ทำไม บาร์เซโลน่า ถึงแต่งตั้ง กีเก้ เซเตียน เป็นกุนซือ

ทำไม บาร์เซโลน่า ถึงแต่งตั้ง กีเก้ เซเตียน เป็นกุนซือ

หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาจากในการประชุมลับกับตำนานสโมสร, ข่าวลือเรื่องความไม่พอใจในห้องแต่งตัว และเรื่องอื้อฉาวต่างๆ ส่งผลให้ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ กลายเป็นอดีตผู้จัดการทีมคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของ บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปน ที่ถูกไล่ออก จากนั้น “เจ้าบุญทุ่ม” ประกาศแต่งตั้ง กีเก้ เซเตียน เข้ามาทำหน้าที่แทน

บัลเบร์เด้ พา บาร์เซโลน่า เปิดรังคัมป์ นู พ่าย แอตเลติโก้ มาดริด 2-3 ในรอบรองชนะเลิศของศึก สแปนิช ซุเปอร์ คัพ เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่เขาพาพลพรรค “เจ้าบุญทุ่ม” เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จในฐานะแชมป์กลุ่ม และยังพาทีมนำเป็นจ่าฝูงในลีก

บางทีมันอาจดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ผิดเวลา แต่นี่คือ บาร์เซโลน่า ที่เรากำลังพูดถึงว่า ทำไมพวกเขาจึงตัดสินใจปลด บัลเบร์เด้ ออกจากตำแหน่ง โดยโค้ชวัย 55 ปี ถูกมองว่าเป็นตัวหลักในการสร้างปัญหาในสโมสร

หลายคนในสโมสรรู้สึกว่า บัลเบร์เด้ กำลังทำให้ บาร์เซโลน่า เดินถอยหลัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเตรียมตัวของผู้เล่น การเปลี่ยนตัวในระหว่างเกม และข่าวลือทางลบเกี่ยวกับบรรยากาศในห้องแต่งตัว ซึ่งมันทำให้บรรยากาศรอบรังคัมป์ นู ดูอึมครึม

ขณะเดียวกัน การพ่ายแพ้ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือกที่ใน 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ต่อ โรม่า และ ลิเวอร์พูล นั้น มันเป็นการพิสูจน์ว่า บัลเบร์เด้ ไม่สามารถพาทีมไปสู่ระดับท็อปได้อีกต่อไป และแน่นอนว่ามีอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญคือ เขาต้องเริ่มทำงานด้วยการที่ เนย์ม่าร์ ยอดดาวยิงทีมชาติบราซิล ย้ายออกจากสโมสร

อย่างไรก็ตาม บัลเบร์เด้ จบฤดูกาลแรกกับ บาร์เซโลน่า ด้วยการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ แต่เขาก็มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับนักเตะอย่าง เฟลิเป้ คูตินโญ่ กองกลางชาวบราซิล และ อุสมาน เดมเบเล่ ปีกทีมชาติฝรั่งเศส

ความประหลาดใจยิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นไปอีกหลังจากที่ บัลเบร์เด้ เพิ่งเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ บาร์เซโลน่า ออกไปถึงปี 2021 ซึ่งมันดูเหมือนว่า แทบไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เขาจะโดนไล่ออกจากตำแหน่ง แต่สุดท้ายเขาก็ต้องเดินออกจากทัพ “เจ้าบุญทุ่ม”

ย้อนกลับไปในเกมรอบรองชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ในเลกแรก บาร์เซโลน่า เอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ 3-0 แต่เกมเลก 2 ที่แอนฟิลด์ พวกเขาโดน “หงส์แดง” ถล่มถึง 4-0 ส่งผลให้ บัลเบร์เด้ โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ทีมของเขาขาดวินัยในเกมรับ

นอกจากนี้ ในเกมนัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลถ้วยโคปา เดย์ เลย์ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา บัลเบร์เด้ พา บาร์เซโลน่า พ่าย บาเลนเซีย 1-2 นั่นทำให้บรรดาบอร์ดบริหาร “เจ้าบุญทุ่ม” บางคนเริ่มตั้งคำถามกับความสามารถของเขา

ย้อนกลับไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน หลังจาก บาร์เซโลน่า แพ้ให้กับ เลบานเต้ 3-1 พวกเขาตกเป็นข่าวว่าพยายามติดต่อ เธียร์รี่ อองรี อดีตกองหน้าชาวฝรั่งเศส ให้เข้ามาคุมทีม แต่ดาวเตะเฟรนช์แมน เพิ่งเซ็นสัญญาเป็นกุนซือให้กับ มอนทรีออล อิมแพ็ค ในสหรัฐอเมริกา

หลังจากนั้น บาร์เซโลน่า พยายามติดต่อกับ ชาบี้ เอร์นานเดซ อดีตห้องเครื่องทีมชาติสเปน ให้เข้ามาคุมทีม แต่ ชาบี้ ยังคงคุมทีม อัล ซาดด์ ในประเทศกาตาร์ และยังไม่อยากรีบกลับมาทำหน้าที่นายใหญ่ “เจ้าบุญทุ่ม” ในเร็วๆนี้

การประชุมของบอร์ด บาร์เซโลน่า เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการหนึ่งวันหลังจากการพ่ายแพ้ แอตฯมาดริด ในศึกซูเปอร์ และข้อสงสัยเกี่ยวกับ บัลเบร์เด้ ที่มีมาเป็นเวลาหลายเดือน ก็ได้รับการคลี่คลายหลังจากที่พวกเขาสั่งปลดเจ้าตัวในเวลาต่อมา

มันทำให้นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เมื่อ บาร์เซโลน่า พยายามอย่างหนักในการเดินหน้าคว้าตัว เนย์ม่าร์ จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ให้กลับมาเล่นในถิ่นคัมป์ นู อีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ทำไม่สำเร็จ

ในส่วนการเจรจากับ ชาบี้ นั้น อดีตดาวเตะชาวสเปน ยังไม่มั่นใจในสิ่งที่อดีตต้นสังกัดของเขาต้องการ และด้วยสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนที่สโมสรจะมีการเลือกตั้งประธานคนใหม่ในปี 2020 นั้น มันยิ่งทำให้เขาต้องคิดหนักถึงนโยบายบอร์ดชุดใหม่ของ “เจ้าบุญทุ่ม”

วิกเตอร์ ฟอนต์ ผู้ลงสมัครเลือกตั้งในตำแหน่งประธานสโมสร บาร์เซโลน่า ประกาศว่า หากเขาได้รับการเลือกตั้งนั้น เขาจะนำ ชาบี้ มากุมบังเหียนในถิ่นคัมป์ นู ให้ได้ แต่ ชาบี้ ยังต้องการเวลาในการคิดเกี่ยวกับอนาคตของเขา

เซเตียน จะเข้ามาคุมทีม

ชาบี้ ต้องการอำนาจเบ็ดเสร็จในการคุมทีม บาร์เซโลน่า และเขาต้องการได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารอย่างเต็มที่ พร้อมกับดึงทีมงานที่ไว้ใจได้เข้ามาร่วมงาน ซึ่งนั่นยังคงต้องรอการอนุมัติจากบรรดาคณะกรรมการชุดใหม่เสียก่อน

อย่างไรก็ตาม บาร์เซโลน่า ไม่สามารถรีรอได้อีกต่อไป พวกเขาประกาศแต่งตั้ง เซเตียน เข้ามาคุมทีมทันที โดยเซ็นสัญญายาวถึงปี 2022 และมันก็เกิดคำถามอีกว่า มันเป็นปัญหาเรื่องการเมืองในสโมสรหรือไม่ เพราะโค้ชวัย 61 ปี ไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆในอดีตกับ บาร์ซ่า เลย

ก่อนที่ เซเตียน จะเข้ามาคุมทีมนั้น บาร์เซโลน่า ตกเป็นข่าวว่า เดินหน้าอย่างหนักในการเจรจาดึงตัว โรนัลด์ คูมัน โค้ชชาวดัตช์ ซึ่งเป็นอดีตนักเตะของทีม และ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนติน่า ที่โดน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ปลดออกจากตำแหน่งเข้ามาคุมทีม

ราม่อน พลาเนส เลขาธิการด้านเทคนิคของ บาร์เซโลน่า ซึ่งเคยทำงานที่ เอสปันญ่อล ทีมเก่าของ โปเช็ตติโน่ และ โจเซฟ มาเรีย บาร์โตมิว ประธาน “เจ้าบุญทุ่ม” ก็สนิทกันดีกับ อดีตเทรนเนอร์ สเปอร์ส และพยายามพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง แต่การเซ็นสัญญาก็ไม่เกิดขึ้น

น่าเสียดายที่อาจเป็นเพราะประวัติอันยาวนานของ โปเช็ตติโน่ กับ เอสปันญ่อล ซึ่งเป็นอริตลอดกาลของ บาร์เซโลน่า นั้น ทำให้การเซ็นสัญญาล้มเหลว และเขาเคยประกาศว่า จะไม่มีทางหักหลังทีมเก่าด้วยการไปทำงานกับ “เจ้าบุญทุ่ม”

บรรดาโค้ชที่กล่าวว่า ถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับงานอันทรงเกียรติ เพราะ บาร์เซโลน่า ได้รับการยกย่องว่า หนึ่งในสโมสรชั้นนำของยุโรป และพวกเขาต้องการกุนซือที่พาทีมประสบความสำเร็จในทุกรายการที่ลงแข่งขัน

บาร์เซโลน่า ต้องการคนที่สมบูรณ์แบบ และมีความกระตือรือร้นอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อดีตยอดเทรนเนอร์ของพวกเขา หรือไม่ก็คนที่เป็นที่รักของบรรดาแฟนบอลอย่าง โยฮันน์ ครัฟฟ์ ตำนานดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์

อย่างไรก็ตาม เซเตียน ระบุว่าเขาก็มี ครัฟฟ์ เป็นไอดอล โดยกล่าวว่า “แม้ผมจะรักฟุตบอล แต่ผมก็ไม่เข้าใจมันอย่างถ่องแท้จนกระทั่งผมได้เห็นฟุตบอลของ โยฮันน์ ครัฟฟ์ ผมต้องการเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับเขา เมื่อใดก็ตามที่คุณได้บอล คนอื่นๆก็ต้องช่วยกันหาช่องว่าง นี่คือสิ่งที่ผมพยายามสื่อสารกับผู้เล่นอยู่เสมอ”

“ผมยอมตัดนิ้วก้อยของตัวเองได้เลยเพื่อได้รับโอกาสเล่นในทีมของ ครัฟฟ์ ไม่ใช่เพราะผมต้องการเป็นนักฟุตบอล บาร์เซโลน่า แต่มันเป็นเพราะผมเห็นว่า นักฟุตบอลทุกคนสนุกสนานไปกับตัวเอง”

ทีมเก่าของ เซเตียน อย่าง ลาส พลามัส และ เรอัล เบติส มักถูกมองว่า มีแนวทางการเล่นคล้ายกับ บาร์เซโลน่า ซึ่งเขาต้องใช้เวลามากในการโน้มน้าวผู้เล่น และแฟนๆให้เชื่อมั่นในตัวเขาว่า สามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้

บาร์เซโลน่า จะเป็นการพิสูจน์ฝีมือของ เซเตียน อย่างแท้จริง ในวัย 61 ปี เขาคุมทีมในลีกสูงสุดคือ เบติส เพียงทีมเดียวเท่านั้น และการเข้ามาทำหน้าที่แทน บัลเบร์เด้ มันมีอะไรหลายอย่างที่เขาต้องสะสางและพาทีมเดินหน้าต่อไป

ความรู้สึกของห้องแต่งตัวของ บาร์เซโลน่า ในตอนท้ายของยุค แฟรงก์ ไรจ์การ์ด อดีตโค้ชชาวดัตช์ ชาบี้ และ อันเดรส อิเนียสต้า อดีตกองกลาง บาร์ซ่า ดูเหมือนจะไม่มีความสุขกับการเล่นฟุตบอล จนกระทั่ง กวาร์ดิโอล่า เข้ามาสร้างแรงกระตุ้นอีกครั้ง

เซเตียน มีความปรารถนาในแบบเดียวกัน และสามารถทำสิ่งที่ บัลเบร์เด้ ตัดสินใจไม่ทำนั่นคือ เปลี่ยนวัฒนธรรม และบรรยากาศในห้องแต่งตัวหรือไม่? เขาจะสามารถทำสิ่งที่ กวาร์ดิโอล่า ทำหรือไม่ และหากทำได้ “เจ้าบุญทุ่ม” ก็คงได้คนที่เหมาะสมแล้ว

เซเตียน มีความปรารถนาในแบบเดียวกัน