อิมแพคของ “โยฮัน ครัฟฟ์” กับการเปลี่ยนแปลง บาร์ซ่า – อาแจ็กซ์

อิมแพคของ “โยฮัน ครัฟฟ์” กับการเปลี่ยนแปลง บาร์ซ่า - อาแจ็กซ์

เขาเป็นตำนานนักเตะและบรมกุนซือผู้ล่วงลับ ที่ซึ่งใครก็ตามที่ชอบฟุตบอลสไตล์เอนเตอร์เทน เน้นเกมรุกก็ต้องคิดถึงเขาเสมอ เพราะมันสมอง คำพูดคำจา บุคลิก มันคือยอดคนอย่างแท้จริง ซึ่งเขาก็คือตำนานกุนซือเทวดานามว่า “โยฮัน ครัฟฟ์”ตำนานจอมทัพทีมชาติฮอลแลนด์ผู้นี้ ถือได้ว่าเป็นผู้เล่นเกมรุกสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่โลกลูกหนังเคยมีมา และถูกยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 ราชันย์ลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเทียบเท่ากับ เปเล่ และ ดิเอโก้ มาราโดน่า แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้แชมป์ฟุตบอลโลกเหมือน 2 คนก่อนหน้านี้ก็ตามและยิ่งตอนสมัยที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีม เขาก็สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมเอาไว้อย่างมากมาย โดยเฉพาะกับการสร้างตำนานไว้กับ อาแจ็กซ์ และ บาร์เซโลนา ว่าแต่ในยุคที่ ครัฟฟ์ เป็นผู้จัดการทีมนั้น เขาได้ทิ้งอะไรเอาไว้ให้แฟนบอลได้จดจำกันบ้างล่ะ !

ผู้มีพระคุณของ “เดนนิส เบิร์กแคมป์”

ในช่วงที่ ครัฟฟ์ เทิร์นโปรเป็นผู้จัดการทีมอาแจ็กซ์ เขาได้ค้นพบเพชรเม็ดงามรายหนึ่งที่ซึ่งเป้นนักเตะชาวดัตช์ผิวขาวที่ซึ่งมีความเยือกเย็นในการเล่น ฉลาด อ่านเกมดี จ่ายบอลแม่น ยิงคมกริบ มีเทคนิคเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยม พลิ้วไหวสวยงาม และนักเตะดาวรุ่งคนนั้นมีนามว่า “เดนนิส เบิร์กแคมป์”ครัฟฟ์ ไว้วางใจให้ เบิร์กแคมป์ ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวต่ำให้กับอาแจ็กซ์ และยังฝากฝังให้นักเตะรายนี้เป็นกำลังหลักของทีมต่อไปแม้ว่าทีมจะไม่มีทั้ง ครัฟฟ์ และ มาร์โก ฟาน บาสเท่น โคตรศูนย์หน้าชาวดัตช์อยู่กับทีมแล้วก็ตาม ซึ่งพวกเราก็ได้เห็นว่า เบิร์กแคมป์ เติบโตขึ้นแค่ไหนหลังจากนั้น

รื้อฟื้นระบบทีมเยาวชน “ลา มาเซีย” ของบาร์เซโลนา

รื้อฟื้นระบบทีมเยาวชน “ลา มาเซีย” ของบาร์เซโลนา

บาร์เซโลนา ตกต่ำมานานหลายปีและยังลืมเลือนระบบทีมเยาวชนที่พวกเขาเคยภาคภูมิใจไป จนกระทั่งการมาถึงของ โยฮัน ครัฟฟ์ ในปี 1988 นอกจากว่าเขาจะพยายามปรับจูนบาร์เซโลนา ให้กลับมาเล่นฟุตบอลด้วยสไตล์ต่อบอลสั้น เน้นเทคนิคมากขึ้น เน้นเกมรุกบนภาคพื้นดินที่ทรงประสิทธิภาพ เขายังพยายามผลักดันให้ “ลา มาเซีย” กลับมามีบทบาทในการผลิตนักเตะเยาวชนชั้นยอดขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่อีกครั้งและจากนั้นเป็นต้นมา บาร์เซโลนา ก็ได้ส่งนักเตะฝีเท้าจัดขึ้นมาอยู่กับทีมชุดใหญ่หลายคนด้วยกัน โดยเฉพาะกับตัวของ “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” และตัวของ “กิเญร์โม อามอร์” สองจอมทัพสุดคลาสสิกของบาร์เซโลนา

ขจัดฟุตบอลสไตล์อังกฤษในบาร์เซโลนาให้หมดไป

บาร์เซโลนาในยุคที่ เทอร์รี่ เวนาเบิลส์ เข้ามาทำทีมนั้น พวกเขาเล่นฟุตบอลสไตล์โบราณ เน้นเปิดบอลจากริมเส้นให้กองหน้าโขกเข้าทำประตู ซึ่งเป็นสไตล์ฟุตบอลที่น่าเบื่อและไม่เหมาะกับทีมอย่างบาร์เซโลนาเป็นที่สุด ซึ่งเมื่อตัวของ ครัฟฟ์ เข้ามาเป้นผู้จัดการทีม เขาโละนักเตะชาวสหราชอาณาจักรออกจากทีมทั้งหมด และยังปรับเปลี่ยนให้ บาร์ซ่า กลับมาเล่นฟุตบอลด้วยการต่อบอลสั้น เล่นตามช่อง เน้นการทำประตูให้มากที่สุด และสิ่งที่ครัฟฟ์มักพูดกับนักเตะเสมอก็คือ “บอลมันไม่มีชีวิต มันไม่เหนื่อย ให้มันทำงานแทนเรา” ซึ่งนั่นก็คือการให้นักเตะเน้นจ่ายบอลสั้นให้แก่กันจนกว่าจะเจอช่องในการทำประตูนั่นเอง เรียกว่าบอลเท้าสู่เท้าคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ บาร์เซโลนา

ชนะ 1-0 ไม่ดีเท่ากับชนะ 5-4

ชนะ 1-0 ไม่ดีเท่ากับชนะ 5-4

การที่ทีมของ ครัฟฟ์ จะชนะแค่ 1-0 มันอาจจะไม่ทำให้เขาพอใจเท่าไหร่ เพราะนั่นเท่ากับว่าพวกเขามีเกมรุกที่ฝืดเคือง แต่กลับกัน ถ้าหากว่าทีมของเขาชนะ 5-4 แม้ว่ามันจะเป็นการเสียประตูที่มากพอสมควร แต่มันก็คือเกมที่สนุกเพราะแนวรุกของ ครัฟฟ์ คมกริบในการทำประตูทั้ง 5 ลูกนั่นเอง และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นทีมที่มีนักเตะใจเพชรมาอยู่ในทีม ต่อให้โดนฝ่ายตรงข้ามยิงแซงไปกี่ลูก บาร์ซ่าจะต้องเป็นฝ่ายยิงแซงกลับมาเอาชนะให้ได้ ต่อให้มันเป็นสกอร์ 10-9 ก็ต้องทำศักดิ์ศรีในการเล่นเกมรุก เพื่อเอ็นเตอร์เทนคนดู เพื่อความภาคภูมิใจของสโมสรมันคือสิ่งที่ ครัฟฟ์ ปลูกฝังให้กับบาร์ซ่ามาตั้งแต่วันแรกของเขา แต่ทำไมหนอ บาร์ซ่าทุกวันนี้ถึงได้