การกำหนดเวลาเป็นสิ่งที่ประเมินคุณภาพในวงการฟุตบอลไม่ได้ โดยไม่ต้องอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม และอาชีพกุนซือที่ประสบความสำเร็จนั้น ก็ไม่สามารถคาดเดาเกี่ยวกับชะตากรรมของจังหวะเวลาเหมือนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ โค้ชชาวโปรตุเกส เคยเผชิญ
ย้อนเวลากลับไปในเดือนมีนาคม ปี 2004 เอฟซี ปอร์โต้ ของ มูรินโญ่ กำลังจะตกรอบจากศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ต้องพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดผู้จัดการทีมชาวสก็อตแลนด์
ในเกมกับ แมนฯยูไนเต็ด นั้น “ปีศาจแดง” ขอแค่ชนะเพียง 1-0 ก็จะผ่านเข้ารอบ หลังจากที่เกมเลกแรกพวกเขาบุกไปพ่าย ปอร์โต้ มา 2-1 อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 89 ปอร์โต้ ได้ฟรีคิก และ เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ย์ หัวหอกทีมชาติแอฟริกาใต้ ยิงไปโดน ทิม ฮาเวิร์ด นายทวารชาวสหรัฐฯ ปัดออกมาก ก่อนที่ คอสตินญ่า กองกลางชาวโปรตุเกส ตามซ้ำเข้าไปตีเสมอ 1-1 ส่งผลให้ ปอร์โต้ เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-2
หลังจบเกมเลก 2 กับ แมนฯยูไนเต็ด มูรินโญ่ วิ่งไปเฉลิมฉลองในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยความสะใจ จากนั้น เขาพา ปอร์โต้ เข้าไปคว้าแชมป์ยุโรปในปีนั้นได้สำเร็จ และในช่วงซัมเมอร์ โค้ชเลือดฝอยทอง ก็ย้ายมาที่ เชลซี พร้อมประกาศตัวเป็น “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” และที่เหลือคือประวัติศาสตร์
แต่หาก คอสตินญ่า ไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่ถูกต้องในเวลาที่ถูกต้องในเกมกับ แมนฯยูไนเต็ด คืนนั้น บางทีเรื่องราวของ มูรินโญ่ อาจเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจ โดยเขาอาจไม่ได้คว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และไม่มีการได้ไปคุมบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรปอย่าง อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และ แมนฯยูไนเต็ด
แน่นอนในขณะที่ มูรินโญ่ เตรียมที่จะกลับไปที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันพุธในฐานะผู้จัดการทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ นั้น เขาอาจพิจารณาว่า ชะตากรรมของตัวเองเป็นอย่างไร และตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาดูเหมือนจะอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง และเวลาที่เหมาะสมกับ สเปอร์ส มากที่สุด
เมื่อ อดีตนายใหญ่ “ปีศาจแดง” พูดกับสื่อในการแถลงข่าวครั้งแรกของเขาในฐานะผู้จัดการทีม สเปอร์ส ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจาก “ไก่เดือยทอง” ไล่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ ออกจากตำแหน่งนั้น มูรินโญ่ อธิบายทีมที่เขาเข้ามากุมบังเหียนต่อว่า เป็นของขวัญ
โปเช็ตติโน่ ได้ทิ้งกลุ่มผู้เล่นที่ผ่านเข้ามาถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยมีกองหน้าระดับโลกอย่าง แฮร์รี่ เคน และผู้เล่นในแนวรุกที่อันตรายอย่าง ลูคัส มูร่า ปีกแซมบ้า, ซอง ฮึง มิน หัวหอกเกาหลีใต้ และ เดเล่ อัลลี่ จอมทัพชาวอังกฤษ
สเปอร์ส ชุดนี้มันเป็นทีมที่พร้อมจะคว้าแชมป์มาได้ซักพักแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะต้องการคือ แนวคิดในการเล่นเพื่อแชมป์เหมือนกับที่ มูรินโญ่ เคยทำมามาตั้งแต่สมัยแรกที่เขากุมบังเหียน ปอร์โต้ ในบ้านเกิด
3 เกมรวมทุกรายการ ของ มูรินโญ่ กับ สเปอร์ส นั้น เขาพาทีมเก็บชัยชนะรวด พร้อมกับพาพลพรรค “ไก่เดือยทอง” ขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ในตารางคะแนนเรียบร้อยแล้ว และรอยยิ้มของเขานั้น แสดงให้เห็นว่า โค้ช วัย 56 ปี เป็นคนที่ตรงกันข้ามกับผู้ชายที่ใช้เวลา 2 ปีครึ่งกับหน้าบึ้งๆที่ แมนฯยูไนเต็ด จนกระทั่งเขาถูกไล่ออกเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
นับตั้งแต่ มูรินโญ่ วิ่งลงไปแสดงความดีใจกลางสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฐานะโค้ช ปอร์โต้ เมื่อปี 2004 นั้น เขาก็แสดงให้เห็นถึงสามารถพิเศษ ความเชื่อมั่นในตนเอง และความปรารถนาที่ไม่รู้จักพอสำหรับการคว้าถ้วยรางวัล ซึ่งทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่ชัดเจนสำหรับสโมสรอย่าง แมนฯยูไนเต็ด เมื่อ เฟอร์กูสัน ก้าวลงจากตำแหน่ง
ย้อนกลับไปในพฤษภาคม ปี 2013 มันดูจะเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับ แมนฯยูไนเต็ด และ มูรินโญ่ หลังจากการประกาศวางมือของ เฟอร์กูสัน เพราะโค้ชโปรตุกีส เป็นคนที่มีประสบการณ์ และมีคุณสมบัติครบถ้วนในการเข้ามากุมบังเหียน “ปีศาจแดง”
อย่างไรก็ตาม มูรินโญ่ เลือกจะกลับมาคุม เชลซี อีกครั้ง มันจึงทำให้ แมนฯยูไนเต็ด ต้องเลือก เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมชาวสก็อตแลนด์ เข้ามาทำหน้าที่ต่อจาก เฟอร์กูสัน และจากนั้น ก็เป็น หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์ชาวดัตช์ เข้ามาคุมทีม
ในที่สุด มูรินโญ่ ก็มารับงานที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 ต่อจาก ฟาน กัล และทันใดนั้น เขาก็กลายเป็นคนที่ใช่ ในเวลาที่ผิด ซึ่งบางทีอาจเป็นครั้งแรกในอาชีพผู้จัดการทีมของเขาเลยก็ว่าได้ นับตั้งแต่โด่งดังกับ ปอร์โต้
ในขณะที่เวลานี้ มูรินโญ่ ได้รับมรดกทีมพร้อมที่จะไปถึงจุดสูงสุดที่ ท็อตแน่ม ต่อจาก โปเช็ตติโน่ โดยอดีตนายใหญ่ ปอร์โต้ พบว่า ตัวเองมีตัวเลือกนักเตะที่ดีขึ้น มากกว่าสมัยที่เขายังคุม แมนฯยูไนเต็ด ซึ่งยังไม่ดีพอที่จะแข่งขันกับบรรดาทีมชั้นนำ
เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือชาวสเปน มาทำงานในเมืองแมนเชสเตอร์ กับ แมนฯซิตี้ ในเวลาเดียวกันกับ มูรินโญ่ และทาง “เรือใบสีฟ้า” เตรียมพร้อมสำหรับการมาถึงของ เป๊ป อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทุนต่างๆ และการลงทุนซื้อนักเตะใหม่ตามที่เขาต้องการ
ขณะที่ มูรินโญ่ ใช้เงินไปเกือบ 400 ล้านปอนด์ในการพยายามทำให้ แมนฯยูไนเต็ด กลับมาสู่จุดเดิม แต่เขาไม่เคยมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนเพราะมีปัญหาบางอย่าง โดยกุนซือชาวโปรตุเกส เลือกที่จะอาศัยอยู่ในโรงแรมเมืองแมนเชสเตอร์ตลอดระยะเวลาที่เขาคุมทีม และเชื่อว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จได้กับ “ปีศาจแดง” ได้
อย่างไรก็ตาม มันแตกต่างกัน ที่ สเปอร์ส เขามีเครื่องมือที่เขาสามารถสร้างทีมที่ชนะ และเขาไม่ต้องใช้เงินเพื่อกว้านซื้อนักเตะมากมายมาเสริมทัพ เพราะเขามีทีมที่สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะสำคัญของทีมที่ประสบความสำเร็จทั้งหมดของเขาอยู่ในมือแล้ว
กองหลังที่แข็งแกร่ง และมีประสบการณ์ กองกลางตัวรับที่เชื่อถือได้ กองหน้าระดับโลก และแนวรุกที่อันตราย มูรินโญ่ ไม่เคยมีตัวเลือกเหล่านั้นในฐานะผู้จัดการทีม แมนฯยูไนเต็ด ซึ่งเขาเป็นคนที่ใช่ในเวลาที่ผิดมาเกือบ 2 ปีครึ่ง
แต่ มูรินโญ่ กำลังมุ่งหน้ากลับไปที่สโมสรเก่าของเขาในวันพุธในฐานะคนที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสมสำหรับ ท็อตแน่ม ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้ารอยยิ้มของเขายังคงอยู่ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในชั่วขณะ
