ช่วงนี้เป็นช่วงขาขึ้นของ อันเดรียส คริสเตนเซ่น เซ็นเตอร์แบ็กทีมชาติเดนมาร์กของ เชลซี ที่เพิ่งจะคว้าแชมป์ร่วมกับสโมสรนั่นคือถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ประจำฤดูกาล 2020-21 ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นแชมป์รายการใหญ่รายการแรกที่เขาได้กับทีมเลยทีเดียว และไม่น่าเชื่อว่านักเตะรายนี้ จะก้าวจากการเป็นนักเตะบ่อน้ำมันที่วางใจได้ยากในเรื่องการเล่นเกมรับ ได้กลายมาเป็นกองหลังที่สามารถฝากผีฝากไข้ได้ในเรื่องการเล่นเกมรับได้มากขึ้น ตั้งแต่ที่ตัวของ โธมัส ทูเคิล เข้ามาคุมทีมและนี่ก็คือเรื่องราวๆต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของ คริสเตนเซ่น แข้งโตนมพันธุ์แกร่งรายนี้
คริสเตนเซ่น เซ็นสัญญากับเชลซีจากทีมบรอนด์บี้ตั้งแต่ก่อนฤดูกาล 2012-13
คริสเตนเซ่นได้รับการเซ็นสัญญากับเชลซีหลังจากที่ฤดูกาล 2011-12 ได้จบลง แต่ก่อนที่จะย้ายไปเชลซี เขาก็มีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรองในเกมสุดท้ายขอฤดูกาล 2011-12 ให้กับทีมบรอนด์บี้ด้วย และนอกจากนี้ คริสเตนเซ่น ยังได้เดินทางไปอเมริกาเพื่อทัวร์ปรีซีซั่นหลังจบฤดูกาลด้วย และยังได้ลงเล่นในเกมกระชับมิตรกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สองครั้งก่อนจะเซ็นสัญญากับเชลซี
มีชื่อติดทีมชุดใหญ่ของเชลซีในช่วงระหว่างฤดูกาล 2014-15
หลังจากที่ได้เซ็นสัญญากับเชลซี เขาก็มีชื่ออยู่ในทีมเยาวชนเป็นหลัก ก่อนที่จะได้ลงสนามเปิดตัวกับเชลซีชุดใหญ่ ในช่วงกลางๆของฤดูกาล 2014-15 ซึ่งเป็นการลงเล่นในฟุตบอลถ้วยลีก คัพ ที่พวกเขาได้สู้กับสโมสร ชรูว์สบิวรี่ ทาวน์
ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในอคาเดมี่ของเชลซี เขาได้แชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ และถ้วย ยูฟ่า ยูธ ลีก มาครอง
ในฤดูกาล 2013-14 เขาได้เริ่มต้นลงเล่นในเกมการแข่งขัน เอฟเอ ยูธ คัพ ซึ่งเขาประสบความสำเร็จกับทีม แถมยังได้ลงเล่นทุกนัด รวมถึงได้ลงในนัดชิงชนะเลิศที่น่าจดจำกับฟูแล่ม และในอีกหนึ่งปีต่อมา เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดที่เอาชนะ ชัคตาร์ โดเนตสค์ ด้วยสกอร์ 3-2 เพื่อคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูธ ลีก (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกระดับเยาวชน) มาครองได้
กองหลังรายนี้ใช้เวลายืมตัวสองปี และประสบความสำเร็จกับสโมสรชั้นนำของเยอรมันอย่างโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค
ในตอนท้ายของฤดูกาลแรกที่น่าประทับใจในเยอรมนี คริสเตนเซ่น ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร หลังจากที่เขาระเบิดฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในการเล่นให้กับทัพ “สิงห์หนุ่ม”
ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในเยอรมนี คริสเตนเซ่น มีโอกาสได้สัมผัสกับฟุตบอลถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรก
ตลอดระยะเวลาสองปีของเขาที่สโมสรกลัดบัค ตัวของคริสเตนเซ่น มีโอกาสสู้กับยอดทีมแห่งยุโรปทั้งกับ บาร์เซโลน่า และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในทัวร์นาเมนต์แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งหมายความว่า คริสเตนเซ่น มีโอกาสได้แข่งขันกับทีมที่มีเหล่าผู้เล่นเกมรุกที่ดีที่สุดในยุโรปด้วยนั่นเอง
คริสเตนเซ่นเป็นตัวหลักของทีมชาติเดนมาร์ก
หลังจากได้ลงเล่นเป็นตัวทีมชาติเดนมาร์กระดับเยาวชน ในที่สุดเขาก็ได้ติดทีมชาติเดนมาร์กชุดใหญ่ด้วยการเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในทีม โดยเขาได้เปิดตัวเป็นนักเตะทีมชาติชุดใหญ่เมื่อตอนอายุ 19 ปีในเกมกับมอนเตเนโกรในปี 2015
คริสเตนเซ่นเป็นผู้เล่นที่สามารถเล่นได้หลากหลายบทบาท
ในขณะที่ตำแหน่งโดยธรรมชาติของเขา คือการเล่นเป็นกองหลังตัวกลางเป็นหลักๆ คริสเตนเซ่น ยังสามารถลงเล่นในตำแหน่งอื่นได้ด้วย นั่นคือการเล่นเป็นแบ็กขวา และในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในอคาเดมี่ของเชลซี มีอยู่บางครั้งที่เขาก็ได้ดันตัวเองขึ้นสูงเพื่อมาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับด้วย เพื่อช่วยดีเลย์เกมรุกของฝั่งตรงข้าม และบวกกับร่างกายที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิม มันเลยทำให้เขาสามารถพาบอลบุกขึ้นหน้าได้ดี
เป็นผู้เล่นที่ถูกโฉลกในการยิงประตูในโอกาสสำคัญ
หลังจากพิสูจน์ตัวเองกับทีม “สิงห์บลูส์” ได้สำเร็จตั้งแต่อายุน้อยๆ ตัวของคริสเตนเซ่น ยังเป็นนักเตะที่ยิงประตูสำคัญๆให้กับทีมตัวเองได้บ่อย และแม้แต่กับทีมชาติเดนมาร์กก็ด้วย โดยเขาเคยยิงประตูให้กับทีมชาติได้ในการแข่งขันที่พวกเขาเอาชนะในเกมรอบเพลย์ออฟฟุตบอลโลกเหนือสาธารณรัฐไอร์แลนด์ตอนปี 2014