิสูจน์ฝีเท้ามามากพอและได้เป็นเจ้าบ้าน แต่ใช่ว่า ป็อกบา จะยอมเสียที่ไหน รับรองเกมนี้หวดกันไฟแลบสนามแน่ ๆ การันตีความมันได้เลย