ทุกคนก็คงจะได้เห็นแล้วว่าตอนนี้ผลงานของเหล่าผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะกับกลุ่มทีม TOP4 ของตารางตอนนี้เป็นอย่างไร ใช่แล้ว … มทันคือการขับเคี่ยวกันด้วย สมอง , กลยุทธ์ รวมถึงดวงที่จะเป็นแชมป์ของเหล่า 4 ผู้จัดการทีมที่กำลังพาทีมของตัวเองติด TOP4 ของลีกอังกฤษ และมีลุ้นในด้านการจะพาทีมเป็นแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้เลยทีเดียวถ้าหากว่าเป็นเรื่องของมันสมองในการทำทีม ก็เป็นไปได้ที่ว่า 4 กุนซือที่เราจะพูดถึงในวันนี้ มีมันสมองที่ไม่ได้เป็นรองต่อกันมากเท่าไหร่ แต่ถ้าหากเราจะพูดถึงช่วงเวลาที่ 4 กุนซือเหล่านี้ “เป็นนักเตะอาชีพ” พวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง ใครเด่นใครดังกว่ากัน เราคงต้องมาชมกันสักหน่อย
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รายนี้ถือได้ว่าเป็นกุนซือที่ยังด้อยในเรื่องโปรไฟล์ในการคุมทีมอยู่พอสมควร ถ้าหากเทียบกับอีก 3 กุนซือที่อยู่ในกลุ่ม TOP4 เขายังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากพอสมควรเลยทีเดียวแต่กลับกันในสมัยที่เป็นนักเตะอาชีพ โซลชา คือสุดยอดตำนานศูนย์หน้าฝีเท้าคมที่ซึ่งเป็นแกนหลักของทีมชาตินอร์เวย์ รวมถึงยังเป็นตำนานกองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งก็เป็นทีมปัจจุบันที่เขากำลังคุมทีมอยู่ด้วยโซลชา คือกองหน้าที่มักจะรับบทเป็น “ซูเปอร์ซับ” ลงมาเปลี่ยนเกม และบ่อยครั้งที่การเปลี่ยนตัวลงมาของ โซลชา ในฐานะตัวสำรอง มันทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับชัยชนะหลายๆครั้งและยังได้มาหมดแล้วทุกแชมป์กับสโมสรยูไนเต็ด และได้แขวนสตั๊ดไปกับทีมนี้ด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก 2006-07 เป็นการส่งท้ายอีกด้วย
เจอร์เก้น คล็อปป์ (ลิเวอร์พูล)
ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันผู้นี้ คือผู้จัดการทีมคนแรกของลิเวอร์พูลในรอบ 30 ปีที่พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ในฤดูกาล 2019-20 หลังจากก่อนหน้านั้น เขาพาทีมได้รองแชมป์ลีก แต่ก็ยังได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2018-19 มาครองอีกด้วย และขาดไม่ได้กับแชมป์ บุนเดสลีกา 2 สมัยติดตอนสมัยรับงานคุมทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และมีแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ติดมืออีกด้วย เรียกได้ว่าเกียรติยศในการเป็นผู้จัดการทีมของ คล็อปป์ เรียกว่าสุดยอด ! แต่ในช่วงเวลาที่เล่นบอลอาชีพนั้น คล็อปป์ ถือว่าเป็นนักเตะแกนหลักของทีม ไมนซ์ เขารับบททั้งกองหลัง , แบ็กขวา รวมถึงขยับไปเล่นเป็นกองหน้าด้วยในบางครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่นถึงขั้นติดทีมชาติเยอรมัน แต่ก็ถือได้ว่าเป็นนักเตะท่แฟนบอลไมนซ์รักมากคนหนึ่ง
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส (เลสเตอร์ ซิตี้)
ผู้จัดการทีมเลือดนอร์ทไอริช สร้างชื่อมาจากการทำทีม สวอนซี ซิตี้ ให้เล่นบอลด้วยสไตล์เพรสซิ่งที่สวยงาม ราวกับถอดแบบมาจากบาร์เซโลนา และยังเป็นพระเจ้าของทีม เซลติก ที่พาทีมกวาดแชมป์ได้สารพัด และยังเกือบพาทีมลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้วแต่ว่าในสมัยที่เล่นบอลอาชีพนั้น ร็อดเจอร์ส คืออดีตกองหลังมืออาชีพในลีกบ้านเกิดที่ได้เทิร์นโปรกับ บาลีเมน่า ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุ 13 ปีเท่านั้นในปี 1987 แถมยังเคยติดทีมนักเรียนไอร์แลนด์เหนือลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องกับทีมนักเรียนบราซิลมาแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า ร็อดเจอร์ส ไม่ใช่กองหลังระดับท๊อปที่ฝีเท้าน่าว้าวอะไร และเขาก็กลับใช้เวลาในการเป็นแข้งอาชีพถึงแค่ตอนอายุ 22 ปีเท่านั้นก็แขวนสตั๊ด และได้หันเหไปศึกษาด้านงานโค้ชในปี 1996 อย่างจริงๆจังๆ โดยเขาทัวร์ไปทั่วประเทศสเปนเพื่อศึกษาสไตล์ฟุตบอลที่เขาชื่นชอบ
โฮเซ่ มูรินโญ่ (สเปอร์ส)
ยอดกุนซือชาวโปรตุเกสที่ไม่ว่าจะไปทำทีมไหน ทีมไหนต้องมีแชมป์ติดมือแน่นอนเป็นเครื่องการันตี แต่ว่าเมื่อพูดถึงช่วงเวลาที่มูรินโญ่เป็นนักเตะอาชีพ เขาเป็นนักเตะที่ไม่ได้โด่งดังอะไรเลย และยังเป็นมิดฟิลด์ฝีเท้าธรรมดาๆ ที่หาได้จากทีมสมัครเล่นทั่วๆไปด้วยซ้ำ แล้วที่สำคัญ เจ้าตัวเป็นนักเตะที่มักโดนโค้ชเฉ่งเป็นประจำถึงเรื่องการเล่นบอลที่ขี้เกียจมูรินโญ่เล่นบอลอาชีพแค่ 7 ปีก็เลิกเล่นแล้วหันไปเรียนรู้งานโค้ชแทน
