ฟรองค์ ริเบรี่
ถ้าหากคุณจำกันได้ดี ในฤดูกาล 2012-13 มันคือฤดูกาลที่ดีที่สุดของเหล่าแข้งนักเตะแห่งสโมสรบาเยิร์น มิวนิค เลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาได้โค้ชจอมเก๋าอย่าง จุ๊ปส์ ไฮย์เกส เข้ามาทำทีมและสามารถทำให้บาเยิร์น ที่ผิดหวังอย่างบอบช้ำมาจากฤดูกาล 2011-12 ที่พวกเขาปราชัยในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกให้กับ เชลซี ในการดวลจุดโทษ ซ้ำยังมาโดนโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2011-12 เข้าให้อีก สามารถกลับมาผงาดด้วยการคว้า “ทริปเปิ้ลแชมป์” มาครองได้ในฤดูกาล 2012-13 สองตัวริมเส้นของทีมบาเยิร์น สามารถทำผลงานได้อย่างกับซูเปอร์ไซย่า พวกเขาทำให้ฟูลแบ็กของทีมฝั่งตรงข้ามต้องเจอกับงานหนักและรับมือแทบไม่อยู่ โดยเฉพาะกับ ฟรองค์ ริเบรี่ ที่ซึ่งรีดฟอร์มการเล่นที่เรียกว่า “เวิลด์คลาส” ออกมาได้ เขาทั้งยิง ทั้งแอสซิสต์ ทั้งลากเลื้อย ทำให้บาเยิร์นมีเกมรุกที่สะพรึงสุดๆ แถมยังได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปไปนอนกอดเพื่อชิมลางก่อนจะมีการประกาศรางวัล ฟีฟ่า บัลลงดอร์ 2013 ในช่วงปลายปีด้วย แต่สุดท้าย ริเบรี่ ที่เป็นตัวเต็งในรายการนี้มาตลอด กลับโดน “คริสเตียโน โรนัลโด้” จากทีม เรอัล มาดริด เข้าป้ายคว้ารางวัลดังกล่าวไปครองแบบหน้าตาเฉย ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้นักเตะที่เป็นตัวเต็งแถมได้แชมป์ตลอดทั้งฤดูกาล 2012-13 มากกว่าที่โรนัลโด้ได้ด้วยซ้ำ ถึงกับหัวเสียเลยทีเดียว
เวสลีย์ สไนจ์เดอร์
อดีตจอมทัพหมายเลข 10 ของทีมชาติฮอลแลนด์ และ อินเตอร์ มิลาน เคยระเบิดฟอร์มการเล่นระดับเวิลด์คลาสออกมาในฤดูกาล 2009-10 เขาพาทีม อินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์ “ทริปเปิ้ลแชมป์” มาครองได้ ไล่ตั้งแต่ เซเรียอา 2009-10 , โคปปา อิตาเลีย 2009-10 และรวมถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2009-10 ที่ซึ่งนัดชิงชนะเลิศ เขาทำแอสซิสต์สุดเฉียบขาดให้ ดิเอโก้ มิลิโต้ กดประตูใส่บาเยิร์น มิวนิค เด็ดขาด 2-0และรวมถึงยังต่อยอดด้วยการพาทีมชาติฮอลแลนด์คว้ารอแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ได้อีกด้วย โดย สไนจ์เดอร์ ยิงได้ 5 ประตูในทัวร์นาเมนต์ และเกือบจะได้แชมป์โลกแล้วด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าลูกจ่ายปลิดวิญญาณของเขาที่ทำให้ อาร์เยน ร็อบเบน ได้หลุดเดี่ยวไปยิงนั้นเข้าประตูไป แต่ร็อบเบนกลับยิงไปติดเท้าของ อิเคร์ คาซิยาส แบบน่าเสียดาย สไนจ์เดอร์คือตัวเต็งที่จะได้บัลลงดอร์ 2010 อย่างชัดเจนเพราะผลงานตลอดฤดูกาล 2009-10 ทั้งกับสโมสรและทีมชาตินั้นเด่นสุดๆ แต่สุดท้ายพอถึงรอบตัดตัวให้เหลือ 3 คนสุดท้าย เขากลับชื่อหลุดและเป็น ลิโอเนล เมสซี่ จอมทัพจากบาร์เซโลนาที่ได้แค่แชมป์ลาลีกา 2009-10 กับรางวัลดาวยิงสูงสุดลาลีกา ได้รางวัลดังกล่าวไปแบบไม่น่าเชื่อ !
เดวิด เบคแฮม
คราวนี้ถึงคิวของ “หนุ่มเบ็คส์” ในสมัยพีคๆ และเป็นกำลังสำคัญทางฝั่งขวาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดฤดูกาล 1998-99 ที่ซึ่งเขาเปิดบอลและยิงฟรีคิกช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้า “ทริปเปิ้ลแชมป์” มาครองได้สำเร็จ โดยเฉพาะกับนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก 1998-99 ที่สนามกีฬาคัมป์นู เขาเป็นคนที่เปิดลูกเตะมุมเข้าให้ไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่ยิงบาเยิร์น มิวนิค ในช่วงท้ายเกมจนแซงเอาชนะได้แต่ปรากฏว่าในช่วงปลายปี 1999 การประกาศผลรางวัลบัลลงดอร์นั้น นักเตะที่ได้รางวัลไป กลับกลายเป็น ริวัลโด้ โคตรเพลย์เมกเกอร์เลือดแซมบ้าของ บาร์เซโลนา ได้รางวัลไปครองเพราะมีฟอร์มการเล่นส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมกับบาร์ซ่า และยังพาทีมด้แชมป์ลาลีกา 1998-99 พ่วงด้วยแชมป์โคปา อเมริกา 1999 กับทีมชาติบราซิลด้วยอีก มันเลยส่งผลให้ เบคแฮม ได้แค่ที่ 2 เท่านั้น
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
นี่คือรายล่าสุดที่เจอปัญหาแบบนี้ กับตัวของ เลวานดอฟสกี้ โคตรดาวยิงมหาประลัยของ บาเยิร์น มิวนิค ! เขายิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำให้กับบาเยิร์นในฤดูกาล 2019-20 ทั้งพาทีมคว้า “ทริปเปิ้ลแชมป์” ยิงประตูได้มากกว่าใครในบุนเดสลีกา รวมถึงเ)นดาวเตะที่ยิงประตูได้มากที่สุดในแชมเปี้ยนส์ลีกด้วย แต่กระนั้นแล้ว เลวานดอฟสกี้ ก็อดได้บัลลงดอร์อยู่ดีแต่มันแตกต่างจากคนอื่นๆ เพราะเนื่องจากสถานการณ์ของไวรัสโควิด ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกมันเลยทำให้นิตยสารฟรองค์ฟุตบอล ประกาศงดการแจกรางวัลบัลลงดอร์ ซึ่งตัวของ เลวานดอฟสกี้ คือตัวเต็งในรายการนี้อย่างไม่ต้องสงสัย !และเมื่องดแจกรางวัล มันก็น่าเศร้าแทนดาวยิงรายนี้มากเช่นกัน ทั้งๆที่ปีนี้เขาคือเต็ง 1 ที่จะได้บัลลงดอร์ไปนอนกอดแล้วแท้ๆ
