โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้ปลุกจิตวิญญาณของ ปีศาจแดง

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้ปลุกจิตวิญญาณของ ปีศาจแดง

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่ใช่บุคคลประเภทที่ชอบแสดงความยินดีกับตัวเองต่อหน้าสาธารณชน เพราะเขาชอบที่จะไม่สร้างประเด็นต่างๆที่เกี่ยวกับเขา

โซลชา มีความสุขกับกับตัวเองในการเฉลิมฉลองสัปดาห์มหัศจรรย์ ซึ่งเริ่มด้วยการเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด เอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา และบุกไปชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี่ แมตช์ ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม 2-1 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา

มันจะผิดที่จะบอกว่า โซลชา ช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากการตกงานเหมือนกับเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นๆอย่าง มาร์โก ซิลวา อดีตโค้ช เอฟเวอร์ตัน, กิเก้ ซานเชซ ฟลอเรส อดีตกุนซือ วัตฟอร์ด, อูไน เอเมอรี่ อดีตเทรนเนอร์ อาร์เซน่อล และ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตนายใหญ่ สเปอร์ส

โซลชา ปฏิเสธหัวข้อข่าวเกี่ยวกับความกลัวของตัวเองที่จะตกงาน และภายในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด แฟนบอล รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างๆมีความรู้สึกก็คือ แมนฯยูไนเต็ด กำลังอยู่ระหว่างการสร้างทีมใหม่ และพวกเขารู้สึกว่า ต้องพยายามยอมรับกับวันที่ยากลำบากในบางครั้ง เช่นเดียวกับที่พวกเขาพ่ายแพ้ในฤดูกาลนี้ต่อ บอร์นมัธ และ นิวคาสเซิล

อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่ แมนฯยูไนเต็ด มั่นใจว่าพวกเขามีวิสัยทัศน์เดียวกันกับผู้จัดการทีมของพวกเขาซึ่งก่อนหน้านี้ มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือชาวสก็อตแลนด์ ประกาศวางมือในปี 2013 และพวกเขามุ่งมั่นที่จะให้ โซลชา ได้ในเวลาที่เขาต้องการเพื่อทำให้บรรลุผล

โซลชา เคยกล่าวว่า “ผมได้เห็นการปรับปรุงของทีมนี้ตั้งแต่ผมมาทำงาน เราต้องเปลี่ยนรูปแบบทีม เปลี่ยนวัฒนธรรม และเปลี่ยนวิธีที่เราต้องการเล่น คุณสามารถเรียกมันว่าการโต้กลับเร็ว แต่มันฟังดูไม่เหมาะสมสำหรับผม เพราะเราใช้ความรวดเร็วโจมตีด้วยฟุตบอลที่ไหลลื่นไปสู่เป้าหมายที่ถูกต้อง”

“ไม่มีความตั้งใจที่เราจะนำบอลย้อนกลับไปหาผู้รักษาประตู เรามีผู้เล่นที่มีความเร็ว มีคุณภาพมากมาย และมีความสามารถ ผมต้องการให้ ดาเนี่ยล เจมส์, อองโตนี่ มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เจสซี่ ลินการ์ด ใช้ความเร็วให้เกิดประโยชน์ที่สุด” โค้ชชาวนอร์เวย์ กล่าว

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ปรึกษาของ โซลชา มีความสุขกับการชนะ 2-1 ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยบุคคลที่นั่งเคียงข้างเขา คือ เดวิด กิลล์ อดีตประธานบริหารฝีมือดี และทั้งคู่เป็นเครื่องเตือนใจถึงวันแห่งความสำเร็จในอดีตของ “ปีศาจแดง”

ขณะเดียวกัน วันวานแห่งการคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 1999 เหนือ บาเยิร์น มิวนิค กำลังถูกรื้อฟื้นมาอีกครั้ง และไม่มีใครรู้ว่า โซลชา จะทำสำเร็จหรือไม่ แต่แฟนๆ แมนฯยูไนเต็ด พร้อมที่จ่ายเงินเพื่อชมการเล่นของทีมแบบมีความหวัง

ย้อนกลับไปในเกมกับ แมนฯซิตี้ ในเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนเกมเริ่มนั้น แฟนบอล “ปีศาจแดง” 3,000 คนที่อยู่ตรงมุมทางทิศใต้ของสนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ส่งเสียงเรียก “โอเล โอเล โอเล” ตามมาด้วย “ใครเป็นผู้ยิงบอลสู่ก้นตาข่ายทีมจากเยอรมัน” เพื่อเป็นเกียรติแก่ช่วงเวลาที่ไม่มีวันลืมในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ กับ บาเยิร์น มิวนิค

เพลงเดียวกันเหล่านั้นจะได้ยินในทุกเกมของ แมนฯยูไนเต็ด รวมถึงที่ คาร์ดิฟฟ์ เมื่อเกือบ 12 เดือนที่แล้ว โดย 5 วันหลังจาก เอ็ด วูดเวิร์ด รองประธานบริหาร “ปีศาจแดง” โทรไปหา โซลชา และขอให้เขามาคุมทีมชั่วคราวแทน โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตโค้ชชาวโปรตุเกส

ทุกคนที่ แมนฯยูไนเต็ด ไม่ได้นึกภาพว่า โซลชา จะได้รับการแต่งตั้งอย่างถาวร แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็เห็นได้ชัดว่า เทรนเนอร์ชาวนอร์เวย์ แบ่งปันวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นสู่บรรดานักเตะ “ปีศาจแดง” เช่นเดียวกับที่เขาทำ

ในช่วงปีหลังๆที่สมัย โซลชา ยังเป็นนักเตะ

วิสัยทัศน์นั้นเกี่ยวข้องกับความมุ่งมั่นในการเล่นฟุตบอลเกมรุก ซึ่งในช่วงปีหลังๆที่สมัย โซลชา ยังเป็นนักเตะของ แมนฯยูไนเต็ด นั้น เฟอร์กูสัน ก็ใช้การโต้กลับเร็วเช่นกัน ดังนั้น โซลชา จึงพยายามสร้างประวัติศาสตร์ด้วยมือของตัวเอง และพยายามปั้นนักเตะดาวรุ่งท้องถิ่นขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่

ในความเป็นธรรมผู้สืบทอดตำแหน่งของ เฟอร์กูสัน อย่าง เดวิด มอยส์ โค้ชชาวสก็อตแลนด์, หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือชาวดัตช์ และ มูรินโญ่ ไม่ได้ทำเช่นนั้น พวกเขากลับมีแนวคิดในการคุมทีมไปอีกแบบหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจาก โซลชา

อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างคือ โซลชา เชื่อมั่นในอุดมคติ และในฐานะอดีตหัวหน้าโค้ชทีมสำรอง แมนฯยูไนเต็ด นั้น เขาเข้าใจมาตรฐานที่ต้องการ เฟอร์กูสัน เล่าให้ฟังบ่อยครั้งว่า เขาไม่ได้เลือก ‘Class of 92’ เพราะพวกเขาเป็นเด็กปั้นที่สโมสร แต่เขาทำเช่นนั้นเพราะนักเตะดาวรุ่งเหล่านั้นดีพอจะขึ้นไปสู่ทีมชุดใหญ่

ขณะเดียวกัน หลายคนถกเถียงกันว่า แมนฯยูไนเต็ด จำเป็นต้องแต่งตั้งผู้อำนวยการฟุตบอลหรือไม่ โดยที่ผู้คนในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่างให้ความสำคัญกับกรณีนี้ แต่นอกเหนือจากคำถามก็คือ “ปีศาจแดง” เชื่อในการมอบอำนาจเบ็ดเสร็ตให้กับผู้จัดการทีมเหมือนในยุคของ เฟอร์กูสัน

นี่อาจไม่ใช่ภาระหน้าที่ที่จะควบคุมสโมสรได้หลายๆอย่างเท่าที่ เฟอร์กูสัน เคยทำ แต่ แมนฯยูไนเต็ด รู้สึกว่ากุนซือของพวกเขาควรจะรับผิดชอบทั้งทีม ซึ่งไม่ใช่ในรูปแบบที่สโมสรอื่นทำด้วยการจ้างโค้ชให้มีหน้าที่คุมทีมลงแข่งขันอย่างเดียวเท่านั้น

แมนฯยูไนเต็ด เชื่อว่าพวกเขาจะปรับเปลี่ยนรูปแบบจากในช่วงยุค ฟาน กัล และ มูรินโญ่ พวกเขารู้สึกว่าในช่วงฮันนีมูนที่ยาวนานเมื่อ โซลชา ชนะ 10 เกม 11 เกมแรกของเขา พิสูจน์ตัวเองว่าสามารถเรียกคืนวัฒนธรรมของสโมสรได้

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก่อนสัปดาห์นี้มันเป็นเวลา 9 เดือนแล้วที่ แมนฯยูไนเต็ด ไม่ได้ชนะติดต่อกันในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกและใครจะคิดว่า โซลชา จะทำได้ด้วยการชนะทั้ง มูรินโญ่ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดโค้ชชาวสเปน

โซลชา พา แมนฯยูไนเต็ด เอาชนะทั้ง สเปอร์ส และ แมนฯซิตี้ ในรอบ 3 วัน โดยนายใหญ่ “ปีศาจแดง” ให้สัมภาษณ์ว่า “ชัยชนะ 2 เกม ใน 3 วัน เรามีเวลาพักฟื้นน้อยกว่า 24 ชั่วโมงก่อนเจอทั้งสองทีม แต่นั่นเป็นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่”

หลังเสียงนกหวีดสุดท้ายที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม โซลชา จับมือของ กวาร์ดิโอล่า จากนั้น โค้ชชาวนอร์เวย์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขาทักทายผู้เล่นทุกคนของ แมนฯซิตี้ ด้วยวิธีเดียวกันก่อนที่จะมุ่งหน้าไปเข้าร่วมแสดงความยินดีผู้เล่นของ แมนฯยูไนเต็ด ต่อหน้าแฟนบอล “ปีศาจแดง”

โซลชา ไม่ได้ตาม แรชฟอร์ด และ ลินการ์ด เขาไปร่วมดีใจ และแจกเสื้อแฟนบอลบนอัฒจันทร์ แต่เขาดูมีความสุขมาก เขาไม่ได้แค่ชนะทีมอริร่วมเมืองเท่านั้น แต่เขาชนะในสไตล์ที่เขาต้องการ

“มันเป็นการยืนยันถึงทิศทางที่เรากำลังจะก้าวต่อไป เราดูเหมือนทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงที่รุ่งเรืองแล้ว นั่นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผมมาก” โซลชา กล่าว

ขณะเดียวกัน เมื่อถูกถามว่ามันเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของ แมนฯยูไนเต็ด ในยุคที่เขาคุมทีมหรือไม่ นับตั้งแต่เขารับสายจาก วู้ดเวิร์ด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมปีที่ผ่านมานั้น นายใหญ่ “ปีศาจแดง” กล่าวว่า “ถ้าคุณพิจารณาว่าเรากำลังเล่นกับใคร และเรากำลังเล่นอยู่ที่ไหน ผมก็คิดว่ามันเป็นเช่นนั้น”

โซลชา ไม่ได้ตาม แรชฟอร์ด และ ลินการ์ด