สัมภาษณ์พิเศษ ดาริโอ เฟลมัน ! กับช่วงเวลาที่ได้พบเจอ “มาราโดน่า”

สัมภาษณ์พิเศษ ดาริโอ เฟลมัน ! กับช่วงเวลาที่ได้พบเจอ “มาราโดน่า”

ข่าวการเสียชีวิตของ ดิเอโก้ อาร์มานโด้ มาราโดน่า เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2020 มันเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ข่าวสะพัดไปทั่ว จากลอนดอนไปยังไนโรบี จวบจนถึงซิดนีย์ ผู้คนต่างหวนนึกถึงช่วงเวลาอันเป็นตำนาน และความทรงจำเกี่ยวกับการเล่นอันยอดเยี่ยม ของตำนานจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโลกลูกหนัง เขาจากไปโดยตลอดกาลแล้วก่อนที่จะบุกมาแสดงฝีเท้า และเอาชนะคู่ต่อสู้ในยุโรปจนราบคาบได้นั้น มาราโดน่า ได้เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับทีม อาร์เจนติโนส จูเนียร์ส ซึ่งเป็นสโมสรชื่อดังที่มีที่ตั้งอยู่ในเมืองบัวโนสไอเรส ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขามีคนไม่มากนักหรอกที่มีโอกาสรู้จักกับ มาราโดน่า ในช่วงก่อนจะเป็นดาวดัง แต่บุคคลที่โชคดีคนหนึ่งคือ “ดาริโอ เฟลมัน” อดีตดาวดังของทีมโบคา จูเนียร์ส ซึ่งเขาได้พูดถึงช่วงเวลาหนึ่งที่เขาได้เห็นเพลงแข้งของ มาราโดน่า ด้วยตาตัวเองที่สนาม ลา บอมโบเนร่า รังเหย้าของโบคา“ผมมาจากเมนโดซา เดิมทีที่นั่นก็คือสถานที่แห่งแรก ที่ผมมีโอกาสได้พัฒนาฝีเท้า และได้เริ่มต้นฝึกเล่นฟุตบอลเลยนะ ผมได้เล่นอยู่ที่สโมสร ‘คลับ แอตเลติโก กิมนาเซีย เอสกริมา’ (เมนโดซา)” เฟลมัน ได้กล่าวกับ Tribalfootball.com ในการสัมภาษณ์ จากนั้นผมก็ได้ย้ายไปเข้าร่วมทีม ‘โบคา จูเนียร์ส ‘ ในปี 1975 โดยในการแข่งขันนัดหนึ่ง ผมจำได้ว่าตอนนั้นมันเพิ่งจะเป็นช่วงครึ่งแรกเองนะ แต่ผมได้ยินเสียงแฟนบอลบนสเตเดี้ยม พร้อมใจกันลุกขึ้นปรบมือและส่งเสียงเรียกชื่อ มาราโดน่า เขาเป็นนักมายากลในสนามชัดๆ เขามีทักษะการเล่นระดับสูง แค่เทคนิคที่เขาทำกับลูกบอลก็โคตรน่าเหลือเชื่อแล้ว”

ความสามารถทางเทคนิคของเขานั้นน่าประทับใจจริงๆ

“ความสามารถทางเทคนิคของเขานั้นน่าประทับใจจริงๆ เขามี ‘สปีด’ ที่เหลือเชื่อ คอนโทรลบอลด้วยเท้าซ้ายได้ดี แบบที่ไม่มีใครเทียบได้ และทุกวันนี้ ถ้าหากคุณขว้างโทรศัพท์มือถือใส่เขา เขาคงจะสามารถทำกับมันราวกับลูกบอล เผลอๆเขาจะเดาะมือถือให้คุณดู ราวกับว่าเขากำลังเล่นกับลูกฟุตบอลเขาแทบไม่รู้เลยในตอนนั้น ว่าอีกไม่นาน นักเตะที่เขาชื่นชมจากใจ จะกลายมาเป็นเพื่อนร่วมทีม โดยตัวของ เฟลมัน มีโอกาสได้ก็ก้าวไปสู่ความสำเร็จครั้งสำคัญควบคู่ไปกับ มาราโดน่า ในสมัยยังเป็นวัยรุ่นเฟลมัน ได้รับการเรียกตัวไปติดทีมชาติอาร์เจนติน่าสำหรับทำศึกฟุตบอลโลกปี 1978 โดยที่ในเวลาดังกล่าวนั้น มาราโดน่า เพิ่งจะมีอายุเพียง 16 ปีในขณะนั้นเราทั้งคู่เล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่าในปี 1977 ในเกมกระชับมิตรกับฮังการี และเราชนะ 5-1มันคือการเปิดตัวของผม และเป็นการเปิดตัวของ มาราโดน่า สำหรับทีมชาติชุดใหญ่ด้วยชัยชนะไม่ได้ทำให้ผมประทับใจมากนัก แต่ผมประทับใจในความสามารถและความมุ่งมั่นของมาราโดน่าในการแข่งขัน…และเขาก็ลงเล่นในบทบาทตัวสำรองในที่สุดเฟลมัน ก็ได้ย้ายไปเล่นที่บาเลนเซีย ในลีกสเปนเมื่อปี 1978 และได้กลายเป็นตำนานของถิ่น เมตาญ่า และที่ลีกสเปน เขาก็มีโอกาสได้เจอกับ มาราโดน่า อีกครั้งด้วย แต่คราวนี้ทั้งคู่ได้กลายเป็นคู่ต่อสู้กันอีกครั้ง หลังจากที่เพลย์เมกเกอร์ตัวจิ๋ว ได้ย้ายมาเข้าร่วมทีม บาร์เซโลน่าหลังจากฟุตบอลโลกปี 1982 จบลงนั้น การเปิดตัวของ มาราโดน่า ในสีเสื้อบาร์เซโลน่า เป็นสิ่งที่แฟนบอลฮือฮามาก และเกมแรกที่ มาราโดน่า ลงเล่นให้กับทีมของเขาก็ดันเป็นเกมที่สนาม เมสตาญ่า ของผมนี่แหละ ใช่แล้ว เขาได้สู้กับบาเลนเซีย ต้นสังกัดของผม” เฟลมันกล่าวต่อ เฟลมันกล่าว

มาราโดน่ายิงประตูแรกได้ก่อน

“มาราโดน่ายิงประตูแรกได้ก่อน แต่เรา (บาเลนเซีย) กลับเป็นฝ่ายชนะเขาในการแข่งขันด้วยสกอร์ 2-1 ผมจำได้เลย สนามกีฬาของเรามันแน่นไปหมดประชาชนจำนวนมากอยู่ที่นั่นเพื่อมาดูการเปิดตัวของมาราโดน่า และเราในฐานะทีมเจ้าบ้ายก็สนุกกับการเห็นเขาเล่นมากเราได้เจอกันหลังเกม และเขาก็ปฏิบัติกับเหมือนกับตอนที่ผมรู้จักเขาที่อาร์เจนติน่า และเขาในตอนนั้นก็มีชื่อเสียงและรวยมากแล้ว แต่ผมทึ่งนะ ที่เขาโยกมาเล่นในยุโรป แถมเล่นให้กับเอฟซี บาร์เซโลน่าหลังยุติช่วงเวลากับ บาร์เซโลน่า ในปี 1984 เขาก็ถูกขายให้กับ นาโปลี สโมสรเล็กๆในกัลโช่ เซเรียอา ซึ่งเขาจะสนุกกับช่วงเวลาในลีกอิตาลีมาก เขาเล่นด้วยฟอร์มที่ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งของเขา พาทีมเล็กๆอย่างนาโปลีผงาดขึ้นมาคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ 2 สมัย และคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1986 กับอาร์เจนติน่า แถมในฐานะกัปตันทีมชาติแม้เขาจะเป็นเลิศในสนาม แต่มาราโดน่าก็ต้องต่อสู้กับการติดยา แถมในปี 1991 เขาเองก็โดนสั่งแบนยาวมาแล้วมาราโดน่า ไม่เคยฟื้นตัวเองจากปัญหาดังกล่าวของเขาได้อย่างเต็มที่ และนี่ยังเป็นปัญหาที่เฟลมันเชื่อว่า เกิดจากการที่เขาไม่สามารถจัดการกับชื่อเสียงและความมั่งคั่งที่เขาได้รับจากฟุตบอลได้ในท้ายที่สุด เฟลมันก็ได้กล่าวว่า “ถ้า (มาราโดน่า) มีที่ปรึกษาที่ดีในชีวิตของเขา เขาก็จะยังคงใช้ชีวิตอยู่กับเราในตอนนี้ และเราจะยังคงสนุกไปกับการมีส่วนร่วมของเขาในวงการฟุตบอลน่าเสียดายที่ชื่อเสียง จะส่งผลต่อคนที่ไม่พร้อมสำหรับมัน” เฟลมันกล่าวต่อ “ผมไม่คิดว่าเขาเคยซุปเปอร์มาร์เก็ตตอนที่เขาอยู่ในบาร์เซโลน่าหรอกนะในเนเปิลส์ พระผู้เป็นเจ้าคือทุกสิ่งของประชาชน และในอาร์เจนติน่า พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ก็ทรงเป็นทุกอย่างขอประชาชนเช่นกัน และตัวของ ‘ดีออส’ ก็เช่นเดียวกัน เขาคือพระเจ้าในวงการฟุตบอลของทุกคน รวมถึงเป็นพระเจ้าในทุกที่ ของโลกด้วย ผมเคยรู้มาว่าชาวอาร์เจนติน่าบางคน ถูกจับเป็นเชลยระหว่างการปฏิวัติในแอฟริกา ตะวันออกกลาง และส่วนอื่นๆ ของโลก“เมื่อผู้ก่อการร้าย ได้ถามสัญชาติของพวกเขา และพวกเขาตอบว่า ‘อาร์เจนติน่า’… ผู้ก่อการก็มักจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นว่า ‘มาราโดน่า!’ …และบางครั้ง ชื่อของเขา มันก็ทำให้พวกเขาที่กำลังแย่ หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบากได้!”