วิกฤตล่าสุดของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มันเลวร้ายเพียงใด?

มันเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในรอบ 30 ปี พวกเขาอยู่อันดับที่ 12 ในตารางคะแนน โดยมีเพียง 9 แต้ม จาก 8 เกม และ “ปีศาจแดง” ไม่ได้เก็บชัยชนะในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด จากรายการแข่งขันในประเทศตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว้นแต่เพียงเกมที่เอาชนะ เชลซี 4-0 เท่านั้น

แมนฯยูไนเต็ด จะต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์ข้างหน้าแบบอึดอัด เพราะพวกเขาอยู่ในจุดที่มีแต้มเหนือโซนตกชั้นเพียง 2 คะแนนเท่านั้น และในนัดต่อไปพวกเขาต้องพบกับคู่แข่งสำคัญ และทีมจ่าฝูงในพรีเมียร์ลีก อย่าง ลิเวอร์พูล ที่ต้องการชัยชนะอีก 1 นัด เพื่อทำสถิติเก็บชัยชนะสูงสุด 18 นัดติดต่อกัน เทียบเท่ากับที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคยทำเอาไว้

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนฯยูไนเต็ด กำลังเผชิญหน้ากับความกล้าหาญ และเมื่อเดือนที่แล้ว เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหารของ “ปีศาจแดง” กล่าวว่าต้องมีความอดทน เนื่องจากสโมสรพยายามที่จะทวงความสำเร็จเหมือนอดีตอันรุ่งโรจน์

อย่างไรก็ตาม มันยังคงมีคำถามในวงกว้างว่าตำแหน่งของ โซลชา ปลอดภัยจริงๆเหรอ? วู้ดเวิร์ด และให้เวลาโค้ชชาวนอร์เวย์ไปอีกนานหรือไม่ และแม้ว่า โซลชา ได้อยู่ต่อไป แมนฯยูไนเต็ด จะกลับมาทำผลงานได้ดีขึ้นหรือไม่?

โซลชา ได้รับการแต่งตั้งแทนที่ของ โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตเทรนเนอร์ชาวโปรตุเกส เป็นการถาวรเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ ช่วงที่เป็นกุนซือชั่วคราวนั้น โค้ชชาวนอร์เวย์ พาทีมแพ้เพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น จาก 17 เกม และมีเปอร์เซ็นต์การชนะถึง 82.35%

ในเวลาต่อมาอีก 7 เดือน ทุกอย่างกลับตรงกันข้าวอย่างสิ้นเชิง โซลชา พา แมนฯยูไนเต็ด เก็บได้เพียง 14 คะแนน จาก 15 เกม ซึ่งทำได้ดีกว่าแค่เพียง เซาแธมป์ตัน 13 คะแนน ไบรท์ตัน 12 คะแนน และ วัตฟอร์ด 10 คะแนนเท่านั้น จาก 20 ทีมในลีก

อัตราส่วนการชนะของ โซลชา ในตอนนี้ คือ 47.5% ซึ่งนับว่าแย่ที่สุดในบรรดาผู้จัดการทีม แมนฯยูไนเต็ด คนก่อนๆ นับตั้งแต่ยุคของ เดฟ เซกซ์ตัน ซึ่งเป็นอดีตกุนซือ “ปีศาจแดง” ตั้งแต่ปี 1977-1981

แมนฯยูไนเต็ด มี 2 คะแนนเหนือโซนตกชั้น มันไม่น่าเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะอยู่ในจุดนั้น หลังจากการแข่งขัน 8 นัดผ่านไป ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาอยู่โซนตกชั้นนั้น คือ ในปี 1992-93 เมื่อพวกเขาอยู่ที่ 20 จาก 22 ทีม หลังจากผ่านไป 3 นัด

แมนฯยูไนเต็ด ยังไม่ชนะนอกบ้านในพรีเมียร์ลีก หลังจากที่พวกเขา บุกไปเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 3-1 ที่สนามเซลเฮิร์ส พาร์ค เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และ 8 เกมเยือนหลังจากนั้น “ปีศาจแดง” ไม่สามารถเก็บชัยได้เลย นั่นเป็นสถิติที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1989

อัตราการยิงประตูของ แมนฯยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ คือ 8.2% ซึ่งเป็นอันดับที่ 15 จาก 20 ทีมในลีก และพวกเขาชนะเพียงนัดเดียวจากการเจอกับ ลิเวอร์พูล 8 เกมหลังสุด และเสมอกัน 5 เกม ซึ่งทั้ง 2 ทีมจะทำศึกแดงเดือดกันในสัปดาห์หน้า

วิกฤติของ แมนฯยูไนเต็ด ในตอนนี้ คือ อาการบาดเจ็บ มันสถานการณ์ที่ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะรับมือกับสภาพร่างกายของนักเตะแต่ละคน นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบหลายอย่างที่อยู่เบื้องหลังความล้มเหลวของพวกเขา

ในการเปิดซีซั่น 2 เกมแรก แมนฯยูไนเต็ด เอาชนะ เชลซี จากนั้นไปเสมอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ทั้งที่น่าจะชนะ แต่ ปอล ป็อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ยิงจุดโทษไม่เข้า และในเกมที่ 3 พวกเขาแพ้ คริสตัล พาเลซ คาบ้าน 1-2

หลังจบเกมกับ พาเลซ แมนฯยูไนเต็ด ต้องเผชิญกับปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะหลายราย เริ่มจาก ลุค ชอว์ แบ็คซ้ายชาวอังกฤษ ได้รับบาดเจ็บเอ็นร้อยหวาย และไม่ได้เล่นตั้งแต่เกมนั้น ต่อมาเป็น อองโตนี่ มาร์กซิกยาล หัวหอกชาวฝรั่งเศส โชคร้ายได้รับบาดเจ็บที่ต้นขาในการฝึกซ้อม

ในเกมล่าสุดที่บุกไปพ่าย นิวคาเซิล ที่สนามเซนต์ เจมส์ ปาร์ค 1-0 นั้น ผู้เล่นตัวจริงของ โซลชา มีผู้เล่นเพียง 5 คนจากเกมกับ เชลซี ซึ่งก็คือ ดาบิด เด เคอา โกลด์ทีมชาติสเปน, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางชาวสก็อตแลนด์, มาร์คัส แรชฟอร์ด หัวหอกดาวรุ่ง, แฮร์รี่ แมคไกวร์ กองหลัง 80 ล้านปอนด์ และ อันเดรส เปร์เรร่า มิดฟิลด์แซมบ้า

ความรู้สึกที่สโมสรคือ ถ้า แมนฯยูไนเต็ด สามารถลงด้วยผู้เล่นชุดเดียวกับที่เล่นกับ เชลซี ได้ รวมถึงผลลัพธ์การแข่งขันของพวกเขาก็อาจแตกต่างออกไปจากนี้ และฟอร์มพวกเขาอาจจะดีขึ้น ซึ่งนี่เป็นคำพูดที่แท้จริงจากสมาชิก “ปีศาจแดง” เพื่อสรุปสิ่งที่พวกเขาคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน

โซลชา ไม่ได้ถูกตำหนิเรื่องนี้ มันเป็นเพียงสิ่งที่ผู้พูดรู้สึกว่า เป็นการประเมินที่ซื่อสัตย์ของสภาพทีมสโมสรในปัจจุบัน แหล่งข่าวรายหนึ่งบอก BBC สื่อกีฬาชั้นนำแดนผู้ดีว่า มุมมองเริ่มต้นของ โซลชา หลังจากแทนที่มาคุมทีมแทน มูรินโญ่ ก็คือ “ปีศาจแดง” ต้องเปลี่ยนผู้เล่น 9 คน

จนถึงขณะนี้มี นักเตะในยุค มูรินโญ่ ถูกปล่อยออกจากสโมสรไปหลายคนแล้ว อาทิ คริส สมอลลิ่ง กองหลังชาวอังกฤษ ย้ายไป โรม่า ด้วยสัญญายืมตัว, มารูยาน เฟลไลนี่ กองกลางเบลเยี่ยม ย้ายไปเล่นในจีน, โรเมลู ลูกากู และ อเล็กซิส ซานเชซ ย้ายไปยัง อินเตอร์ มิลาน ส่วน อันโตนิโอ วาเลนเซีย ดาวเตะเอกวาดอร์ไม่ได้รับการต่อสัญญา

โซลชา กระตือรือร้นที่จะเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่เพิ่มเติม แต่เขาต้องเริ่มจากการปล่อยตัวนักเตะที่ไม่ต้องการออกจากสโมสรไปก่อนเพื่อสร้างพื้นที่ว่าง แต่ทีมอย่าง แมนฯยูไนเต็ด มักจะถูกโก่งค่าตัว ยกตัวอย่าง พวกเขาอยากซื้อตัว ฌอน ลางสตาฟฟ์ กองกลางดาวรุ่ง นิวคาสเซิ่ล แต่ทาง “สาลิกาดง” เรียกค่าตัว 50 ล้านปอนด์ การย้ายทีมจึงไม่เกิดขึ้น

มันเป็นการชี้ให้เห็นว่า นี่เป็นจำนวนมหาศาลสำหรับผู้ที่อายุ 21 ปี อย่าง ลองสตาฟฟ์ ซึ่งได้ลงเล่นเพียง 13 เกม ให้กับ นิวคาสเซิล แต่ในกรณีของ อารอน วาน-บิสซาก้า แบ็คขาวดาวรุ่งชาวอังกฤษ แมนฯยูไนเต็ด ยอมจ่ายค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ให้กับ พาเลซ เพราะมองว่า กองหลังวัย 21 ปี มีประสบการณ์ในลีกสูงสุดมาแล้วถึง 46 เกม

แมนฯยูไนเต็ด เลือกที่จะเดินออกไปแม้ว่า จะมีความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดจากกรณีของ ลองสตาฟฟ์ พวกเขาไม่ได้มีเงินทุนไร้ขีดจำกัดอย่าง แมนฯซิตี้ หรือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แม้จะเป็นสโมสรที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกก็ตาม

อย่างไรก็ตาม มันมีประเด็นอีกครั้งในการเจรจาการย้ายทีมที่สำคัญของสโมสร แมตต์ จู้ด หัวหน้าฝ่ายพัฒนาองค์กร แมนฯยูไนเต็ด และความสามารถของเขาที่จะทำข้อตกลงต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ วู้ดเวิร์ด ได้ออกมาปกป้องทีมงาน และโครงสร้างการสรรหานักเตะใหม่ของพวกเขา

ปัญหาที่เห็นได้ชัดของ โซลชา คือ การขาดความเด็ดขากในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ทำให้เขามีผู้เล่นหลายคนที่รู้สึกว่า ไม่ได้อยู่กับความต้องการที่จะเป็นผู้เล่นที่เป็น “ปีศาจแดง” ทั้งทางจิตใจ หรือทางความสามารถ ซึ่งปัญหาการบาดเจ็บได้ผลักดันนักเตะเหล่านั้น ให้ต้องลงสนามทั้งที่ไม่พร้อม

เมื่อเทียบกับ นิวคาสเซิล เช่นเดียวกับในเกมอื่นๆ ช่วงเวลาของการแข่งขันฟุตบอลที่มีคุณภาพนั้นผสมผสานกับการไร้ความสามารถที่น่าประหลาดใจกับประทิธิภาพบนสนาม นอกจากนี้ ยังมีความรู้สึกบางอย่างที่ผู้เล่นหลายคนรู้สึกเบื่อหน่าย เนื่องจากปัญหาต่างๆของสโมสร นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตยอดกุนซือขาวสก็อตแลนด์ วางมือในปี 2013

ตอนนี้นักเตะ แมนฯยูไนเต็ด ขาดความมั่นใจในพาตัวเองออกจากความล้มเหลว และหลายๆคนได้พูดคุยเกี่ยวกับการดันดาวรุ่งจากอะคาเดมี่ขึ้นมาช่วยทีม อาทิ เมสัน กรีนวู้ด ดาวยิงวัย 18 ปี ซึ่ง โซลชา ชื่นชอบในฝีเท้าอย่างมาก

นอกจาก กรีนวู้ด และทีมเยาวชนของ แมนฯยูไนเต็ด ยังมีดาวรุ่งอย่าง ธาฮิต ชอง, อังเดร โกเมส, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ซึ่งมีโอกาสแข้งเกิดได้เหมือนนักเตะดาวรุ่ง เชลซี ในซีซั่นนี้ อย่าง เมสัน เมาท์, ฟิกาโย โทโฒริ และ แทมมี่ อับราฮัม

ในกรณีของ เฟอร์กูสัน มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เขาเปิดตัวทีม แมนฯยูไนเต็ด ในชุด ‘Class of’ 92 โดยมีนักเตะดาวรุ่งอย่าง เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, นิกกี้ บัตต์, สองพี่น้อง แกรี่-ฟิล เนวิลล์ ที่โด่งดังอย่างมาก และไม่กลัวที่จะปล่อยพวกลงเล่นด้วยกันในบางโอกาส

ความกลัวคือ เยาวชนของ แมนฯยูไนเต็ด จะคุ้นเคยกับความล้มเหลว มันจะกลายเป็นนิสัยที่ยากที่จะแก้ไขว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า หลังจบเกมกับ นิวคาสซิล นั้น “ปีศาจแดง” กำลังมองไปถึงการเสิรมทัพในเดือนมกราคมเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของสโมสร ระบุว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากในการทำธุรกิจ และยกตัวอย่างการมาถึงของ ซานเชซ จาก อาร์เซน่อล ในเดือนมกราคมปี 2018 นั้น เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของพวกเขา

โซลชา เชื่อว่า ผู้เล่นบางคนที่ยังต้องการเข้าร่วมทีม แมนฯยูไนเต็ด ซึ่งกุญแจสำคัญคือ การได้รับคนที่มีวิธีคิดที่ถูกต้อง มันเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการในช่วงที่ผ่านมา แต่มันจะต้องทำแบบเดิมอีกครั้งในเดือนมกราคมแหน้า และในฤดูร้อนต่อไป

คำถามใหญ่คือว่า แมนฯยูไนเต็ด จะยืนเคียงข้างกุนซือวัย 46 ปี หรือไม่ ถ้าสถานการณ์ปัจจุบันแย่ลงกว่าเดิม และการที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือ ของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยังมีนาคตที่ไม่แน่นอนนั้น ทำให้เป็นประเด็นที่ถูกจับมาโยงกันในโลกโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง

สิ่งนี้จะถูกมองว่า ไม่ยุติธรรมโดยผู้ที่รู้สึกว่า การเซ็นสัญญานักเตะใหม่ทั้ง 3 ราย ของ โซลชา นั้น เป็นการเพิ่มคุณภาพเชิงบวกให้กับทีม แต่เป็นเพียงฟอร์มการเล่นในระยะแรกของสิ่งที่จำเป็นต้องปรับปรุง อย่างไรก็ตาม มุมมองทางอีกเลือกหนึ่งก็คือ ตำแหน่ง โซลชา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล แต่มันจะเป็นเพียงการยืนยันว่า ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม 2 สัปดาห์ถัดไป มันจะไม่ง่ายสำหรับทุกคนที่สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างแน่นอน