ประวัติสโมสร ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (Bayer 04 Leverkusen)

ประวัติสโมสร ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เป็นสโมสรเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีเป็นสโมสรระดับกลาง ปัจจุบันสนามเหย้าคือ ไบอารี่น่า ตั้งอยู่ที่เมือง เลเวอร์คูเซ่น ประเทศ เยอรมนี สนามสามารถจุคนดุได้อยู่ที่ 30,210 ที่นั่ง มีฉายาที่ตามคนไทยเรียกกันคือ ห้างขายยา ซึ่งมีที่มาเกี่ยวข้องกับเรื่องของบริษัทยาโดยตรง จุดเริ่มต้นของสโมสรแห่งนี้เดิมทีเป็นการรวมทีมของพนักงานบริษัทขายยา ไบเออร์ บริษัทที่มีเครือข่ายองค์กรอยู่ทั่วโลก ในบริษัทมีหน่วยงานหนึ่งที่ชื่อว่า ไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซ่น ทีเอสวี พวกเขามีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับพนักงานและคนในองค์กรที่ต้องการจะเล่นกีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งมาราธอน ยิมนาสติก หรือแม้แต่ บาสเก็ตบอล ด้วยความที่บริษัทต้องการที่จะพัฒนาตัวบุคลากรอยู่แล้วหลังจากที่มีพนักงานจำนวนมากรวมตัวกันเพื่อร้องขอให้บริษัทสร้างสโมสรกีฬาขึ้นมา ผู้บริหารให้ ไบเออร์ ก็ไม่รีรอรีบอนุมัติให้มีการก่อตั้งสโมสรขึ้นมาในทันทีเพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายที่พวกเขามองไว้ตั้งแต่แรกว่าอยากจะให้บุคลากรของพวกเขาได้มีกิจกรรมสันทนาการเพราะว่าเดิมทีจุดที่ตั้งของบริษัทอยู่ค่อนข้างที่จะห่างไกลจากผู้คนและความเจริญที่เข้าไม่ค่อยจะถึงเนื่องจากตั้งอยู่แทบติดกับภูเขาจึงเป็นคำตอบที่ดีที่จะมีการจัดตั้งสโมสรกีฬาขึ้นมา แต่สำหรับสโมสรกีฬาฟุตบอลถูกแยกออกมาเป็นอีกส่วนต่างหากเมื่อปี 1999 เนื่องจากความสนใจเกี่ยวกับฟุตบอลของคนในประเทศมีค่อนข้างมากและน่าจะถูกจัดการบริหารอย่างเป็นสัดส่วน บริษัท ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่เห็นดีเห็นงามให้จัดตั้งสโมสรขึ้นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วยังช่วนสนับสนุนเงินจำนวนมากเพื่อการพัฒนาทางด้านการกีฬาจนเป็นที่ยกย่องของสมาคมฟุตบอลเยอรมันเพราะมีส่วนร่วมในการสนับสนุนฟุตบอลที่เป็นกีฬาอันดับหนึ่งของประเทศเยอรมัน นอกจากนั้น ไบเออร์ ยังมีสโมสรกีฬาอยู่ทั่วโลกถึง 13 แห่งด้วยกันโดยมีสมาชิกในสโมสรมากถึง 29,000 คนทั่วโลก

เส้นทางสู่ลีกสูงสุดของ ห้างขายยา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

เดิมทีพวกเขาเล่นอยู่ในลีกดิวิชั่น 4 กว่าจะขึ้นมาสู่ดิวิชั่น 3 ได้ก็ใช้เวลานานพอสมควรเนื่องจากสมาชิกของทีมในตอนนั้นยังไม่ค่อยมีผลงานที่โดดเด่นและยังเกิดภาวะสงครามโลกทำให้การก้าวหน้าของสโมสรไม่ค่อยที่จะเดินหน้าสักเท่าไหร่หลังจากที่ก่อตั้งสโมสรมา 26 ปีราวๆปี 1930 ผลงานของพวกเขาก็ยังไม่โดดเด่นมากแต่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจนกระทั่ง 6 ปีต่อมาพวกเขาก็ยกระดับทีมขึ้นมาจนเข้าสู่ดิวิชั่น 2 ของเยอรมันได้อย่างน่าประทับใจ ในปีเดียวกันที่พวกเขาเลื่อนชั้นขึ้นมาก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัปเกรดตราสโมสรใหม่โดยใส่สัญลักษณ์ไม้กางเขนเอาไว้ในโลโก้เป็นตัวหนังสือที่เขียนว่า Bayer ไขว้กันและหลังจากนั้นเป็นต้นมาตราสโมสรก็ใช้แบบนี้มาตลอดจนถึงยุคปัจจุบัน หลังจากที่เลื่อนชั้นขึ้นมาผลงานของ เลเวอร์คูเซ่น ยังทำได้ไม่ค่อยเข้าตาสักเท่าไหร่ทำให้ต้องล่วงชั้นลงไปอีกครั้งในฤดูกาล 1962 จนแล้วจนเล่าเมื่อความผิดหวังกลายเป็นพลังและแรงขับเคลื่อนในที่สุดสโมสรก็สามารถเขียนประวัติศาสตร์ให้กับแฟนๆได้สำเร็จ พวกเขาเลื่อนชั้นขึ้นสู่เวทีลูกหนัง บุนเดสลีก้า เยอรมัน ในปี คศ.1979-1980 และทำผลงานอยู่ในเกนท์ที่พอใช้ได้ไม่ได้ดีมากแต่ก็สามารถเกาะตำแหน่งกลางตารางคะแนนมาได้อย่างปลอดภัยแถมยังมีโอกาสตีตั๋วไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปมาแล้ว ทำให้สโมสรได้รับคำชื่นชมและเริ่มมีคนรู้จักเพิ่มขึ้น ยิ่งเมื่อช่วงปี 1988 พวกเขาได้โอกาสในศึกฟุตบอล ยูฟ่า คัพ หรือ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก ในปัจจุบัน โดยสามารถผ่านเข้าไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศกับสโมสร เอสปันญ่อล ที่มาจากสเปน โดยกติกาในยุคนั้นยังกำหนดให้นัดชิงแข่งขันกันที่นัดเหย้านัดเยือน เกมแรก ห้างขายยา บุกไปพลาดท่าแพ้ให้กับ เอสปันญ่อล ก่อนด้วยสกอร์แบบขาดลอย 3-0 เกมในบ้านดูเหมือนว่าพวกเขาจะหมดลุ้นแชมป์รายการนี้ไปสะแล้วแต่แล้วด้วยความกระตือรือล้นและเสียงเชียร์จากแฟนบอลที่เข้ามาช่วยกันให้กำลังใจทำให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น กลับมาพลิกชนะ 3 ประตูเช่นกันทำให้ทั้งสองทีมมีประตูได้เสียเท่ากันจนต้องต่อเวลาพิเศษและก็ลามไปถึงการดวลจุดโทษ แต่ด้วยความเยือกเย็นขอเพชรฆาตของ เลเวอร์ พวกเขาได้สร้างชื่อให้กับสโมสรด้วยการครองแชมป์ฟุตบอล ยูฟ่า คัพ สมัยแรกและเป็นสมัยเดียวที่พวกเขาทำได้ ทามไลน์ยาวมาถึงปี 1990 พวกเขาได้ทำการเซ็นสัญญากับกุนซือสมองเพชรอย่าง ไรเนอร์ คาลมุนด์ เข้าทีม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการกอบกู้ชื่อเสียงให้กับสโมสร ไรเนอร์ เข้ามาเปลี่ยนแปลงความยุ่งเยิงให้กับช่วยทำให้ทีมอยู่รอดบนเส้นทางฟุตบอลลีกสูงสุดแถมยังขุดเพชรเม็ดงามด้วยการเซ็นสัญญากับนักเตะหลายคนที่เข้ามาช่วยทีมอาทิเช่น อูล์ฟ เคียสเทน และ อันเดรส โทม สองแข้งผู้เป็นที่รักของแฟนบอลในยุคนั้น นอกจากนั้น ไรเนอร์ ยังทำการผูกสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญในวงการฟุตบอลนั่นคือการได้ตีสนิทกับ ฆวน ไฟเกอร์ เอเย่นต์คนดังในวงการลูกหนัง พอหลังจากนั้นผลพลอยได้คือพวกเขาสามารถเซ็นตัวนักเตะในตำนานอย่าง เปาโล แซร์จิโอ หรือ จอจินโญ่ เข้ามาร่วมทีมจนสร้างประวัติศาสตร์ชื่อเสียงให้กับสโมสรมากมายและยังได้นักเตะเลือดเมืองเบียร์อีกสองรายก็คือ รูดี้ โฟลเลอร์ และ แบรนด์ ชูสเตอร์ ร่วมเป็นตำนานอีกสองราย ในปี 1993 พวกเขาได้แชมป์รายการ เดเอฟเบ โพคาล พอเข้ามาถึงปี คศ. 1996 การเปลี่ยนแปลงอีกครั้งก็เริ่มขึ้นพวกเขาตัดสินใจเซ็นโค้ชคนใหม่ร่วมงานโดยการคว้า คริสตอร์ฟ ดอย์ม ผู้พาทีมให้รอดหนีจากการตกชั้นได้สำเร็จอีกทั้งเขายังเซ็นนักเตะชื่อดังเข้าทีมมากมายหลายคน นำโดย เอเมอร์สัน อดีตกัปตันทีมชาติบราซิล กองหลังระดับโลก อย่าง ลูซิโอ และอีกหนึ่งตำนานที่โลกจารึกเอาไว้ก็คือ มิชาเอล บัลลังค์ กองหน้าสายเลือกเยอรมันที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในช่วงปลายยุค 90 แต่อย่างไรก็ตามในความสำเร็จของสโมสรแห่งนี้ก็ยังถูกลบล้างไปด้วยช่วงว่างของการล้มเหลวแม้จะเป็นทีมที่อยู่กับฟุตบอลเยอรมันมานานแต่พวกเขาก็ยังคว้าแชมป์มาครองได้ค่อนข้างน้อยส่วนใหญ่จะเป็นพระรองสะมากกว่าโดยยกตัวอย่างในช่วงปี 1997 จนถึงปี 2002 พวกเขาเข้าชิงชนะเลิศบอลถ้วยหลายรายการแต่กับทำได้แค่การเป็นรองแชมป์มาทั้ง 4 ปี จนเป็นที่ถูกขนานนามของแฟนบอลว่า “Never Kusen” หรือแปลเอาง่ายๆก็คือ เลเวอร์คูเซ่น ไม่มีวันได้แชมป์ บทสรุปความเป็นมาของสโมสรแห่งนี้อาจจะไม่มีแชมป์มาให้แฟนบอลได้เห็นกันสักเท่าไหร่แต่พวกเขาก็เป็นทีมที่ปลุกปลั้นสร้างนักเตะชื่อดังมากมายให้ขึ้นมาเฉิดฉายบนเวทีระดับโลกอย่างเช่น มิเชล บัลลัก เป็นต้อน นอกจากนั้นจนกระทั่งปี 2018 พวกเขาตัดสินใจหันมาใช้โลโก้สโมสรใหม่แต่คงไว้ซึ่งอัตลักษณ์เดิมก็คือเครื่องหมายรูปกงางเขนตรงกลางไขว้คำว่าว่า ไบเออร์ ที่เป็นชื่อบริษัทและมีสิงโต 2 ตัวยืนขนาบข้างคู่เช่นเดียวกับโลโก้ของบริษัทขายยากันในตราสโมสรมีสีที่ใช้อยู่ 3 สีคือ เลือง แดง และก็สีขาว จากสถิติย้อนหลังจากผลบอล 7m ในฤดูกาล 2019-20 ลงแข่งขันไป 25 นัดพวกเขายังคงยืนหยัดเป็นทีมหัวตารางโดยรั้งอันดับ 5 ของลีกไว้ได้

Bayer 04 Leverkusen

ชื่อสโมสร : ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (Bayer 04 Leverkusen)

ฉายา : ห้างขายยา

สนาม : ไบเออร์อารีน่า (ความจุ 30,210 ที่นั่ง)

ก่อตั้ง : 1 กรกฎาคม 1904

กุนซือคนปัจจุบัน : โรเจอร์ ชมิดท์ (2020)

เว็บไซต์สโมสร : https://www.bayer04.de/