เอซีมิลาน คือสุดยอดสโมสรที่เคยมีเหล่ายอดแข้งระดับซูเปอร์สตาร์ตบเท้าเข้ามาค้าแข้งด้วยมากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงปลายยุค 80 มันคือช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของพวกเขาเลยทีเดียว กับการคว้าแชมป์ได้สารพัดรายการ กวาดหมดทุกสถาบัน โดยที่มีแกนนำของทีมเป็น “สตาร์ชาวดัตช์” 3 คน ที่ผนึกกำลังกันอย่างเข้าขา จนสามารถช่วยให้ทีมคว้าแชมป์รายการสำคัญได้หมดทุกรายการเท่าที่มิลานได้สิทธิ์ลงแข่งขันและสามนักเตะทีมฮอลแลนด์ทั้ง 3 คนที่ได้มาเล่นให้กับมิลาน พวกเขาได้รับการขนานนามว่า “สามทหารเสือดัตช์” อันเกรียงไกรที่ทำให้แนวรับฝั่งตรงข้ามที่หลุดมาเจอกับมิลาน ต้องร้อนๆหนาวๆ ในเวลาที่ต้องสู้กับพวกเขา และต้องมาวัดใจเอาเองว่าจะโดนมิลานไล่กระซวกกี่เม็ด
รุด กุลลิท (กองหน้าตัวต่ำ / ฮอลแลนด์)
สุดยอดผู้เล่นที่มีความเพอร์เฟ็คต์ในแทบทุกด้านของการเป็นนักเตะอาชีพ (ยันรักแร้) เขาสร้างผลงานอันสุดโดดเด่นมาตั้งแต่เล่นให้กับสโมสรในบ้านเกิดอย่าง PSV และเมื่อมีโอกาสคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปี 1987 และต่อยอดด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 1988 ในฐานะกัปตันทีมชาติฮอลแลนด์ มันก็ยิ่งทำให้ กุลลิท ยิ่งเด่นดังมากขึ้นมากเลยทีเดียวหน้าที่ของ กุลลิท ในสีเสื้อของเอซีมิลาน ก็หนีไม่พ้นหน้าที่การเป็น “เพลย์เมกเกอร์” นั่นเอง โดยปกติ กุลลิท จะชอบเล่นในบทบาทกองกลางด้านขวาเป็นพิเศษ แต่ส่วนใหญ่นั้นเขาจะโดนดันขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าตัวต่ำ หรือออกมาทางปีกนิดหน่อย โดยมีหน้าที่คือรับบอลจาก แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และจากนั้นก็จะต้องพาบอลหลบหนีการรุมประกบของนักเตะเกมรับฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็พยายามทำแอสซิสต์ให้กับ มาร์โก ฟาน บาสเท่น ที่รอบอลอยู่ในเขตโทษได้จบสกอร์ด้วยความที่เป็นนักเตะมากเทคนิค แถมยังมีร่างกายแข็งแกร่งสมกับที่มีเชื้อสายชาวสุรินัมในสายเลือด มันทำให้ กุลลิท ได้รับการยกย่องอย่างสูงเลยทีเดียว ว่าเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบในทุกจุด
แฟรงค์ ไรจ์การ์ด (มิดฟิลด์ตัวรับ / ฮอลแลนด์)
มิดฟิลด์ตัวรับที่สามารถตัดเกมได้ เป็นตัวโฮลด์บอลก็ได้ แถมยังช่วยพาบอลขึ้นไปเสริมเกมรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาเป็นนักเตะที่ถนัดในการเล่นบอลปะทะ สามารถไล่อัด ไล่ตัดเกม ไล่แย่งบอลจากคู่แข่งได้อย่างแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพสุดๆนอกจากนี้ ไรจ์การ์ด ยังเป็นนักเตะที่มีความสามารถในการถอยตัวเองลงไปเล่นเป็นกองหลังตัวกลางในยามจำเป็นได้อีกด้วย แถมมีเซนส์เรื่องเกมรุกอีก มันเลยทำให้ ไรจ์การ์ด เป็นอีก 1 มิดฟิลด์ตัวรับชั้นอ๋องที่ครบเครื่องๆสุดๆอีกคน แต่น่าเสียดายที่เขาเคยติดแค่ TOP3 นักเตะบัลลงดอร์เท่านั้น ไม่เคยได้สัมผัสกับบอลทองคำแบบที่เพื่อนรักอีก 2 คนสามารถคว้ามานอนกอดได้หน้าที่ของไรจ์การ์ดในทีมมิลานก็คือ หลังจากที่เขารับบอลจากแนวรับ หรือแย่งบอลจากคู่ต่อสู้ด้วยตัวเองได้สำเร็จ เขาจะต้องพาบอลขึ้นหน้ามาด้วยตัวเองเพื่อเปิดบอลต่อให้เพื่อน หรือรีบมองหา “รุด กุลลิท” เพื่อนสนิทของตัวเองแต่วัยเด็ก เพื่อรีบจ่ายบอลให้ และจากนั้น กุลลิท ก็จะประเคนบอลต่อให้ ฟาน บาสเท่น ได้ยิงประตูในทันที
มาร์โก ฟาน บาสเท่น (กองหน้า / ฮอลแลนด์)
สุดยอดสไตรเกอร์หมายเลข 9 ที่ว่ากันว่ามีทวงท่าการเล่นที่สุดพลิ้วไหวราวกับนักบัลเลต์เลยทีเดียว ! เขาเป็นหน้าเป้าตัวจบสกอร์ที่สมบูรณ์แบบมาก ยิงได้ทั้งซ้ายและขวา โหม่งได้ทรงพลัง อีกทั้งยังสามารถทำประตูได้ทุกรูปแบบ จะเป็นการเข้าฮอร์สและชาร์จบอลแบบระยะเผาขนก็ทำได้ , เลี้ยงบอลเข้าไปยิงเองก็ทำได้ อีกทั้งยังมีจังหวะสังหารฟรีคิกและจุดโทษที่เฉียบขาดด้วยเช่นกันฟาน บาสเท่น ขอแค่รอบอลที่ผ่านเข้ามาอย่างเหมาะเหม็งจากตัวของ รุด กุลลิท หรือเพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็เพียงพอแล้ว แต่เป็นที่น่าเสียดายคือ ฟาน บาสเท่น แขวนสตั๊ดเร็วกว่าเพื่อนอีก 2 คนมาก เพราะเนื่องจากอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่รบกวนที่ข้อเท้าเขามาตลอดนั่นเอง
