ไม่ว่าจะลีกไหน ต่างก็มีเหตุการณ์น่าสนใจได้เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้แต่ในลีกสเปนก็ด้วย ว่าแต่มันมีอะไรที่เกิดขึ้นบ้าง อะไรขึ้นที่ทำให้แฟนบอลร้องซี้ดซ้าดกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ต่อไปนี้จะเป็น 10 เรื่องราวที่น่าสนใจ และยังถือว่าเป็นความสำเร็จของลีกสเปนในการแข่งขันระดับลีกยุโรป และรวมถึงเรื่องราวดีๆที่นักเตะที่ได้รับบาดเจ็บ ก็ยังได้รับกำลังใจจากแฟนบอลกันอย่างล้นหลามเลยทีเดียว !
ความสำเร็จของทีมฟุตบอลจากลีกสเปนถึง 4 ทีม ที่ได้ทะลุเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปียนส์ลีก !
รอบแบ่งกลุ่มของถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 ได้จบลงไปแล้ว และเหล่าทีมระดับอ๋องทั้ง 4 ทีมของลาลีกา ก็ยังคงได้เล่นในรายการนี้ต่อไป โดยได้เข้ารอบไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายกันอย่างครบถ้วน ไม่มีทีมไหนตกรอบไปเล่นในยูโรป้าลีก หรือได้บ๊วยจนอดไปเล่นในถ้วยรอง
ว่าแต่ทีมที่ยังได้ไปต่อ มันมีทีมไหนบ้าง ก็ไล่ตั้งแต่ บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด ได้จองที่นั่งในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้ายจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
และที่น่าสนใจก็คือ บาเลนเซีย ที่ปีนี้เตรียมทีมมาดีเหลือเกิน พวกเขาได้เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปด้วยและยังมี แอตเลติโก มาดริด ที่ซึ่งพวกเขาผ่านอาแจ็กซ์ไปได้ด้วยชัยชนะ 1-0 และเอาชนะ โลโคโมทีฟ มอสโก 2-0 ตามลำดับมาจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว !
บาร์เซโลนา และ บาเลนเซีย ถ้าหากว่าสามารถทำผลงานได้ดีในรอบ 16 ทีมสุดท้ายจนผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้นั้น พวกเขาก็ยังมีโอกาสเช่นกันที่จะได้มาเจอกันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ความสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ของทีมจากลีกสเปน ที่ได้ก้าวไปเล่นในรอบ 32 ทีมสุดท้ายของถ้วยยูโรป้าลีก
ใครว่าทีมจากสเปนทำผลงานสุดเทพในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกแค่ถ้วยเดียวกันล่ะ ในถ้วยยูโรป้าลีกนั้นทีมจากแดนกระทิงดุก็เทพเช่นกัน ! เมื่อมีถึง 3 ทีมที่เข้ารอบ 32 ทีมสุดท้ายของถ้วยยูโรป้าลีกไปได้
เกตาเฟ่ กระหน่ำใส่ ครัสโนดาร์ 3-0 จนพวกเขา ทะลุเข้าไปพร้อมกับ เซบีย่า และ เอสปันญอล ที่ต่างฝ่ายก็สามารถผ่านเข้ารอบไปเล่นในรอบน็อคเอาท์ของถ้วยยูโรป้าลีกได้สำเร็จ มันทำให้พวกเขามั่นใจได้เลยว่า ในถ้วยยูโรป้าลีกนั้น ยังมีโอกาสอย่างมากที่ทีมจากสเปน จะกลับมาครองความเป็น 1 ได้อีกครั้งเหมือนกับเมื่อหลายปีก่อน และมันก็จะสร้างความมั่นใจในการเล่นเกมลีกในช่วงสุดสัปดาห์นี้อีกด้วย
เน่าพอกันสำหรับบาร์ซ่าและมาดริด ก่อนที่จะเจ๊าจืดต่อกันในเอล คลาซิโก้
บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด เพิ่งจะซัดกันแบบจืดๆน่าเบื่อ ชวนง่วงนอนกันไปในการแข่งขันเอล คลาซิโก้ ที่เพิ่งจะจบไป ด้วยสกอร์สุดจืด 0-0 ที่คัมป์นู แต่ประเด็นที่ว่าทั้งสองทีมต่างก็มีผลงานที่ไม่ดีพอกันนั้น มันเป็นจริงๆ และเกิดขึ้นในช่วงก่อนที่ทั้งสองทีมจะมาดวลแข้งกันในเอล คลาซิโก้ อีกด้วย
การแข่งขันที่ยากลำบากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ทั้งสองทีมต่างก็พาเหรดกันเก็บได้คนละ 1 แต้ม พอๆกันเลยทีเดียว โดยต่างฝ่ายต่างเจอคู่ต่อสู้ที่เป็นของหนักพอกัน โดยฝ่ายทีมดังของคาตาลัน ทำได้แค่เสมอกันไป 2-2 ในเกมกับเรอัล โซเซียดาด และทางด้านของ เรอัล มาดริด ก็ทำได้แค่เสมอกันไป 1-1 ในการเจอบาเลนเซีย
และเหมือนกับว่าทั้งสองทีมจะชอบเหลือเกินกับการแชร์แต้มกับฝ่ายตรงข้าม เมื่อยังมาเสมอกันอีกเป็นสกอร์ 0-0 ในเกมเอล คลาซิโก้ที่แฟนบอลที่ตามติดทางหน้าจอ ต่างก็พากันง่วงเหงาหาวนอนกันไปหมด
ชัยชนะที่ยอดเยี่ยม พร้อมการกลับมาของ วิทอริโน อันตูเญส
เกตาเฟ่ กำลังมีผลงานที่บินสูงมาก และชัยชนะในเกมล่าสุดของพวกเขาที่มีเหนือ เรอัล บายาโดลิด ด้วยสกอร์ 2-0 ทำให้พวกเขารั้งอันดับที่สี่ในตารางแล้ว
แต่เหตุผลสำคัญอีกประการสำหรับพวกเขาก็คือ สโมสรดังจากกรุงมาดริดทีมนี้ ได้ต้อนรับการกลับมาของ วิทอริโน อันตูเญส แบ็คจอมบุกที่กลับมาจากการได้รับบาดเจ็บหนักได้แล้ว
แบ็คซ้ายรายนี้ กลับมาเล่นในทีมชุดแรกเมื่อในวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ โดยมันเป็นการลงสนามครั้งแรกให้กับทีมนับตั้งแต่วันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมาเลยทีเดียว
ฆวนฟราน กับการได้รับเกียรติอย่างสูงที่ ว่านต๋า เมโทรโพลิตาโน
ได้มีการมอบรางวัลอันทรงเกียรติสำหรับ ฆวนฟราน แบ็คขวาระดับตำนานของสโมสรแอตเลติโก มาดริด ที่สนามว่านต๋าในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา และยังเป็นการกลับมาเยี่ยมสโมสรเก่าของเขาพอดีด้วย และแน่นอนว่า ในเกมที่เจ้าตัวได้เข้ามาชมนั้นก็บังเอิญว่าเป็นเกมที่แอตเลติโก มาดริด ได้เจอกับ โอซาซูนา ซึ่งเป็นอดีตสโมสรของฆวนฟรานเช่นกัน
เขาใช้เวลาเก้าฤดูกาลกับแอตเลติโก มาดริด – และเล่นให้กับโอซาซูนาเป็นเวลาห้าฤดูกาล
เขาย้ายออกจากทีมแอตเลติโก ไปในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เพื่อเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่กับเซาเปาโลในบราซิล และเขาได้กลับไปที่บ้านเก่าของเขาอีกครั้งหนึ่ง
ลูกยิงระดับประวัติศาสตร์ของ อันซู ฟาติ ปีกดาวรุ่งจาก บาร์เซโลนา
ด้วยความที่เจ้าตัวมีอายุเพียงแค่ 17 ปีกับอีก 40 วันเท่านั้นของ อันซู ฟาติ กองหน้าดาวรุ่งของสโมสรบาร์เซโลนา แต่มันก็ใช่ว่าจะเป็นแค่เด็กอมมือ เพราะกองหน้าดาวรุ่งรายนี้ ได้กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำประตูได้ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก !
เขาทำประตูได้ในชัยชนะเหนือทีม “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน 2-1 ในการแข่งขันนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มอีกด้วย ซึ่งมันเป็นฤดูกาลแรกของเขาที่ได้ลงเล่นให้กับบาร์เซโลนาชุดใหญ่ และยังเป็นการยิงประตูที่ทำลายสถิติจากฝีเท้าของ ฟาติ ซึ่งได้กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงได้ในแชมเปี้ยนส์ลีก
และนอกจากนี้ เขายังสร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับที่ 3 ในลาลีกา ที่สามารถทำประตูได้ใน ลาลีกา ซานทานแดร์ และยังสามารถทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆด้วยเช่นกัน
สมานฉันท์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายสำหรับ 2 เทรนเนอร์หน้าใหม่ของ 2 ทีมแห่งแคว้นบาสก์
สโมสรแอธเลติก บิลเบา ซึ่งเป็นทีมเก่าแก่ของลีกสเปน มีการเปลี่ยนแปลงเทรนเนอร์ในฤดูกาลนี้โดยใช้งาน กาอิซก้า คาริตาโน และในเกมประเดิมของ คาริตาโน เขาก็ได้รับโอกาสในการเป็นรังรับการมาเยือนของทีมเพื่อนบ้านของพวกเขาแห่งแคว้นบาสก์ นั่นก็คือทีม เออิบาร์ ในศึก “บาสก์ ดาร์บี้” เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
แถมมันยังเป็นอะไรที่สุดแสนจะพิเศษสำหรับโค้ชของทั้งสองสโมสรอีกด้วย เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดาสำหรับทั้งตัวของ กาอิซก้า คาริตาโน และรวมถึงตัวของ โฆเซ หลุยส์ เมนดิลิบาร์ เทรนเนอร์ใหม่ของทีมเออิบาร์ ที่ได้ประเดิมการคุมทีมลงเล่นเป็นนัดแรกเช่นกัน และเมื่อโค้ชของทั้งสองฝ่ายที่ต่างก็เพิ่งจะได้ประเดิมการคุมทีมเป็นเกมแรกเหมือนกัน สุดท้ายนั้นก็เกิดความสมานฉันท์ เมื่อพวกเขาคุมทีมให้จบลงด้วยการเสมอกันไป 0-0 ในเกมลีกนัดนี้ซะแบบนั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าผลงานของบิลเบานั้นยังไม่กระเตื้องขึ้นมาเท่าไหร่นัก
ปินา กับ กินี สองดาวเตะที่บาดเจ็บ ต่างก็ได้รับแรงสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลทีมตัวเองเสมอ
โทมัส ปินา กองกลางของสโมสรอลาเบส และตัวของ กินี ฟูลแบ็คของสโมสรกรานาด้า ต่างฝ่ายต่างเจอช่วงเวลาที่ย่ำแย่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการเปิดเผยว่าผู้เล่นทั้งสองคนต่างได้รับบาดเจ็บหนัก ซึ่งมันสามารถทำให้พวกเขาทั้งคู่อดได้ลงสนามจนกระทั่งถึงช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้เลยทีเดียว
และในช่วงเวลาของความเซ็งที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ก็ยังมีเรื่องที่ดีเกิดขึ้นสำหรับสองดาวเตะจากสองสโมสรเช่นกัน เพราะพวกเขาก็ยังคงได้รับกำลังใจจากเพื่อนร่วมทีมของพวกเขา และรวมถึงแฟนบอลของสโมสรอีกด้วย ที่ต่างก็ให้การสนับสนุนในขณะที่ทั้งสองคนยังได้รับบาดเจ็บและยังต้องพักรักษาตัว และพวกเขาก็มีความหวังมากขึ้นที่จะได้รับโอกาสในการกลับมาลงเล่นให้กับต้นสังกัดของตัวเองให้ได้โดยเร็วที่สุดในอีกไม่นานหลังจากนี้ด้วยเช่นกัน
สถิติการครอสบอลอันสูงจนเป็นประวัติการณ์ของ เซบีย่า !
เซบีย่าที่ผ่านมานั้นคือทีมที่มีความโดดเด่นในเรื่องการสวนกลับเร็ว และต่อบอลสั้น แต่ไม่น่าเชื่อว่าในการแข่งขันลาลีกานัดล่าสุดนั้น พวกเขาสร้างสถิติที่ไม่น่าเชื่อขึ้นมาได้ นั่นก็คือนักเตะของทีม พยายามเปิดบอลข้ามฟาก หรือ “ครอสบอล” มากถึง 68 ครั้งในระหว่างการแข่งขันกับ “เรือดำน้ำสีเหลือง” บียาร์เรอัล ในเกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
โดยสถิติการเปิดบอลข้ามฟาก 68 ครั้งของพวกเขานั้น ได้กลายเป็นสถิติที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาอีกด้วย หลังจากที่พวกเขาเจอการบีบเพรสซิ่งในแดนกลางจนไม่สามารถหาช่องในการจ่ายบอลสั้นกลางสนามได้ (แม้ว่าทีมจะมี ยูเลน โลเปเตกี เทรนเนอร์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการทำทีมสไตล์ต่อบอลสั้น)
แต่ผลที่ออกมา ก็ไม่รู้ว่าพวกเขารับได้หรือไม่ เพราะ เซบีย่า นั้นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 2-1 ในนัดพวกเขาเปิดบ้านของตัวเองรับการมาเยือนของบียาร์เรอัล สถิติการเปิดบอลไปมาของพวกเขาในรามอน ซานเชซ ปิฆวน เรียกว่าไร้ซึ่งประโยชน์ไปเลยในเกมนี้
ผู้เล่นจากลาลีกาถึง 10 คนได้รับการเสนอชื่อเป็นนักเตะที่จะได้ขึ้นปกเป็นพรีเซนเตอร์ของเกมฟุตบอล FIFA 20
Electronic Arts (EA) เจ้าของลิขสิทธิ์เกมฟุตบอลชื่อดัง FIFA ได้เปิดเผยตัวเลือกจากนักเตะหลายต่อหลายที่บริษัทได้ทำการคัดเลือกเอาไว้ สำหรับนำมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับปกเกม FIFA 20 ที่จะเตรียมวางจำหน่ายในปีหน้า และมันก็มีผู้เล่นจากลาลีกาส่งเข้าประกวดถึง 10 คนเลยทีเดียวที่ EA ได้เล็งเอาไว้
ไล่ตั้งแต่ตัวของ เอเดน อาซาร์ กองกลางตัวรุกชาวเบลเยียมของเรอัล มาดริด , แฟรงกี้ เดอ ยองก์ กองกลางชาวดัตช์ของ บาร์เซโลนา , คาริม เบนเซเม่า หอกตัวเป้าของเรอัล มาดริด , ลูก้า โมดริช จอมทัพจากเรอัล มาดริด, ลิโอเนล เมสซี่ จอมทัพของ บาร์เซโลนา, ฆอร์ดี้ อัลบา แบ็คซ้ายของ บาร์เซโลนา , เซร์คิโอ รามอส กองหลังจากเรอัล มาดริด, โฆเซ มาเรีย กิเมเนซ , ยาน โอบลัค และสุดท้ายคือ มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น
รายชื่อทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะที่ EA จับตามองและหลายๆคนในที่นี้มีผลงานที่ดีกับต้นสังกัดของพวกเขาด้วยเช่นกัน
อุปสงค์-อุปทาน ! ดีลการค้านักเตะระหว่างสโมสรจนเป็นตำนาน
คุณเคยได้ยินเรื่อง “อู่ข้าวอู่น้ำ” ในวงการฟุตบอลกันบ้างรึเปล่า ใช่แล้ว มันมักจะมีจุดที่แฟนบอลและนักวิจารณ์สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ ในอดีตที่ผ่านมานั้นจะต้องมีสโมสรฟุตบอล 2 แห่งที่มักจะติดต่อกันเสมอเพื่อขอซื้อนักเตะร่วมกันอยู่บ่อยครั้ง เอาไปปั้นต่อบ้าง ซื้อไปใช้งานเลย และเมื่อไหร่ที่ตลาดนักเตะใกล้จะเปิดทำการนั้น นักเตะจากสโมสรนี้ก็จะมีข่าวอยู่เสมอว่าจะย้ายไปเล่นให้กับสโมสรที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่ค้าสำคัญของสังกัดปัจจุบันของตัวเองอยู่เสมอเลยทีเดียว
วันนี้เราเลยจะนำทุกท่านไปดูสโมสรที่มักจะมีการดีลซื้อขายนักเตะร่วมกันเป็นประจำ จนชนิดที่แทบจะมองว่าเป็นเพื่อนพาร์ทเนอร์และหุ้นส่วนในการทำธุรกิจกันเลยทีเดียว !
บาร์เซโลนา – อาแจ็กซ์
ตั้งแต่อดีตมาแล้วที่สโมสรบาร์เซโลนา มักจะทำการค้ากับสโมสรอาแจ็กซ์ เพราะสองสโมสรนี้เหมือนจะมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกัน ทั้งในเรื่องปรัชญาการเล่นเกมรุก และเรื่องการวางระบบทีมเวชนของสโมสรนั่นเอง แถมไมได้มีแค่เรื่องนักเตะเท่านั้น แม้แต่โค้ชเองก็เช่นกัน สองสโมสรนี้ส่งตัวโค้ชให้กันอีกด้วย
ในอดีตนั้น บาร์เซโลนาซื้อตัวนักเตะจากอาแจ็กซ์หลายต่อหลายคน ไล่ตั้งแต่ โยฮัน ครัฟฟ์ , โยฮัน นีสเก้น และยังได้ตัวของ ไรนุส มิเชลล์ ตำนานเทรนเนอร์ของอาแจ็กซ์มารับงานในการเป็นเทรนเนอร์ของบาร์เซโลนาอีกด้วย
ต่อมาในช่วงยุค 90 บาร์เซโลนาก็ยังคงดีลกับอาแจ็กซ์อย่างต่อเนื่อง เมื่อพวกเขาได้ทาบทาม โยฮัน ครัฟฟ์ ที่เวลานั้นได้ทำงานเป็นเทรนเนอร์ของอาแจ็กซ์ ให้กลับมายังถิ่นคัมป์นูเพื่อทำงานเป็นเทรนเนอร์ของบาร์ซ่า
ช่วงปลายยุค 90 ทีนี้บาร์เซโลนามีการรวบเอานักเตะและโค้ชของอาแจ็กซ์ จากทีมชุดแชมป์ยุโรป 1995 มาอยู่รวมกันที่บาร์ซ่าหลายคนเลยทีเดียว ทั้ง หลุยส์ ฟาน กาล ที่มาเป็นเทรนเนอร์ , พี่น้องฝาแฝดเดอ บัวร์ (เราขอไม่นับนักเตะที่ย้ายไปเล่นกับทีมอื่นก่อน และย้ายมายังบาร์ซ่าในภายหลัง)
ในยุคล่าสุดนี้นั้น นักเตะที่บาร์ซ่าได้ตัวมาจากอาแจ็กซ์ก็ไม่ใช่ใครอื่นเลย ก็เป็นตัวของ แฟรงกี้ เดอ ยองก์ จอมทัพเจนใหม่ชาวดัตช์นั่นเอง !
ว่าแต่ว่าฝั่งของอาแจ็กซ์นั้น เคยได้อะไรจากบาร์ซ่าไปบ้าง อย่างน้อยบาร์ซ่าก็มีปล่อยตัวของ โอเลเกร์ เปรซาส แบ็กขวาชาวสเปนให้อาแจ็กซ์เอาตัวไปใช้งาน และยังมี อันเดร โอนานา ผู้รักษาประตูดาวรุ่งชาวแคเมอรูนที่อาแจ็กซ์ได้ตัวไปจากบาร์เซโลนานั่นเอง
เรอัล มาดริด – อาแจ็กซ์
ใครว่ามีแต่บาร์เซโลนาเท่านั้นที่เป็นคู่ค้าคนสำคัญของอาแจ็กซ์ เพราะในช่วงยุค 2000 เรอัล มาดริด ก็มีการติดต่อกับอาแจ็กซ์เพื่อคว้าตัวสตาร์นักเตะจากทีมดังของลีกกังหันลมมาเล่นด้วยพอสมควรเช่นกัน โดยเฉพาะกับบิ๊กเนมในเวลานั้นอย่าง เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ ที่ย้ายมาเล่นกับทีมด้วยค่าตัวแรงพอสมควร แถมยังทำผลงานได้ดี แล้วก็ขาดไม่ได้กับ คลาส-แยน ฮุนเตลาร์ อดีตกองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ที่ย้ายมาตอนต้นปี 2009
เอซี มิลาน – บาร์เซโลนา
สองทีมนี้ ก่อตั้งในปีเดียวกันคือปี 1899 และมีแนวทางการเล่นเหมือนกันคือเล่นเกมรุก แต่แค่ระบบการเล่นเกมรุกของสองทีมนี้มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง
มิลาน ได้นักเตะจากบาร์เซโลนาไปหลายคน และในทางกลับกันนั้น บาร์เซโลนาเองก็ได้นักเตะจากเอซี มิลาน ไปเล็กน้อย อย่างเช่นในรายของ มิเชล ไรซีเกอร์ , พาทริค ไคลเวิร์ต , เดมิทริโอ อัลแบร์ตินี่ ที่มีโอกาสย้ายไปเล่นให้กับบาร์เซโลนา
ส่วนทางด้านของบาร์เซโลนา ก็ปล่อยสตาร์นักเตะระดับโลกให้กับมิลานไปหลายคนเช่นกัน โดยเฉพาะกับรายของ โรนัลดินโญ , ซลาตัน อิบราฮิโมวิช , ริวัลโด้ แต่ในสามรายนี้นั้นก็ดูเหมือนกับว่าจะมีเพียงแค่ ซลาตัน เพียงคนเดียวที่เข้าข่ายว่าทำผลงานได้ดีที่สุด (โรนัลดินโญ เลยจุดพีคไปแล้ว ส่วนริวัลโด้ ไปได้รางวัลนักเตะยอดแย่ของลีกซะแบบนั้น)
บาร์เซโลนา – อาร์เซนอล
เคยมีคนกล่าวไว้ว่า อาร์เซนอล แทบจะเป็นสโมสร “บาร์เซโลนาสาขา 2” กันเลยทีเดียว เพราะบาร์ซ่านั้นตัวของนักเตะจากอาร์เซนอลไปร่วมทีมด้วยหลายต่อหลายรายเลยทีเดียว ซึ่งถ้าดูตั้งแต่อดีตมานั้นก็เรียงมาเลยตั้งแต่ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส , เอ็มมานูเอล เปอตีต์ , โจวานี ฟาน บรองฮอร์สต์ , เธียร์รี่ อองรี , อเล็กซ์ซานเดอร์ ฮเล็บ , เชส ฟาเบรกัส (โดยเฉพาะรายนี้ อาร์เซนอลเป็นฝ่ายไปเอาตัวมาจากบาร์เซโลนาตั้งแต่ยังเป็นนักเตะเยาวชนด้วยซ้ำ แล้วก็โดนบาร์เซโลนาชิงตัวกลับไปได้ในปี 2011) และแม้แต่นักเตะฝีเท้าธรรมดาๆก็คือ อเล็กซ์ ซง ก็ยังอุตส่าห์มีโอกาสย้ายไปเล่นด้วย
รายล่าสุดที่ได้ย้ายจากอาร์เซนอลมาเล่นให้กับบาร์เซโลนาก็คือ โธมัส แฟร์มาเล่น
แล้วทางอาร์เซนอลเองก็ใช่ว่าจะยอมให้บาร์ซ่ามาเอาแต่นักเตะตัวเองไปเท่านั้น พวกเขาได้ตัวของ เชส ฟาเบรกัส และ เฮคเตอร์ เบเญริน มาจากทีมเยาวชนบาร์เซโลนาเลยทีเดียว
