มันจะมีหรือไม่ที่จะมีคำว่า “โอกาส” ที่สโมสรชั้นนำของลีกสเปนอย่าง บาร์เซโลนา จะฟื้นกลับมาเป็นทีมที่ดีได้อีกครั้งในยุคการทำทีมของ โรนัลด์ คูมัน ผุ้จัดการทีมชาวดัตช์ที่กำลังทำผลงานได้อย่างยอดแย่ในเวลานี้อยู่ถ้าหากว่าเรามองตามภาพรวมแล้วนั้น ลีกมันก็ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 6 เดือนถึงจะสิ้นสุดฤดูกาล แต่ว่าเมื่อเรามองลึกลงไปในรายละเอียดด้วยแล้วนั้น เชื่อได้เลยว่าบทความนี้มันจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับแฟนบอลบาร์เซโลนามากเลยทีเดียวเราจะขอลงลึกไปที่เฉพาะในเคสที่ว่า “หาก คูมัน ยังเป็นโค้ชของบาร์เซโลนา” มันมีโอกาสอะไรบ้างที่จะเกิดกับบาร์ซ่า ทีมนี้ยังสามารถมีลุ้นในการคว้าแชมป์สักรายการได้หรือไม่
ความอีโก้จัดของคูมัน จะพาทีมพัง !
ความอีโก้จนเกินจะเยียวยาของ คูมัน เป็นสิ่งที่แม้แต่แฟนบอลสโมสรบาเลนเซีย ยังจดจำได้ดี เพราะในครั้งที่ คูมัน ยังทำทีมบาเลนเซียเมื่อปี 2008 เขาเคยทำให้บาเลนเซียพังยับจนเกือบตกชั้นมาแล้ว แม้ว่าจะพาทีมคว้าแชมป์ โคปา เดล เรย์ มาครองได้ในฤดูกาล 2007-08 แต่เขากลับดรอปนักเตะคนสำคัญของทีมไปหลายคนเพราะด้วยเหตุผลที่ว่า “ไม่ชอบฝีเท้า” แต่เมื่อทำแบบนั้น ปรากฏว่าผลงานของบาเลนเซีย ยิ่งเล่นก็ยิ่งัง และตอนนี้ขำลังทำแบบนั้นกับ บาร์เซโลนา เขาสั่งปล่อยตัวของ หลุยส์ ซัวเรซ ออกจากทีมเพราะอายุเยอะ แต่กลับปล่อยออกไปโดยที่ยังหากองหมายเลข 9 มาทดแทนไมได้รวมถึงยังไม่คิดใช้งาน ริกี้ ปุช มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่เล่นฟุตบอลได้เข้ากับระบบของบาร์เซโลนามากที่สุดด้วยอีก ความเชื่อมั่นในตัวเองแบบผิดๆของ คูมัน นี่เองที่กำลังทำร้ายสโมสรอย่างชัดเจน ด้วยเคสนี้ เรียกว่ายากสำหรับบาร์ซ่าแน่นอนถ้าจะกลับมาผงาด
ฟอร์เมชั่นของบาร์ซ่าตอนนี้ ไม่เข้ากับ DNA ของนักเตะ
บาร์เซโลนา คุ้นชินกับระบบการเล่นที่เป็นซิกเนเจอร์และวัฒนธรรมของสโมสรอย่าง 4-3-3 มานาน แต่ว่าสิ่งที่คูมันนำมาใช้กับทีมนั่นก็คือแผน 4-2-3-1 ที่อัดแดนกลางให้แน่นไว้ก่อน หรือจะเรียกแบบภาษาบ้านๆที่สุดนั่นก็คือ “ป๊อด”แผนการเล่นแบบนี้ คูมัน หวังว่าจะทำให้แดนกลางรัดกุมที่สุด แต่ปรากฏว่านักเตะของบาร์เซโลนา กำลังแอนตี้ระบบแบบนี้มากขึ้น เพราะมันไม่เวิร์คสำหรับสโมสรอย่างชัดเจนแต่สิ่งที่ตัวของคูมันตอบกลับมาก็คือ เขาไม่คิดที่จะเปลี่ยนแผนจาก 4-2-3-1 ไปใช้แผนอื่น และต่อให้แผนนี้จะไมได้ผลทีมจะแพ้ ผลงานแย่ เขาก็ยืนกรานที่จะใช้แผน 4-2-3-1 เช่นเดิม ซึ่งแน่นอนว่าแฟนบอลคงจะทำใจไว้มาแล้วเช่นกันหลังจากทีได้ยินคูมันให้สัมภาษณ์แบบนี้กับนักข่าว
ความรั้นที่หวังจะเอานักเตะบ้านเดียวกับตัวเอง
ตามประสาของโค้ชที่เคยคุมทีมชาติฮอลแลนด์มานาน เขาก็ย่อมจะต้องตามโฟกัสเฉพาะนักเตะทีมชาติฮอลแลนด์เพื่อมาเล่นกับทีมชาติโดยไม่ได้ไปตามสเกาต์นักเตะสัญชาติอื่น แต่เมื่อเขามาคุมทีมระดับสโมสร การที่เขาจะรั้นหรือทู่ซี้เอาแต่นักเตะชาติเดียวกัน มันคงจะไม่ได้ แต่ว่า คูมัน กลับยึดมั่นในหลักการนั้น เพราะนักเตะที่เขาเสนอให้บอร์ดบริหารบาร์เซโลนาเอาตัวมาร่วมทัพ มันมีตั่นกเตะทีมชาติฮอลแลนด์แทบจตะทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่ เมมฟิส เดปาย ตัวรุกทีมชาติฮอลแลนด์ของสโมสร โอลิมปิก ลียง และตามมาด้วย จินี่ ไวจ์นัลดุม กองกลางห้องเครื่องของลิเวอร์พูลความไม่หลากหลายของเขา มองเป็นแต่นักเตะดัตช์ มันอาจจะทำให้เกิดผลร้ายกับทีมเหมือนในยุคที่ หลุยส์ ฟาน กาล เคยดึงแต่นักเตะฮอลแลนด์มาอยู่กับบาร์ซ่าเมื่อ 23 ปีก่อนก็ได้
มองไม่ออกว่านักเตะแต่ละคนเหมาะกับการเล่นแบบไหน
ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขารู้ดีว่าตำแหน่งของ แฟรงกี้ เดอ ยอง ที่ดีที่สุดในสนามคือตำแหน่งไหน แต่ปรากฏว่าก็ดีแต่พูด เขาไม่เคยทำให้ เดอ ยอง โชว์ฟอร์มได้ดี และนอกจากนี้ยังัดแปลงนักเตะคนนั้นคนนี้ไปเล่นมั่วไปหมด รวมถึง อ็องตวน กรีซมันน์ ที่ไม่ถนัดปีกก็เอาไปเล่นเป็นปีกขวา และจับเอา ลิโอเนล เมสซี่ ไปยืนกางมุ้งรอยิงในบทบาทหน้าเป้าเดี่ยวแทน และผลงานเป็นอย่างไรล่ะ กรีซมันน์ แทบจะเล่นไม่ออก และเมสซี่ก็โดดเดี่ยวจนหงดหงิดและลงต่ำมาช่วยทำเกมเองจนได้ตราบเท่าที่ คูมัน ยังคุมทีมแบบนี้ มันคงยากมากที่บาร์ซ่าจะได้สักแชมป์ แม้แต่ทำอันดับไปเล่นบอลถ้วยยูโรป้าลีก อาจจะยังยากเช่นกัน เราคงได้แต่ทำใจเท่านั้น
