15 ปี กับชายชื่อ ลิโอเนล เมสซี่ ในฐานะนักเตะ เจ้าบุญทุ่ม

15 ปี กับชายชื่อ ลิโอเนล เมสซี่ ในฐานะนักเตะ เจ้าบุญทุ่ม

วันที่ 16 ตุลาคม ในปี 2004 จะถูกจดจำตลอดไปว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของ บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปน เพราะมันเป็นวันที่ ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าดาวรุ่งชาวอาร์เจนติน่า ซึ่งยังเป็นที่รู้จักมากนักในเวลานั้น ได้ลงสนามในฐานะนักฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกในเกมลีกกับ เอสปันญ่อล

เมสซี่ ถูกเปลี่ยนตัวลงมาใน 7 นาทีสุดท้ายแทนที่ เดโก้ อดีตกองกลางทีมชาติโปรตุเกส ผู้ทำประตูชัยให้ บาร์เซโลน่า เอาชนะ เอสปันญ่อล 1-0 โดยดาวเตะ “ฟ้าขาว” มีผลกระทบต่อเกมเล็กน้อย แต่เขาส่งผลกระทบอย่างมากต่อสโมสรในเวลาต่อมา

บาร์เซโลน่า ก่อตั้งขึ้นในปี 1899 และฟุตบอลลา ลีกา เริ่มตั้งขึ้นในปี 1929 โดยก่อนหน้านั้น พลพรรค “เจ้าบุญทุ่ม” คว้าแชมป์ลีกไปแล้ว 16 ครั้ง และยังไม่เคยคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลีกอีก 10 สมัย คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 สมัย และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ อีก 3 สมัย ในขณะเดียวกัน เมสซี่ ได้รับตำแหน่งผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก 6 ครั้ง และทำประตูได้มากกว่า 600 ประตู

บาร์เซโลน่า และ เมสซี่ ประสบความสำเร็จมากมายในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา โดยสิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ สัญญาฉบับแรกของดาวเตะอาร์เจนไตน์ ถูกเซ็นลงบนกระดาษเช็ดปาก ซึ่งในเวลานั้น ไม่มีใครสนใจเขาเพราะโซเชียลมีเดีย ไม่ได้มีอิทธิพลเท่าทุกวันนี้

มิเกล อัลเคล โลติน่า กุนซือ เอสปันญ่อล ที่ได้คุมทีมเผชิญหน้ากับ เมสซี่ ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรก เล่าว่า “เมื่อผมเข้ารับตำแหน่งที่ เอสปันญ่อล เป็นครั้งแรกในปี 2004 ผู้ช่วยของผมพูดเกี่ยวกับ เมสซี่ บ่อยมาก และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อของเขาจริงๆ เขาบอกผมว่า เมสซี่ เป็นผู้เล่นที่เก่งจริงๆ และเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมในสถารณ์ดวลแบบตัวต่อตัวกับกองหลัง นอกจากนั้น เขายังทำประตูได้มากมายด้วย”

“เราต้องการพาเขามาที่ เอสปันญ่อล ด้วยการยืมตัวในช่วงฤดูร้อนในเวลานั้น แต่เขาไม่มีหนังสือเดินทางของสเปน และทีมพันธมิตรนอกสหภาพยุโรปทั้ง 3 แห่งของ บาร์ซ่า ก็ไม่สามารถให้เขาลงสนามได้ เราพยายามดำเนินการเต็มที่แต่ก็ไม่เป็นผล หลังจากนั้น เมสซี่ ได้เล่นกับ ยูเวนตุส ในศึกฟุตบอล Joan Gamper เขาเล่นได้ดีมาก และ บาร์ซ่า เร่งออกหนังสือเดินทางเพื่อที่พวกเขาจะได้ส่งชื่อ เมสซี่ เขาสู่ทีมชุดแรกในฤดูกาลนั้นทันที”

การ์เลส เรซัช อดีตนักเตะ บาร์เซโลน่า ที่ลงสนามไปมากถึง 449 นัด ในระหว่างปี 1966-81 ซึ่งเป็นผู้บริหารของสโมสรเมื่อเขาเซ็นสัญญากับ เมสซี่ ลงบนกระดาษเช็ดปากในปี 2000 เขาเคยทำงานในฐานะ มือขวาของ โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานกุนซือ “เจ้าบุญทุ่ม” ซึ่งในเวลานั้นถูกที่เรียกว่า “ดรีมทีม” และเคยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาประธานสโมสรอีกด้วย

เรซัช เล่าว่า “ผมอยู่ในอาร์เจนตินา เมื่อผมได้ยินเกี่ยวกับเด็กที่ชื่อ เมสซี่ และผมประหลาดใจที่พวกเขาพูดถึงเด็กชายอายุ 12 ปี ตอนแรกผมคิดว่า พวกเขากำลังพูดถึงเด็กอายุ 18 ปี ผมคิดว่าผมจะไปดูเขาเล่น และใช่ แน่นอน เขาทำให้ผมประหลาดใจ เพราะเขาตัวเล็กมาก แต่ผมบอกได้เลยว่าเขามีความสามารถพิเศษมันเป็นสัญชาตญาณพิเศษ”

“ครั้งหนึ่งที่ บาร์เซโลน่า ผมตัดสินใจเซ็นชื่อเขาบนกระดาษเช็ดปากที่บริกรอบให้ผม เพราะผมไม่สามารถปล่อยให้เขาหนีไปไหนได้อีกแล้ว พ่อของเขารู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ไม่ชัดเจนเกินไป และบอกผมว่าพวกเขาจะจากไป ผมจึงต้องรีบเซ็นสัญญากับเขาทันที”

ยูเซบิโอ ซาคริสตัน อดีตกองกลาง บาร์เซโลน่า ซึ่งลงสนามไปมากกว่า 300 นัด ในระหว่างปี 1988-95 และเป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้ฝึกสอนในยุค แฟรงค์ ไรจ์การ์ด เทรนเนอร์ชาวดัตช์ ก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้เห็น เมสซี่ ลงประเดิมสนามในทีมชุดแรกขอ “เจ้าบุญทุ่ม”

ซาคริสตัน เล่าว่า “ผมจำไม่ได้ว่าครั้งแรกที่ผมเห็นเขา แต่ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับเขาเลย และเขาถูกเรียกตัวหลายครั้งเพื่อฝึกซ้อมกับทีมชุดแรก ผมจำได้ว่าเราประหลาดใจตั้งแต่เริ่มต้นจากความกล้าหาญของเขา มันไม่ใช่เพียงว่าเขามีคุณสมบัติที่โดดเด่น แต่เขาใช้มันและในสนามฝึกซ้อมเขาไม่ได้เป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์มาก่อน แต่เขาเล่นด้วยความง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ”

มักซี่ โรดริเกซ อดีตปีกทีมชาติอาร์เจนไตน์ ของ เอสปันญ่อล มีความสนิทสนมกับ เมสซี่ พวกเขาเป็นชาวเมืองโรซาริโอ และเป็นเด็กปั้นของ นิวเวลล์ โอลด์ บอย เหมือนกันอีกด้วย และทั้งคู่ยังเคยแบ่งปันช่วงเวลาที่ดีร่วมกันในฐานะพี่น้องหลายต่อหลายครั้ง

มักซี่ กล่าวว่า “ผมไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนตอนที่ผมอยู่ใน โรซาริโอ ไม่แม้แต่ตอนที่เขาเริ่มเล่นเมื่อผมไปถึง เอสปันญ่อล จากนั้นผมก็ได้ยินเรื่องเด็กจากทีมเยาวชนของ นิวเวลล์ ที่เคยมาทอดสอบฝีเท้ากับ บาร์ซ่า นั่นคือตอนที่ผมเริ่มสนใจเขา และพวกเขาจะบอกผมว่าเด็กจากโรซาริโอคนนี้เล่นฟุตบอลเก่งจริงๆ และกำลังแสดงศักยภาพที่ บาร์ซ่า”

“หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ โฮราซิโอ กั๊กจิโอลี่ เอเย่นต์ของ เมสซี่ แนะนำให้ผมรู้จักกับเขาที่ La Pampa ร้านอาหารอาร์เจนตินา ในแถบ Castelldefels เราอยู่ที่นั่นในขณะที่กินอาหารกัน และความจริงก็คือ เรา ไม่ได้พูดกันมาก แต่ความสัมพันธ์ของเรามันก็ดีขึ้นหลังจากไม่นาน ในปี 2002 ซึ่งเป็นปีแรกของผมกับ เอสปันญ่อล ผมเห็น เมสซี่ เป็นเด็กที่ตัวเล็กมากจริงๆ และผมไม่แน่ใจว่าเขารู้จักผมหรือเปล่าว่ามาจาก นิวเวลล์ เหมือนกัน”

มานูเอล เอ็กโปซิโต้ ปัจจุบันเป็นโค้ชของ เอเอเอส ยูเปน ในลีกเบลเยี่ยม เคยเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า ชุด บี ตั้งแต่ปี 2003-05 นั้น ได้เปิดตัวในทีมชุดแรกของ “เจ้าบุญทุ่ม” พร้อมกับ เมสซี่ ในช่วงปี 2003 ในเกมกับ ปอร์โต้

อย่างไรก็ตาม เอ็กโปซิโต้ เจอปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน ทำให้โอกาสของเขากับ บาร์เซโลน่า ต้องจบลงไปโดยปริยาย โดยเขาใช้เวลาที่เหลือในการเล่นกับทีมระดับลีกรอง และได้รับรางวัล AFC Champions League กับ โอคแลนด์ ซิตี้ ในนิวซีแลนด์ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดในเบลเยียม

เอ็กโปซิโต้ เล่าว่า “เราฝึกซ้อมด้วยกัน 2-3 ครั้ง เมื่อพวกเขาเรียกเราไปเล่นในเกมอุ่นเครื่องกับ ปอร์โต้ ในเดือนพฤศจิกายน 2003 ผมจำได้ดี และในเวลาเพียงแค่ 15 นาที มันก็เป็นเวลามากพอสำหรับ เมสซี่ ที่จะแสดงศักยภาพของเขาออกมา เราแทบจะไม่พูดกับนักเตะคนอื่นตลอดการเดินทาง เพราะพวกเราอายุน้อยที่สุดที่อยู่ในทีมชุดนั้น”

“เมื่อมองย้อนกลับไปผมได้รับความรู้สึกว่า สิ่งที่มีความหมายว่ามันเป็นรางวัลหรือโอกาสสำหรับเราที่ได้รับ และสำหรับเขามันเป็นเพียงโอกาสครึ่งหนึ่งที่เข้ามาในชีวิต ช่วงเวลาที่เขาจะทำให้โลกตกใจ นั่นคือสิ่งที่เราเริ่มเห็นว่าเขาจะกลายเป็นสุดยอดนักฟุตบอล”

“มันส่งผลกระทบกับผมอย่างมาก เพราะเขาเป็นดาวรุ่งที่เล่นเหมือนกับผู้ใหญ่ เขามีความตั้งใจในการฝึกซ้อม และสิ่งที่โดดเด่นคือ โฟกัสที่ไม่ธรรมดาสำหรับเด็กอายุ 16 ปี เขาทำได้ดีมากกว่าที่เราคิดเอาไว้ เขาได้เลื่อนชั้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่เร็วมาก ตั้งแต่เริ่มต้นจากทีมชุด บี และเราไม่แปลกใจเมื่อเขาได้รับโอกาสอย่างเป็นทางการกับทีมชุดแรกในปีนั้น” เอ็กโปซิโต้ กล่าว

กั๊กจิโอลี่ เป็นเอเย่นต์คนแรกของ เมสซี่ และเป็นคนที่แจ้งเตือน เรซัส ถึงโอกาสที่ต้องรีบเซ็นสัญญาเด็กจากอาร์เจนตินาคนนี้ เขายังคงเก็บรักษาผ้าเช็ดปากที่ผืนนั้นเอาไว้ ซึ่งเป็นสัญญาฉบับแรกได้ลงนามโดย เมสซี่ กั๊กจิโอลี่ และ เรซัส

“ทันทีที่ผมไปที่สนามบินเพื่อไปรับ เมสซี่ และ ฮาร์เก้ พ่อของเขา ผมคิดว่าเพื่อนร่วมงานของผมในอาร์เจนติน่าหลอกผม เด็กคนนั้นตัวเล็กมาก และมีขาที่บางที่สุดที่คุณสามารถจินตนาการได้เลย แม้จะมีความเครียดที่เรารู้สึกได้ แต่ในเวลานั้นผมเหนื่อยมาก เพราะการเดินทางอันยาวนาน และค่อนข้างช้า”

“จากนั้น เมสซี่ เข้าร่วมการฝึกซ้อมในวันถัดไประหว่างทีมเด็กชุด เอ และชุด บี B เขาสร้างความประหลาดใจให้เราทุกคน เพราะวิธีที่เขาเคลื่อนไหว และวิธีที่เขาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในสนามนั้น มันสุดยอดมากๆ” กั๊กจิโอลี่ กล่าว

ฮาร์เก้ มาร์ติน เป็นเจ้าของ Las Cuartetas ใน บาร์เซโลน่า ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ เมสซี่ เคยมารับประทานเป็นประจำก่อนที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อดีตกุนซือ บาร์เซโลน่า จะสั่งเปลี่ยนโปรแกรมอาหารของดาวเตะ “ฟ้าขาว”

มาร์ติน เล่าว่า “เมสซี่ เคยมาที่ร้านเรากับครอบครัวของเขาเป็นประจำ เขายังสั่งอาหารจากเรากินด้วย บางครั้งเขาจะมาพร้อมกับอดีตผู้เล่นของ เอสปันญ่อล และเพื่อนชาวอาร์เจนตินา อย่าง ปาโบล ซาบาเลต้า ซึ่งพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน”

“ครั้งแรกที่ผมเห็นเขา เขาอยู่กับ กั๊กจิโอลี่ ซึ่งเป็นคนพาเขามาที่ร้านอาหารแห่งนี้ เขาบอกผมว่าเด็กคนนี้กำลังจะก้าวขึ้นมา แต่เราไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะยอดเยี่ยมได้ขนาดนี้”

เมสซี่ พาตัวเองเข้าไปอยู่ในทีมร่วมกับบรรดานักเตะ

เมสซี่ พาตัวเองเข้าไปอยู่ในทีมร่วมกับบรรดานักเตะชั้นนำของ บาร์เซโลน่า อย่าง โรนัลดินโญ่ จอมทัพชาวบราซิล, ซามูเอล เอโต้ ดาวยิงทีมชาติแคมเมอรูน และ เฮนริค ลาร์สสัน ตำนานกองหน้าทีมชาติสวีเดน ในเกมแรกที่เขาลงสนามพบกับ เอสปันญ่อล

เรซัส กล่าวเสริมว่า “เห็นได้ชัดว่าเขาเกิดมาเพื่อเล่นฟุตบอล แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะเป็นผู้ที่ดีที่สุดในโลกแบบนี้ และทุกวันนี้ ลีโอ ได้กลายเป็นผู้เล่นที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของ บาร์เซโลน่า ไปเรียบร้อยแล้ว”

ซาคริสตัน กล่าวว่า “ผู้จัดการทีม ไรจ์การ์ด จัดการสิ่งต่างๆได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีความรู้สึกเร่งด่วนหรือภาระใดๆ คืนนั้นในห้องแต่งตัวผมจำได้ชัดว่า เมสซี่ ได้รับการต้อนรับด้วยความตื่นเต้นมากแค่ไหน และได้รับการสนับสนุนจากนักเตะทั้งหมดของเรา โดยเฉพาะ โรนัลดินโญ่ ใช่ เพราะเขาเห็นบางสิ่งที่พิเศษในตัว ลีโอ และสื่อสารกับเขาได้เป็นอย่างดีในสนามเขา เมสซี่ ขี้อายมากๆ แต่หลังจากนั้นเขาก็ปรับตัวได้”

“เมสซี่ ไม่ได้เล่นมากนักในคืนนั้น พวกเราชนะ 1-0 และการเปลี่ยนตัวเขาลงมาแทน เดโก้ มันเป็นเรื่องปกติ และเราตัดสินใจในไม่กี่นาที เพราะเราไม่ได้คุยกันในช่วงพักครึ่ง มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และความประทับใจที่ เมสซี่ ทำในการฝึกซ้อม นั้น มันดูง่ายดาย เราคิดว่าไม่มีอะไรบนสนามที่เขาทำไม่ได้”

มักซี่ กล่าวว่า “ผมจำวันเปิดตัวเขาได้ เพราะมันคือผู้เล่นสองคนจาก นีเวลล์ อย่างเราที่เผชิญหน้ากับสนาม และในการเผชิญหน้ากับหนึ่งในแมตช์ที่สำคัญที่สุดของลา ลีกา”

อเล็กซ์ การ์เซีย อดีตผู้จัดการทีม เมสซี่ ในทีมเยาวชนของ บาร์ซ่า เคยทำงานร่วมกับ ดาวเตะอาร์เจนไตน์ ตลอดทั้งซีซั่นในสมัยยังเป็นเยาวชน และปัจจุบัน การ์เซีย เป็นส่วนหนึ่งของโค้ชทีมชุดแรก และเป็นแมวมองวิเคราะห์คู่แข่งอีกด้วย

การ์เซีย กล่าวว่า “ในเวลานั้น เมสซี่ เป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในรุ่นของเขา ผมจำได้ว่า ได้ดูการแข่งขันที่เขาลงสนามพบกับ เอสปันญ่อล และผมตื่นเต้นมากที่ได้เห็นเขาเล่นในลา ลีกา นั่นคือ เป้าหมายของระบบการพัฒนาในท้ายที่สุดของเรา นั่นคือสิ่งที่โค้ชทุกคนต้องการเมื่อเด็กๆ เข้าร่วมทีม บาร์ซ่า มันไม่ใช่ทุกคนที่จะก้าวมันขึ้นมา”

มาร์ติน เจ้าของร้านอาหาร เล่าต่อว่า “เมสซี่ มาถึง Las Cuartetas ในสัปดาห์เดียวกันเขาเปิดตัว เขาเคยกินเนื้อวัวจากอาร์เจนตินา แม้ว่าอาหารจานโปรดของเขาคือ มิลาเนส เขาชอบมันมาก เราพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เคารพกันและมีใจจดจ่อกับการรักษาระยะห่างเสมอ”

“เขามอบเสื้อเชิ้ตหมายเลข 30 ให้กับผม มันเป็นหมายเลขเดียวกับที่เขาสวมใส่ในวันที่เขาเปิดตัวกับ บาร์เซโลน่า ผมแขวนมันไว้ถัดจากเสื้อของ ซาบาเลต้า, มักซี่, ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า และ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่”

โลติน่า กล่าวว่า “แม้ว่ามันจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที คุณก็จะเห็นว่าเขาเป็นผู้เล่นที่แตกต่างออกไป แต่ถ้าพูดตามตรงคุณไม่จำเป็นต้องคิดเลยว่า เขาจะเป็นผู้เล่นสุดยอดเหมือนทุกวันนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเพื่อทำสิ่งที่เขาทำในเกม ผมคิดว่าเขาทำเกินความคาดหมายทั้งหมด”

เรซัส กล่าวว่า “การเปิดตัวของเขาเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ในกระบวนการของ บาร์เซโลน่า มันเป็นเส้นทางที่มีเหตุผล แต่โดยทั่วไปเขาทำทุกอย่างที่เราคาดหวัง และอื่นๆอีกมากมาย ผมดีใจที่ได้เห็นเขาลงสนาม มันเป็นขั้นตอนแรกในกระบวนการที่นำไปสู่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น”

ซาคริสตัน กล่าวว่า “‘เราเล่นกับเด็กอายุ 17 ปี และเขาเยี่ยมมาก เขามีความเป็นอาชีพมากมาย และมีเส้นทางที่ดีรออยู่ข้างหน้า นั่นจะเป็นบทสรุปในเวลานั้น ผมไม่รู้ว่าเขาทำได้เกินความคาดหมายในเวลานั้นหรือไม่ ซึ่งมันใช่ ไม่ต้องสงสัยเลย”

มักซี่ กล่าวว่า “ผมรู้สึกทึ่งในทักษะ และความสามารถตามธรรมชาติของเขา เขาจ้องมองคู่ต่อสู้ของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ และนั่นทำให้ผมสนใจเขามาก เมสซี่ ไม่เคยกลัวที่จะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ของเขา เขาเร็วและแข็งแรง แม้จะเป็นแค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ”

“แน่นอนผมไม่ทราบว่า ไรจ์การ์ด เรียกเขามาลงสนาม เรามีหลายอย่างเกิดขึ้นที่ เอสปันญ่อล สิ่งที่โดดเด่นเกี่ยวกับ เมสซี่ นั้นคือสิ่งที่โดดเด่นในตอนนี้ เขาทำให้ทุกอย่างดูเหมือนง่ายดายอย่างเราพูดกันบ่อยๆ ตอนนี้ แต่หลังจากการแข่งขันเกมนั้น เราก็เพิ่งทักทายกันเป็นทางการนั่นแหละ”

เอ็กโปซิโต้ กล่าวว่า “เราได้เล่นเกมสำรองด้วยกันในวันอาทิตย์กับ อวยส์ก้า ที่ มินิ สเตเดี้ยม จากนั้นก็เป็นที่บ้านของ บาร์เซโลน่า ทีมสำรอง และการที่ เมสซี่ ถูกเรียกตัวเข้าสู่ทีมชุดแรกก็ไม่ได้ทำให้ผมประหลาดใจเลย”

“ผมกำลังดูทีวีอยู่ และก็บ้าคลั่งเมื่อเขาเข้ามาในสนามแทน เดโก้ และสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผมจริงๆคือ วิธีที่เขาเล่นนั้นน่าประทับใจมากในการประสานงานกับยอดกองกลางของ บาร์เซโลน่า อย่าง อันเดรส อิเนียสต้า ซึ่งเราถือว่าเขาเป็นผู้เล่นพิเศษ เมื่อพวกเขาแทบจะไม่รู้จักกันมาก่อนในตอนนั้น”

อเล็กซ์ การ์เซีย กล่าวว่า “สิ่งที่ เมสซี่ ประสบความสำเร็จนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน อย่างไรก็ตาม เรารู้อยู่แล้วว่า เขาทำสิ่งต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ เขาค่อยๆแสดงความมั่นใจออกมานั่นคือเหตุผลที่เขาได้ลงเล่นกับ เอสปันญ่อล แม้จะมีข้อได้เปรียบที่เรานำ 1-0 ผมรู้ว่า เขาจะแสดงศักยภาพของเขาทันทีที่เขาทำได้ และนั่นคือสิ่งที่เขาทำ”

กั๊กจิโอลี่ กล่าวว่า “หลังจากการแข่งขันกับ เอสปันญ่อล จบลง เราไปที่ร้านอาหารอาร์เจนตินา บางแห่งในตัวเมือง บาร์เซโลน่า และเราก็เฉลิมฉลองกันครั้งแรก ถ้าผมจำได้ก็คือ ผมกับ ฮาร์เก้ พ่อของเขา เพียง 2 คน”

“สองชั่วโมงหลังจากการแข่งขันจบลง โทรศัพท์ของผมดังขึ้น มันเป็นการโทรมาจากสโมสร เอสปันญ่อล พวกเขาถามผมว่า เราทราบหรือไม่ว่า เมสซี่ อาจยังขาดคุณสมบัติบางอย่างในการลงสนาม เนื่องจากพวกเขากำลังจะบอกเราว่า เมสซี่ อาจยังไม่ได้สัญชาติสเปน”

“ในตอนนั้นมีผู้เล่นต่างชาติเพียง 3 คนเท่านั้นที่เล่นในทีมชุดแรก และ เมสซี่ อีก 1 คน แต่เราอธิบายว่า ทันทีที่เขามาถึง บาร์เซโลน่า เราได้ลงทะเบียนเขาสู่ทีมเยาวชนเมื่ออายุ 13 ปี เขาอยู่กับเรามานานมากแล้ว

“เห็นได้ชัดว่า เอสปันญ่อล ต้องการคำอธิบาย แต่เรื่องราวไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ว่าจะมีคำอธิบายทั้งหมด เอสปันญ่อล ก็ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อไป อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีปัญหาอะไร”

ซาคริสตัน กล่าวว่า “สำหรับผม เมสซี่ ไปไกลเกินกว่าที่ผมจะจินตนาการได้ เพราะเดาว่าผลกระทบที่เขาจะได้รับนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เลโอ ทำได้ดีขึ้นทุกวันและทุกปี ไม่ว่าเขาจะมีอายุเท่าไหร่ เขายังเป็นเหมือนกับปรากฎการณ์ตลอดเวลา 15 ปี ผมไม่คิดว่าจะมีนักกีฬาระดับสูงคนใดที่มีความอดทนในการรักษาฟอร์มตัวเองให้คงเส้นคงวาเหมือนเขาอีกแล้ว”

มักซี่ กล่าวว่า “หลังจากการแข่งขันกับ บาร์เซโลน่า ทุกคนจะไม่พูดถึงเรื่องอื่นนอกจาก เมสซี่ แฟนๆ บาร์ซ่า มีความสุข คุณสามารถบอกได้ว่า พวกเขาภูมิใจที่ได้เขาทำทุกอย่างตามธรรมชาติ แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับเราเพียงไม่กี่นาที เขารู้วิธีที่จะเล่นกับกองหลังของเขา”

“สิ่งที่ เมสซี่ ประสบความสำเร็จในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา คือนอกจากการทำประตูแล้ว เขายังคอยช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมอยู่เสมอ สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาคือ ฟุตบอล”

กั๊กจิโอลี่ กล่าวว่า “เราทุกคนเห็นว่า เมสซี่ เป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปเราได้ตระหนักว่า เขาเหนือกว่าความคาดหวังใดๆ เขาเป็นสัตว์ประหลาด เขาเป็นเอกลักษณ์ เขาได้รับรางวัลบัลลงดอร์ 5 ครั้ง และเป็นที่พึ่งของทีมได้อย่างยอดเยี่ยม เขากระตุ้นผู้เล่นคนอื่นๆให้พยายามเข้าถึงระดับของเขา”

ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น เรซัส เป็นคนเดียวที่ต้องการให้ เมสซี่ ย้ายมายังถิ่นคัมป์ นู และเขาต่อสู้เพื่อคว้าตัวดาวเตะอาร์เจนไตน์ มายัง บาร์เซโลน่า ได้สำเร็จ และตอนนี้ เขาควรภูมิใจว่าเด็กที่เขาดึงตัวมาวันนั้น ตอนนี้อยู่ในจุดใดของวงการฟุตบอล

เมสซี่ เป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม