โชเซ่ มูรินโญ่ ยังคงเป็นยอดกุนซืออยู่หรือไม่ ?

โชเซ่ มูรินโญ่ ยังคงเป็นยอดกุนซืออยู่หรือไม่

โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส ของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นนักมายากล, ตำนาน, เดอะ สเปเชี่ยล วัน หรือคนขี้โมโห แต่ผลงานของเขากับ “ไก่เดือยทอง” อาจสร้างข้อโต้แย้งเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เขาก็ยังเป็นกุนซือที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในโลกฟุตบอล ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชอบอยู่เสมอ

มูรินโญ่ รู้สึกสดชื่นขึ้นหลังจากได้พักผ่อนนาน 1 ปี หลังจากที่โดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนธันวาคมปี 2018 และหลังจากที่กลับมาคุมทีมข้างสนามกับ สเปอร์ส เขายังคงได้รับการจับตาจากสื่อมวลชนเป็นพิเศษเหมือนเดิม

ขณะเดียวกัน ชื่อเสียงของ มูรินโญ่ ในฐานะเจ้าของฉายา “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” นั้น บางทีเขาอาจต้องการพิสูจน์ว่า ตัวเองไม่ใช่กุนซือตกยุค และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่พรีเมียร์ลีกถูกครอบครองโดย เจอร์เก้น คล็อปป์ โค้ชชาวเยอรมัน ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ชาวสเปน ของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ไม่มีข้อโต้งแย้งเลยว่า โค้ชเลือดฝอยทอง ถือเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จลำดับต้นๆของวงการลูกหนัง หากมองไปที่ตู้เก็บรางวัล ซึ่งเข้าคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2004 และ 2010 รวมถึงแชมป์ลีกสูงสุด 8 ครั้ง ใน 4 ประเทศ และฟุตบอลถ้วยรายการต่างๆอีก 20 รายการ

มูรินโญ่ อาจจะเตือนคุณว่าในฤดูกาล 2004-05 ซึ่งเป็นปีแรกของเขากับ เชลซี นั้น คว้าแชมป์ลีกได้อย่างตื่นเต้นด้วยระบบ 4-3-3 และปีก 2 ฝั่งอย่าง อาร์เยน ร็อบเบน ดาวเตะดัตช์ และ ดาเมียน ดัฟฟ์ ตัวรุกไอร์แลนด์ ที่คอยสร้างความหวาดหวั่นให้แนวรับคู่แข่ง พร้อมกับยอดศูนย์หน้าตัวเป้าอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

ในปี 2008-2010 ยอดโค้ชชาวโปรตุกีส สร้างชื่ออีกครั้งกับ อินเตอร์ หลังพาพลพรรค “งูใหญ่” คว้าแชมป์ลีก 2 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย ด้วยเกมรับที่แข็งแกร่งนำโดย ฮูลิโอ เซซาร์ จอมหนึบชาวบราซิล, และ ลูซิโอ 2 กองหลังแซมบ้า และแนวรุกที่เฉียบคมนำโดย ซามูเอล เอโต้ กองหน้าชาวแคเมอรูน, ดิเอโก้ มิลิโต้ ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ และ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเนเธอร์แลนด์

ในปี 2012 มูรินโญ่ ประสบความสำเร็จอีกครั้งกับ เรอัล มาดริด ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา พร้อมกับสถิติถล่มประตูคู่แข่งไปมากกว่า 100 ประตู ซึ่งในตอนนั้น “ราชันชุดขาว” นำทัพโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกซุเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส

อย่างไรก็ตาม หนึ่งทศวรรษหลังจากนั้น มูรินโญ่ กลับไม่ประสบความสำเร็จนักกับการย้ายกลับมาคุม เชลซี เป็นคำรบที่ 2 และการกุมบังเหียน แมนฯยูไนเต็ด ซึ่งนายใหญ่เลือดฝอยทอง ถูกมองว่ากลายเป็นกุนซือตกยุคไปแล้ว

ในช่วงสัปดาห์แรกที่ สเปอร์ส มันดูเหมือนว่า มูรินโญ่ พยายามที่จะสร้างตัวเองใหม่ให้เป็นโค้ชที่ดูเท่ ดูดี และมีมนุษยธรรมมากขึ้น รวมถึงมีการใช้คำพูดที่มีเสน่ห์กับ เดเล่ อัลลี่ กองกลางดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษเพื่อดึงฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของเขากลับมาอีกครั้ง

ผลลัพธ์ของ มูรินโญ่ ออกมาค่อนข้างดี โดย 7 เกมที่เข้าคุมทีมนั้น สเปอร์ส เก็บชัยชนะได้ถึง 4 เกม เสมอ 2 เกม และแพ้ไปเพียงเกมเดียวเท่านั้น และขยับจากอันดับ 14 ในเดือนพฤศจิกายยนที่ผ่านมา ขึ้นมาอยู่อันดับ 6 ในตารางคะแนน โดยมีแต้มตามหลัง เชลซี ทีมอันดับ 4 ซึ่งอยู่ในโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพียง 1 คะแนนเท่านั้น

ผลงานที่ยอดเยี่ยมของ สเปอร์ส ส่วนหนึ่งก็ต้องยกเครดิตให้กับ มูรินโญ่ เช่นเดียวกัน เพราะโค้ชวัย 57 ปี ต้องคุมทีมหลายนัดโดยที่ไม่มีนักเตะอย่าง แฮร์รี่ เคน หัวหอกทีมชาติอังกฤษ และ มุสซา ซิสโซโก้ ที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วน คริสเตียน อิริคเซ่น จอมทัพชาวเดนมาร์ก ก็ถูกขายให้กับ อินเตอร์ มิลาน ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี

สิ่งที่ไม่ชอบเกี่ยวกับโลกใหม่ที่กล้าหาญของ มูรินโญ่

ดังนั้น สิ่งที่ไม่ชอบเกี่ยวกับโลกใหม่ที่กล้าหาญของ มูรินโญ่ ในนอร์ทลอนดอน คืออะไร ? ไม่มีอะไรยกเว้นความจริงที่ว่า มันเป็นการยากที่จะสังเกตเห็นการปรับปรุงที่จับต้องได้เมื่อคุณดูการเล่นของ สเปอร์ส ในช่วงที่เข้าคุมทีม

จากสถิติย้อนหลังใน ผลบอลสด 888 ชัยชนะที่เหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก และเปิดบ้านเชือด เซาแธมป์ตัน 3-2 ในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น นักเตะ สเปอร์ส มักจะดูเหนื่อยล้าจากการแข่งขันเหมือนในยุค เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์

คุณอาจโต้เถียงว่า สเปอร์ส ไต่อันดับขึ้นมาอย่างรวดเร็วในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก แต่มันเป็นภาพสะท้อนของรูปแบบที่ไม่แน่นอนที่เราสามารถเห็นได้จากเกมที่ “ไก่เดือยทอง” พ่ายต่อ เชลซี และ แมนฯยูไนเต็ด แต่เชื่อว่าแฟนบอลคงไม่สนใจผลการแข่งขันที่ผ่านมา หาก มูรินโญ่ สามารถทำให้พวกเขาติดท็อปโฟร์ได้ในฤดูกาลที่ยากลำบาก

อย่างไรก็ตาม บางที มูรินโญ่ ยังสามารถส่งมอบถ้วยรางวัลให้กับ สเปอร์ส ได้ ด้วยการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ โดยพลพรรค “ไก่เดือยทอง” มีคิวจะเปิดรัง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ ในเดือนมีนาคมนี้

คุณอาจสงสัยว่า ในระยะยาวแนวทางการทำงานของ มูรินโญ่ นั้น เหมาะสมกับสโมสรที่ภูมิใจในการเล่นเกมรุกอย่าง สเปอร์ส หรือไม่ และกับการที่พวกเขามีอดีตยอดนักเตะอย่าง แดนนี่ บลังค์ฟลาวเวอร์ส, คลิฟฟ์ โจนส์, จิมมี่ เกรฟส์, เกล็น ฮอดเดิ้ล, พอล แกสคอยน์ และ กาเร็ธ เบล

ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมของ มูรินโญ่ ไม่ค่อยเป็นที่จับตามองมากนัก แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จด้วยการพาพลพรรค “ปีศาจแดง” คว้าอันดับที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก, แชมป์เอฟเอ คัพ และแชมป์ยูโรป้า ลีก ก็ตาม

มูรินโญ่ สามารถสร้างทีม ท็อตแน่ม ที่ให้ความบันเทิงได้ไหม เขายังไม่ได้ทำสิ่งนั้นเลย แต่ โปเช็ตติโน่ ทำได้ และสามารถพาทีมเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยแฟนบอล “ไก่เดือยทอง” คาดหวังว่าทีมของพวกเขาควรจะมีสไตล์การเล่นที่น่าตื่นเต้นมากกว่านี้

มูรินโญ่ คงจะไม่รอดจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์กับการเล่นฟุตบอลที่น่าเบื่อเหมือนที่เขาทำอยู่บ่อยครั้งในสมัยที่ยังคุม แมนฯยูไนเต็ด และในระยะสั้น เขายังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันเพื่อพิสูจน์ว่า เขาสามารถเป็น มูรินโญ่ คนใหม่ได้

แน่นอนว่า ทุกคนสงสัยอย่างจริงจังว่า มูรินโญ่ ยังคงเป็น “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” จริงๆหรือไม่ และเวลาของเขาที่ สเปอร์ส จะเป็นตัวให้คำตอบเอง

ทุกคนสงสัยอย่างจริงจังว่า มูรินโญ่ ยังคงเป็น เดอะ สเปเชี่ยล วัน