มรดกที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มอบให้ กลาสโกว์ เซลติก

มรดกที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มอบให้ กลาสโกว์ เซลติก

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมชาวไอร์แลนด์เหนือ ตัดสินใจเดินออกจากถิ่น เซลติก พาร์ก ของ กลาสโกว์ เซลติก สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกสก็อตติช พรีเมียร์ลีก เพื่อย้ายไปกุมบังเหียน เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ร็อดเจอร์ส ได้ทิ้งมรดกอะไรไว้ที่ เซลติก บ้าง นั่นคือคำถามที่หลายคนสงสัย อดีตกุนซือ ลิเวอร์พูล และ สวอนซี พาพลพรรค “ม้าลายเขียวขาว” คว้าแชมป์ลีกแบบไร้พ่ายในซีซั่นแรกที่เขาเข้าไปคุมทีม อย่างไรก็ตามล่าสุด เขาเลือกที่จะกลับมาทำงานในเมืองผู้ดีอีกครั้ง

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 เซลติก อยู่ในช่วงผลงานติดลมบน เนื่องจาก กลาสโกว์ เรนเจอร์ส คู่ปรับตลอดกาล ไม่ได้เล่นในลีกสูงสุด แต่ รอนนี่ เดล่า อดีตโค้ชชาวนอร์เวย์ พาทีมตกรอบรองชนะเลิศของถ้วยสก็อตในฤดูกาลก่อนหน้านั้น จึงทำให้บอร์ดสโมสรตัดสินใจเข้าเจรจากับ ร็อดเจอร์ส ให้เข้ามาทำหน้าที่แทน

เมื่อการเจรจาดำเนินต่อไป เซลติก พยายามนำ อดีตนายใหญ่ “หงส์แดง” เข้ามาคุมทีม อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่าย มีความกังวลเล็กน้อย เนื่องจากการรับหน้าที่นี้เป็นงานที่ใหญ่พอสมควร แต่เห็นได้ชัดว่าคุณภาพของ ร็อดเจอร์ส ก็ดูมีความเหมาะสมกับสโมสร

โค้ชชาวไอร์แลนด์เหนือเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ มากมายในเบื้องหลังของ เซลติก ผู้เล่นที่ร่างกายไม่เหมาะสม เขาได้นำความแข็งแกร่งเข้ามาแทนที่ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะเขาเป็นผู้ที่มีความเชื่อที่ในแนวทางการคุมทีมของตัวเองเป็นอย่างมาก

ร็อดเจอร์ส เป็นผู้นำการพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ที่ เซลติก เขาไม่กลัวที่จะตัดสินใจเรื่องใหญ่ในแง่ของผู้เล่นบางคน และเขาก็นำนักเตะอย่าง สก็อต ซินแคลร์ ปีกชาวอังกฤษ และ มุสซา เดมเบเล่ ดาวยิงชาวฝรั่งเศส เข้ามาเสริมทัพ

มีความประทับใจในความเป็นมืออาชีพ และความคิดที่สูงขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดในทันที เซลติก ทำผลงานได้ดีต่อเนื่องในประเทศอย่างไม่น่าเชื่อ และมันก็ชัดเจนในเวลาเดียวกันกับที่พวกเขาไม่สามารถแตะต้องได้ อดีตกุนซือ ลิเวอร์พูล ทำให้ผู้เล่นดีขึ้น และยกระดับการเล่นขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยม

การทำงานในยุค ร็อดเจอร์ส

โค้ชที่ดีที่สุดที่เคยอยู่ในวงการฟุตบอล

เทรนเนอร์วัย 46 ปี ได้รับการยกย่องว่า เป็นโค้ชที่ดีที่สุดที่เคยทำงานในวงการฟุตบอลสก็อตแลนด์ เมื่อไม่นานมานี้ ในแง่ของสิ่งที่เขาทำในสนามฝึกซ้อม เขามีการวางแผนอย่างพิถีพิถันในแง่ของกลยุทธ์ของทีม เป็นผลให้ผู้เล่นมีความฟิต บทบาทของพวกเขาดูเหมือนจะมีความชัดเจนมากขึ้น และทันใดนั้นผู้เล่นของ เซลติก ก็ดูเหมือนจะดีขึ้น

ในขณะเดียวกัน ร็อดเจอร์ส กำลังพูดทุกสิ่งที่ถูกต้องบอกกับโลกฟุตบอลว่า เขาเป็นแฟน เซลติก นี่คืองานในฝันของเขา มีเรื่องตลกที่เล่ากันว่า ฟุตบอลสก็อตแลนด์ จะดีขึ้นได้อย่างไร แต่มันเป็นไปแล้ว ไม่มีใครเคยมีฤดูกาลที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงในแดนวิสกี้ และมันอาจจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงทิ้งเครื่องหมายไว้ในประเทศในบริบทนั้น

จากมุมมองของฟุตบอลยุโรป บีอาร์ ได้สร้างการพัฒนาทันที โดยพาทีมเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ ซึ่งก่อนหน้านี้ เซลติก ไม่สามารถทำได้ภายใต้การคุมทัพของ เดล่า

เซลติก ไม่เคยมีฤดูกาลที่ไม่เปลี่ยนแปลงอีกต่อไป และระดับของพวกเขาจะลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลัก มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา และมีบางคนไม่แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้ปรับปรุงฟอร์มการเล่นในฟุตบอลยุโรป แต่ในประเทศพวกเขาประสบความสำเร็จในการกวาดแชมป์แบบนับไม่ถ้วน

เวลานี้เมื่อปีที่แล้วเกือบจะเป็นจุดสูงสุดของ ร็อดเจอร์ส เนื่องจากการคว้าแชมป์ลีกต่อเนื่องนั้น เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก มันเป็นความสำเร็จที่สามารถทำได้ ในขณะที่ เรนเจอร์ กำลังจะกลับมาไล่ล่าความสำเร็จอีกครั้ง

กอร์ดอน สตรัคคั่น คุมทีม เซลติก 4 ปี มาร์ติน โอนิลล์ 5 ปี และ นีล เลนนอน 4 ปี ดังนั้น ร็อดเจอร์ส ซึ่งใช้เวลา 2 ปีที่ทัพ “ม้าลายเขียวขาว” นั้น ถึงเวลาหรือยังที่เขาจะต้องก้าวต่อไปในอาชีพผู้จัดการทีม คำถามใหญ่ในตอนนั้นคือ เซลติก จะทำอย่างไรในฤดูร้อนนี้ พวกเขาจะผลักดันทีมต่อไปได้อย่างไร และจะหาใครมาทำหน้าที่แทน

ร็อดเจอร์ส เคยตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับ อาร์เซน่อล ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 2 ฝ่าย ไม่เคยมีการเจรจากัน ขณะเดียวกันมีข้อเสนอบนโต๊ะจากประเทศจีน และเขาสนใจในเรื่องนั้น เมื่อมองย้อนกลับไป คุณจะมองมันในตอนนี้ และคุณคิดว่าเขาไม่สนใจแล้ว

ความใฝ่ฝันของ เซลติก ไม่ตรงกับความทะเยอทะยานของผู้จัดการทีมหนุ่มรายนี้ และเรามาถึงจุดนี้โดยที่เขาจากไปคุมทัพ เลสเตอร์ แต่นั่นคือสิ่งที่พึ่งจะเริ่มต้น “ม้าลายเขียวขาว” จะจัดการในช่วงเวลาที่เหลือของซีซั่นนี้ได้อย่างไร

เซลติก ได้ลดระดับการเล่นของพวกเขาในฤดูกาลนี้จริงๆแล้ว เรนเจอร์ ภายใต้การคุมทีมของ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีม ลิเวอร์พูล น่าจะทำได้ดีกว่านี้ คุณสามารถโต้แย้งว่า เซลติก ถูกเบี่ยงเบนไปจากสถานการณ์ของ ร็อดเจอร์ส แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยรักษาระดับที่พวกเขาแสดงให้เห็นในฤดูกาลที่แล้ว

เจอร์ราร์ด ได้เข้ามาและฟื้นฟู เรนเจอร์ ให้กลับมาเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง และกำลังจะกลายมาเป็นผู้ท้าชิงตัวจริงของ เซลติก ในอนาคตอันใกล้นี้

เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ร็อดเจอร์ส ต้องการตัว จอห์น แม็คกิน และ คริสเตียโน ปิซินี่ จาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน แต่ เซลติก ก็ไม่สามารถคว้าตัวทั้งคู่มาเสริมทัพได้ จากนั้นพวกเขาก็ตกรอบคัดเลือกแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อพ่ายให้กับ เออีเค เอเธนส์ จากกรีซ

ในสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ อดีตนายใหญ่ สวอนซี ก็หงุดหงิดกับสถานการณ์ และเปิดเผยต่อสาธารณะว่า ณ จุดนี้เขาได้มองหาทางออกไว้แล้ว เพราะคิดว่า เขาน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้

เมื่อ เรนเจอร์ ถูกปรับตกชั้น มีการตระหนักที่ เซลติก ว่าพวกเขาสามารถครองความสำเร็จได้นานหลายปี และเข้าใกล้กับการคว้าแชมป์ลีก 10 สมัยติดต่อกัน แต่ บีอาร์ ไม่หมกมุ่นกับเรื่องนั้น เขาเป็นกังวลกับความท้าทายต่อไปของตัวเอง เห็นได้ชัดว่า เขาไม่คำนึงถึงแชมป์ลีก 10 สมัยติดต่อกันแต่อย่างใด

สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนนี้ก็ไม่ชัดเจนในแง่ของการทำธุรกิจ หาก เซลติก ได้รับการข้อเสนอก้อนโตเพื่อขอซื้อตัว 2 ดาวเตะคนสำคัญอย่าง คีแรน เทียร์นี่ แบ็คซ้ายจอมลุย และ ออดซอนเน่ เอดูอาร์ด หัวหอกตัวเก่ง พวกเขาไม่อาจปิดกั้นการทำธุรกิจได้

พวกเขาไม่รู้ว่าผู้จัดการทีมคนไหนจะเข้ามาคุมทีมในช่วงซัมเมอร์ แต่เวลานี้ เลนนอน ได้กลับมารับงานชั่วคราวอีกครั้ง และจะมีการคัดเลือกรายชื่อกุนซือเพื่อเข้ามาทำหน้าที่ในระยะยาว ซึ่งนับว่าโชคดีของ เซลติก ที่อดีตโค้ชของทีมยอมกลับมาขัดตาทัพในช่วงที่เหลือของซีซั่น

เลนนอน รับรองความต่อเนื่องในฐานะคนที่รู้จัก และเข้าใจว่าสโมสรเป็นอย่างไร ส่วนที่เหลือของฤดูกาล จะแปลกใจมากถ้าพวกเขาทำอะไรอื่นนอกจากชนะในลีก ซึ่งเป็นเหมือนรายการโปรดของ เซลติก

เจอร์ราร์ด และ เรนเจอร์ส ทำได้ดีในฤดูกาลนี้ และพวกเขาจะไม่ไปไหน แต่ระดับการลงทุนของ เซลติก นั้นสูงขึ้นมาก คำถามของผู้ที่กลายเป็นผู้จัดการทีม อาจไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่สโมสรจะทำในแง่ของการขายและการซื้อนักเตะ

เซลติก จะไม่ออกไปข้างนอก และใช้เงิน 10 ล้านปอนด์ กับผู้เล่นใหม่ นอกเสียจากว่าพวกเขาคิดว่าจะได้เงินเพิ่มเป็นสองเท่าจาก เอดูอาร์ด ซึ่งสโมสรเซ็นสัญญามาจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส ด้วยราคา 9 ล้านปอนด์ ซึ่งดูเหมือนว่า “ม้าลายเขียวขาว” จะทำเงินได้มากแน่นอน

สำหรับความสำเร็จทั้งหมดของ บีอาร์ นักวิจารณ์มักจะชี้ไปที่การต่อสู้ของเขาในฟุตบอลยุโรป มันยุติธรรมไหม ร็อดเจอร์ส ไม่เคยมีผลงานแบบ สตรัคครั่น ที่เอาชนะ เอซี มิลาน และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขณะที่ นีล เลนนอน เอาชนะ บาร์เซโลน่า และไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเราไม่เคยได้เห็นมันจากอดีตนายใหญ่ “หงส์แดง”

โค้ชที่ดีที่สุดที่เคยอยู่ในวงการฟุตบอล

การทำงานในยุค ร็อดเจอร์ส

เซลติก ยุค ร็อดเจอร์ส ถูกถล่มโดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ บาร์เซโลน่า มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสมเหตุสมผลว่า เขาไม่ได้เตรียมที่จะเปลี่ยนยุทธวิธี หรือใช้ประโยชน์ได้มากกว่าในฟุตบอลยุโรป เลนนอน มีความยืดหยุ่นในเชิงกลยุทธ์มากกว่า และพร้อมที่จะปรับตัว ซึ่งวิสัยทัศน์นี้ เซลติก สามารถเล่นในแบบที่เขาต้องการได้

เซลติก มีโอกาสจะผ่าน บาเลนเซีย ในสองสัปดาห์สุดท้ายของศึกยูโรปา ลีก อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็พ่าย “ไอ้ค้างคาว” และจบลงด้วยการสร้างเสียงครวญครางของ ร็อดเจอร์ส ที่กล่าวว่า เขาภูมิใจในตัวลูกทีมหลังจากเลกที่สอง แม้ตัวเขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างสมเหตุสมผลว่าเขาขาดประสบการณ์ในฟุตบอลยุโรปก็ตาม

“ม้าลายเขียวขาว” กวาดเงินเป็นจำนวนมาก เพราะพวกเขาไปถึงรอบแบ่งกลุ่มของแชมเปี้ยนส์ ลีก สองครั้ง และรอบแบ่งกลุ่มของยูโรปา ลีก สองครั้ง เช่นกัน แต่ปัญหาของพวกเขาคือ ช่องว่างระหว่างตัวเองกับทีมที่พวกเขาเคยฟาดแข้งเมื่อ 10 ปีก่อน

เซลติก ได้เริ่มจากการซื้อผู้เล่น 5 ล้านปอนด์ ไปจนถึงผู้เล่นที่มีมูลค่า 8 ล้านปอนด์ หรือ 9 ล้านปอนด์ ขณะที่ สโมสรอื่น ๆ ได้หายไปจากการซื้อผู้เล่นที่มีมูลค่า 15 ล้านปอนด์ และไปซื้อผู้เล่นที่มีต้นทุน 40 ล้านปอนด์ และสูงกว่า

“ม้าลายเขียวขาว” ไม่สามารถแข่งขันได้ เพราะพวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงิน และคณะกรรมการไม่พร้อมที่จะนำเงินเข้ามาและเสี่ยงต่ออนาคตทางการเงินของสโมสร ดังนั้นการทำธุรกิจของสโมสรต้องคิดหนักมากขึ้นกว่าเดิม และต้องซื้อนักเตะที่มีอายุน้อย สามารถพัฒนาและขายได้ราคาดีในอนาคต

ร็อดเจอร์ส เป็นหนึ่งในโค้ชที่ดีที่สุดที่ได้ทำงานในวงการฟุตบอลสก็อตแลนด์แบบไม่ต้องสงสัยเลย เขาจะไม่ถูกมองว่าเป็นผู้จัดการทีมเซลติก ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล แต่เขาประสบความสำเร็จในสิ่งที่ผู้จัดการทีมเซลติกคนอื่นไม่มี ในฤดูกาลที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

แฟน ๆ เซลติก คงจะขอบคุณ ร็อดเจอร์ส เป็นอย่างมาก พวกเขามีโค้ชที่อยู่ที่นั่นเป็นหนึ่งในดีที่สุดในประเทศ ถ้าไม่ใช่ในโลก พวกเขาโชคดีที่มีเขาที่นี่ การอำลาของ ผู้จัดการทีมชาวไอร์แลนด์เหนือ อาจทำให้สาวก “ม้าลายเขียวขาว” หลายๆคนคงคิดถึงเขาอย่างแน่นอน