มันต้องช่วยทีม ! 3 นักเตะผู้เล่นเป็นกองหน้ายามจำเป็นแล้วทำได้ดี

พอล สโคลส์

พอล สโคลส์

ปกติถ้าหากว่าเราจะพูดถึงตัวของ พอล สโคลส์ เราก็นึกถึงการเล่นในแดนกลางของ สโคลส์ ที่ทำให้แดนกลางของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นทรงพลัง ดุดัน สามารถขับเคลื่อนแดนกลางจนทำให้ฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่สามารถเจาะทำลายแดนกลางเข้าไปถึงพื้นที่สุดท้ายของพวกเขาได้ โดยเฉพาะกับตัวของ สโคลส์ ที่ซึ่งคอยทำหน้าที่เป็นตัวเปิดเกมรุกจากแดนมิดฟิลดืโดยเฉพาะเขาไม่ได้มีลีลาการเล่นราวกับเพลย์เมกเกอร์เชิงคลาสสิกที่เล่นบอลสวยงามอะไร แต่เขามีทักษะในการครองบอลที่ดี และยังวางบอลยาวได้อย่างแม่นยำราวจับวางเลยทีเดียวแต่กระนั้นแล้ว สิ่งที่หลายๆคนต่างทึ่งในความสามารถของตำนานมิดฟิลด์หัวแดงเพลงรายนี้นั่นก็คือ “การยิงแถวสอง” ที่หนักหน่วง ทรงพลัง แถมยังแม่นยำ โดยเขาทำประตูให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แตะหลัก 100 ประตูเลยทีเดียวทั้งๆที่เล่นในตำแหน่งกองกลางแต่ว่าในช่วงปี 2002 มันคือช่วงที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีการปรับระบบการเล่นเพื่อให้อำนวยต่อการเล่นของ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติอาร์เจนติน่า มันเลยทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทดลองอะไรบางอย่าง นั่นคือการส่งตัวของ สโคลส์ ไปเล่นในบทบาทของกองหน้าตัวต่ำ ที่คอยซัพพอร์ทหน้าเป้าอย่าง รุด ฟาน นิสเตลรอย แต่ผลก็คือ สโคลส์ ยิงประตูได้มากถึง 20 ประตูจากทุกรายการเลยทีเดียว !และหลังจากนั้นในบางโอกาส เราจึงได้เห็น สโคลส์ เล่นในบทบาทหน้าต่ำอยู่บ่อยครั้ง และทำประตูให้กับทีมได้อย่างมากมายเลยทีเดียว

ไบรอัน เลาดรู๊ป

ไบรอัน เลาดรู๊ป

ตำนานลูกหนังชาวเดนมาร์กรายนี้ จัดว่าเป็นอีก 1 เมจิกลูกหนังที่ชอบการเล่นในบทบาทปีกซ้ายเป็นที่สุด ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ โดยเฉพาะกับลีลาการลากบอลตัดเข้าในเพื่อทำแอสซิสต์หรือยิงประตูด้วยเท้าขวาของเขานั้นมันสุดยอดเลยทีเดียวการเลี้ยงบอลของเลาดรู๊ปนั้น มีเพื่อนร่วมทีมกลาสโกว เรนเจอร์ส พูดเอาไว้ว่าในเวลาได้ฝึกซ้อมร่วมกันนั้น การแย่งบอลจากเท้าของเลาดรู๊ป เป็นสิ่งที่ยากที่สุด และการเปิดบอลใส่พานของเขานั้นก็แจ่มแจ๋วมากด้วยเช่นกันแต่ว่าในฤดูกาล 1996-97 สมัยที่เขายังเล่นให้กับ กลาสโกว เรนเจอร์ส มันได้เกิดเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้ วอลเตอร์ สมิธ กุนซือของทีมต้องปวดหัวมากเลยทีเดียว เมื่อตัวของ ดันแคน เฟอร์กูสัน กองหน้าตัวเก่งของทีมนั้นบาดเจ็บ รวมถึงกองหน้ารายอื่นๆก็ด้วย สมิธ เลยจำเป้นจะต้องรีบแก้ปัญหาโดยด่วนเขาเล็งไปที่ตัวของ เลาดรู๊ป ที่ปกติจะเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวริมเส้นด้านซ้ายเป็นหลัก แต่ในเมื่อมีทักษะในการจบสกอร์ที่คมกริบขนาดนั้น เขาเลยคิดที่จะพึ่งพา เลาดรู๊ป ในการเล่นเป็นกองหน้าตัวปิดสกอร์และสุดท้ายนั้น เขาลงเล่นไป 33 เกม ยิงได้มากถึง 16 ประตูเลยทีเดียวในบทบาทกองหน้าตัวเป้า และยิงแฮททริกใส่ เซลติก ในศึกดาร์บี้แมตช์ ช่วยให้ทีมคว้าชัยได้ 5-1 อีกด้วย

เคราร์ด ปิเก้

เคราร์ด ปิเก้

นี่เป็นการดัดแปลงนักเตะที่แหวกแนวที่สุดของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในสมัยที่คุมทีม บาร์เซโลน่า เมื่อ 12 ปีก่อนเลยทีเดียว โดยในบางเกมนั้นถ้าหากว่าพวกเขาเจอทีมที่เน้นบอลตั้งรับ และอาศัยการเจาะด้วยการต่อบอลสั้นแบบที่ถนัดไม่ได้จริงๆ เป๊ป ก็จะเปลี่ยนสูตรเข้าทำในทันทีเป๊ป จะเปลี่ยนสูตรเกมรุกมาเป็นการเปิดบอลครอสจากริมเส้น ให้เข้าหัวนักเตะที่ตัวสูงๆในทีมทันที ไม่ว่าจะเป็นในจังหวะโอเพ่นเพลย์ หรือตอนได้เตะมุม ซึ่งคนที่เป๊ปเลือกที่จะใช้งานในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้ายามที่ต้องเจาะด้วยลูกโด่ง นั่นคือตัวของ เคราร์ด ปิเก้ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวเก่งของทีมนั่นเองเพราะความที่ปิเก้ตัวสูงกว่าใครเพื่อน มันเลยทำให้เขาได้กลายเป็นตัวโจ๊กเกอร์ในบางเกม ที่เขาต้องไปเล่นกองหน้าจำเป็น อย่างเช่นในเกมกับอินเตอร์ มิลาน ในปี 2010 ที่เขายิงประตูได้นั่นเอง