ประวัติสโมสร แอร์เบ ไลป์ซิก (RasenBallsport Leipzig e.V.)

ประวัติสโมสร แอร์เบ ไลป์ซิก

กระทิงแดงดุแห่งเวที บุนเดสลีก้า เยอรมัน สโมสรน้องใหม่ที่มีประวิตไม่ได้ยืนยาวนานเหมือนกับสโมสรรุ่นพี่อื่นๆในลีกแต่เรื่องของฝีไม้รายมือจัดว่าไม่เป็นรองใครหรือพูดง่ายๆเทียบชั้นกับทีมใหญ่ๆในลีกได้เลยไม่ว่าจะเป็น บาเยิร์น มิวนิค หรือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตามเกาะติดหัวตารางมาตลอดโดยเฉพาะในฤดูกาล 2020 ที่ผ่านมาแล้ว 50 เกมพวกเขาสามารถรั้งอันดับ 3 ของตารางไว้ได้อีกทั้งยังไล่แต้มจ่าฝูง เสือใต้ อยู่เพียงแค่ 5 คะแนนเท่านั้น หากจะถามถึงที่มีที่ไปใครหลายคนคงอยากจะรู้จักถึงภูมิหลังของทีมนี้ว่าเดิมทีนั้นพวกเขามีที่มาที่ไปอย่างไร ย้อนกลับไปในปี 2009 จุดเริ่มต้นของ กระทิงแดงดุ แอร์เบ ไลป์ซิก ถูกก่อตั้งขึ้นจาก บริษัทเครื่องดื่มชูกำลังที่พวกเรารู้จักกันดีนั่นก็คือ เร้ด บลูล์ จีเอ็มบีเอช ที่ลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการขอซื้อสโมสรฟุตบอลในดิวิชั่น 5 ของเยอรมัน และเอามาปัดฝุ่นใหม่จนกลายเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อว่า แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยความตั้งใจขององค์กรที่ต้องการจะสร้างทีมฟุตบอลให้โด่งดังไปทั่วโลกพวกเขาใช้เวลาในการพัฒนาทีมไม่นานก็ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเรื่อยๆจนกระทั่งขึ้นมาอยู่บนลีกสูงสุดโดยใช้เวลาแค่เพียง 8 ปีเท่านั้น สโมสรฟุตบอลแห่งนี้เดิมทีตั้งอยู่ที่ เมือง ไลป์ซิก ในรัฐแซกโซนี่ ประเทศเยอรมนี มีสนามเหย้าที่จุที่นั่งได้ทั้งหมด 42,959 ที่นั่ง พวกเขาตั้งชื่อสนามตามสโลแกนของบริษัทนั่นก็คือ เร้ดบลูล์ อารีน่า เพียงแค่ปีเดียวที่บริษัท เร้ดบลูล์ เข้ามาบริหารก็สามารถทำให้ ไลป์ซิก เป็นแชมป์ในดิวิชั่น 5 ได้อย่างรวดเร็วและเลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ในดิวิชั่น 4 เมื่อฤดูกาล 2012-13 และแล้วอย่างที่คิดไว้ภายในระยะเวลาไม่นานพวกเขาผ่านจากดิวิชั่น 4- 3 จนได้เข้าใก้ลเป้าหมายคือลีกสูงสุดในปีและเป็นทีมจาก ดิวิชั่น 3 ทีมแรกที่ใช้เวลาแค่เพียง 2 ปีในการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีก้า 2 ของเยอรมัน และในที่สุด วันที่ 8 พฤษภาคม 2016 ความตั้งใจของพวกเขาก็มาถึง ไลป์ซิก เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ และในระยะเวลาแค่เพียงปีเดียว ไลป์ซิก จบอันดับท็อป 4 คว้าโควต้าไปเตะฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อย่างรวดเร็ว

เรื่องราวความเป็นมาที่เกี่ยวข้องกับสโมสรแห่งนี้

ไลป์ซิก สโมสรฟุตบอลขนาดเล็กที่เกิดขึ้นโดยบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังขนาดใหญ่ที่ใครหลายคนรู้จักกันในนามของ RED BULL ที่บริหารงานโดยนาย ดีทริช เมเทสซิทซ์ เขาตั้งใจที่จะเสาะแสวงหาแหล่งลงทุนเกี่ยวกับวงการฟุตบอลในประเทศเยอรมนี เขามีเป้าหมายหลายแห่งที่เยอรมันที่สนใจจะลงทุน แต่แล้วด้วยความที่มีคนรู้จักในนามคนสนิทเป็นตำนานนักเตะชื่อดังอย่าง ฟรานซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ ที่แนะนำให้พวกเขามาลงทุนที่เมือง ไลป์ซิก พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะปักลักลงทุนกันที่เมือง ไลป์ซิก ในทันทีแบบไม่ต้องสงสัย โดยในปี 2006 พวกเขาเริ่มมองไปที่สโมสรประจำท้องถิ่นอย่าง เอฟซี ซัคเซนไลป์ซิก ซึ่งกำลังโลดแล่นอยู่ใน ดิวิชั่น 4 ของเยอรมัน ทาง เร้ดบลูล์ เตรียมพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอและเทคโอเวอร์สโมสรในทันทีโดยเริ่มต้นด้วยการเจรจาพร้อมจะยอมทุ่มเงินจำนวน 50 ล้านยูโรเพื่ออัดฉีดให้กับสโมสรพร้อมกับเงื่อนไขที่ต้องการจะเปลี่ยนสีเสือและชื่อาาสโมร แต่ด้วยความไม่พอใจของแฟนบอลในระแวกนั้นจึงมีการประท้วงกันเกิดขึ้นซึ่งนำไปสู่สถานการณ์ความรุนแรงแต่แล้วทางสมาคมฟุตบอลเยอรมันก็ไม่สามารถอนุมัติให้ทางบริษัทเรดบลูล์ เป็นผู้เทคโอเวอร์สโมสร เอฟซี ซัคเซน ได้ ทำให้ดีลนี้กับร่มลงไปทั้งๆที่ใช้เวลาเจรจานานอยู่หลายเดือนแต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้เตรียมแผนใหม่ในการเดินหน้าต่อแล้วมุ่งไปที่ทางฝั่งตะวันตกของเยอรมันและเดินหน้าเปิดโต๊ะเจรจากับสโมสร ซังค์ เพาลี แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเหล่าแฟนบอลของ ซังค์ เพาลี ทราบข่าวก็มีการออกมาประท้วงกันในทันทีทำให้ดีลนี้ต้องร่มลงไปอีกครั้งหลังจากนั้นก็เปิดโต๊ะเจรจาอยู่หลายสโมสรไม่ว่าจะเป็น ฮัมบูร์ก หรือว่า 1860 มิวนิค รวมไปถึงสโมสรเก่าแก่อย่าง ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ทีมที่มีประวัติมายาวนานไม่ต่ำกว่า 100 ปี แต่แล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะแผนการที่ทาง เร้ดบลูล์ เตรียมมาเพื่อเจรจาคือพวกเขาต้องการหุ้นมากกว่า 50% และเปลี่ยนชื่อทีมใหม่เป็นเหตุให้การเจรจาไม่เป็นผลและเหตุการณ์เดจาวูที่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าต้องมีการประท้วงจากแฟนบอลอย่างแน่นอนก็เกิดขึ้นจนทำให้พวกเขาต้องกรูทัพกับมาที่เยอรมันฝั่งตะวันออกอีกครั้ง เป้าหมายใหม่ยังคงย้อนรอยกลับมาอยู่ที่เมือง ไลป์ซิก เหมือนเคยซึ่งเป็นแหล่งในการลงทุนชั้นดีที่พวกเขามองไว้ตั้งแต่แรก เพราะเมืองนี้เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอล เคยมีตำนานทีมเก่าแก่ของเยอรมันที่ฟาดฟันกันอยู่ที่เมืองแห่งนี้แต่ตั้งแต่ปี คศ.1994 เป็นต้นมาก็ไม่เคยมีทีมไหนในเมือง ไลป์ซิก ทะยานขึ้นไปเล่นอยู่ในลีกสูงสุดของเยอรมันได้เลยแต่ที่ย่ำแย่ไปกว่านั้นก็คือการที่ไม่เคยมีทีมไหนย่างกายเข้าไปเล่นฟุตบอลระดับอาชีพได้เลย นับเป็นเมืองที่เหมาะแก่การฟื้นฟูอย่างมากหากว่าไม่ติดปัญหาที่เรื่องของ แฟนบอล ป่านนี้คงมี แอร์เบ ไลป์ซิก เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นเร็วอีก 3 ปี อย่างไรก็ดีเมื่อมีประชากรจำนวนมากในเมืองที่ยังต้องการเห็นสโมสรฟุตบอลในเมืองได้ไปโล้ดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดความกระหายที่ยังคงครุกรุ่นอยู่ในเมืองเหมาะที่จะสร้างทีมฟุตบอลขึ้นมาใหม่แถมยังไม่มีสโมสรยักษ์ใหญ่ในระแวกใกล้เคียงที่เล่นอยู่ในบุนเดสลีก้าเลยถือว่าเป็นสถานที่ยุธศาสตร์ในการลงทุนอย่างแท้จริง ยิ่งมีผู้คนมากมายกระหายที่จะได้เชียร์ทีมรักของพวกเขาในศึกใหญ่การใช้เมืองไลป์ซิกเป็นอะไรที่ตอบโจทย์อย่างมากจึงเป็นเหตุที่ทำให้ ดีทริช ส่งทีมเข้าสำรวจและเจรจาอีกครั้งหลังจากที่มีประสบการณ์ก่อนหน้านี้กับทีมที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกระแสต่อต้านของแฟนบอลเป็นปัญหาหลักที่พวกเขาต้องคำนึงแต่แล้วเมื่อในหัวพบเจอแต่กับทางตันความคิดริเริ่มในการสร้างสโมสรใหม่ขึ้นมาจึงเกิดขึ้นและพวกเขาก็ติดต่อเข้าหากับสมาคมฟุตบอลในรัฐแซกโซนี่ เพื่อหาแนวทางและข้อปฎิบัติในการสร้างทีมฟุตบอลใหม่ขึ้นมา ซึ่งพวกเขาต้องคำนึงถึงหลายๆอย่างไม่ว่าจะตัวนักเตะ สิทธิ์ในตัวนักเตะหากไม่สามารถเริ่มต้นกับฟุตบอลลีกหรือฟุตบอลระดับอาชีพได้คงไม่มีนักเตะคนไหนอยากย้ายมาเล่นให้กับพวกเขาอย่างแน่นอนอาจจะเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่หากพวกเขาจะตัดสินใจลงทุนในครั้งนี้ และแล้วพวกเขาก็เริ่มต้นวางแผนใหม่โดยการหาสโมสรที่เล่นอยู่ในลีกล่างก็คือรายการ โอเบอร์ลีกา ประมาณดิวิชั่น 5 ของเยอรมัน และด้วยคำแนะนำของ มิชาเอล โคลเมล พวกเขาก็เดินทางไปเจอกับเป้าหมายอย่างสโมสร เอสเอสเฟา มาร์ครานสเตดท์ ทีมฟุตบอลขนาดเล็กที่ตั้งออกห่างจากเมืองหลวงไลป์ซิกไปประมาณ 13 กิโลเมตร ในที่สุดการเปิดโต๊ะเจรจากันก็เริ่มขึ้นด้วยความที่ประธานของสโมสร เอสเอสเฟา เองก็อยากเห็นการพัฒนาของสโมสรและความมั่นคงเขาจึงยอมทำข้อตกลงกับบริษัท เร้ด บลูล์ บีเอ็มจีเอช และหลังจากการเจรจาผ่านลุล่วงไปด้วยดี 5 สัปดาห์ต่อมา สิทธิในการลงแข่งในเกมลีก โอเบอร์ลีก้า ก็เป็นของทา เร้ดบลูล์ ในที่สุดด้วยข้อเสนอราวๆ 350,000 ยูโร ทำให้เส้นทางของสโมสรถูกกำหนดมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

จุดกำเนิดของ สโมสร ราเซนบอลสปอร์ต ไลป์ซิก ก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2009 โดยมีบุคลากรที่บริหารสโมสรอยู่ 7 คนด้วยกันซึ่งเป็นคนที่ทำงานให้กับบริษัท เร้ดบลูล์ ทั้งหมด นำทีมโดย อันเดรียาส ซานโล ที่ถูกโหวตขึ้นมาให้เป็นประธานนอกจากนั้นยังมีการจ้างวานให้ โยอาคิม บรูค เข้ามารับหน้าที่ผู้อำนวยการการกีฬา แต่ก็เหมือนจะมีปัญหาอยู่หนิดหน่อยเมื่อทาง ซานโล เองเคยทำหน้าที่เป็นเอเย่นต์นักเตะมาก่อนทางสมาคมฟุตบอลของเยอรมันจึงต้องการให้เขาลาออกจากตำแหน่งเก่าหรืออาชีพที่มีความเกี่ยวพันวงการฟุตบอลมาก่อนเพือไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลังเช่นเดียวกับ บรู๊ก ที่เคยทำงานเป็นเหตุโค้ชมาก่อน และจุดเริ่มต้นของสโมสรแห่งก็เริ่มขึ้นคงไม่ต้องไปค้นประวัติศาตร์ใดที่เกี่ยวกับสโมสรแห่งนี้เพราะพวกเขาก็คือทีมใหม่ที่อาศัยพื้นที่ดิวิชั่น 5 ของเยอรมันเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝันที่พวกกลุ่มลงทุนของบริษัท เร้ดบลูล์ ตั้งไว้ภายใต้กระแสการโจมตีของแฟนบอลและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขายอมแพ้และจนแล้วจนรอดในที่สุดพวกเขาก็ขึ้นมายืนยัดอยู่บนเป้าหมายใหญ่ได้สำเร็จ นั่นคือการพาทีมจากเมือง ไลป์ซิก ลงแข่งในรายการเกมลีกสูงสุด บุนเดสลีกา เยอรมัน หากจะไล่ลำดับความมุ่งมั่นของพวกเขาย้อนกลับไปที่ฤดูกาลแรก 2010-11 นัดแรกที่พวกเขาได้ลงสนามภายใต้ปัญหาการประท้วงของแฟนบอลนั่นก็คือการเตะอุ่นเครื่องกับทีม เอสเฟา บานเนวิชท์ ทีมจากดิวิชั่น 6 ผลการแข่งขันจบลงด้วยชัยชนะของ เร้ดบลูล์ ไลป์ซิก ไป 5-0 ถือว่าเป็นการวอร์มเครื่องก่อนลงศึกจริงโดยเกมลีกนัดแรก พวกเขาเจอกับ คาร์ล ไซส์ เยน่า ในวันที่ 8 ส.ค.2009 ผลจบลงด้วยการเสมอกันไปแบบมีสกอร์ 1-1 ส่วนเกมแรกที่พวกเขาแพ้ในการเริ่มต้นคือการแพ้ให้กับ บูดิสซ่า เบาท์เซ่น ในวันที่ 13 กันยายน 2009 แต่ที่เห็นได้ถึงพลังเงินและความทะเยอทะยานทำให้ครึ่งฤดูกาลแรกของพวกเขายังคงเป็นที่ 1 ของตาราง ส่วนครึ่งฤดูกาลหลังของพวกเขาออกสตาร์ทได้ท็อปฟอร์มกว่าหลังจากที่ได้ ดีทมาร์ ไบเออร์สดอร์เฟอร์ อดีตนายเก่าของ ฮัมบูร์ก มารับช่วงต่อจาก อันเดรียส ซาดโล ที่ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งแบบไม่ทราบสาเหตุนอกจากนั้นยังมีการเซ็นสัญญาคว้าตัวนักเตะมิดฟิลด์ตลาดล่างอย่าง ติโม รอสต์ จากสโมสรใน ลีก้า 2 อย่าง เอเนอร์กี้ คอตบุส มาร่วมทีมทำให้ทีมยกระดับเกมรุกได้ดีขึ้นอย่างมาก จนแล้วจนเล่าเมื่อจบฤดูกาลพวกเขาก็ลงเอ่ยที่แชมป์ลีก โอเบอลีก้า หรือ ดิวิชั่น 5 ของ เยอรมนี ได้อย่างน่าประทับใจโดยมีแค่ 2 เกมที่พ่ายแพ้ไปเท่านั้น รวมไปถึงอัตราการทำประตูตลอดทั้งซีซั่นพวกเขายิงไปมากถึง 74 ประตูและเสียไปแค่ 17 ประตูเท่านั้นหลังจากนั้นเพียงสิ้นฤดูกาลแค่เพียงวันเดียวก็ได้มีการยกเครื่องทีมบริหารกันยกใหญ่ มีการถอด โยอาคิม บรูค ออกจากตำแหน่งและ ติโม่ โฟเกิ้ล ทีทำหน้าที่ผู้จัดการทีมออกจากตำแหน่งเนื่องจากทาง บริษัท ต้องการที่จะพัฒนาสโมสรให้กลายเป็นโปรเจ็คหลักขอกลุ่มธุรกิจลูกหนังและก็ได้มีการเปิดโต๊ะเจรจากับ โทมัส ออรัล เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมคนต่อไป โดยกำหนดที่ ออรัล เข้ามาทำงานคือวันที่ 18 มิถุนายน 2010 และนักเตะในทีม 5 คนไม่ได้ไปต่อกับสโมสรและยังมีอีก 2 แข้งที่ประแขวนสตั๊ดอำลาสนามไป นับว่าเป็นการยกเครื่องทีมครั้งใหญ่ก่อนลงดวลศึก ดิวิชั่น 4 ของพวกเขาเลยก็ว่าได้

เส้นทางบนสังเวียน เรริโอนาลลีก้า (ดิวิชั่น 4 )

ก่อนการออกสตาร์ทในศึกฟุตบอล ดิวิชั่น 4 ของเยอรมัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกี่ยวกับเรื่องของนักเตะ โดยทางสโมสรจัดส่งนักเตะ ชุด 2 และ 3 และ 4 คืนให้กับสโมสร มาร์ครานสเตดท์ และใช้วิธีการดึงตัวนักเตะ เอเอสเฟา เดลิทช์ เข้ามาเป็นทีมสำรองของทีมและซื้อสิทธิ์ในการลงเตะในดิวิชั่นสมัครเล่นให้กับพวกเขา และได้ทำการย้ายนักเตะชุดใหญ่ของทีมทั้งหมดลงเตะในสนาม เซ็นทรัลสตาติโอน ตามเป้าหมายที่วางไว้ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อสนามใหม่มาใช้ว่า เร้ด บลูล์ อารีน่า ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปในวันที่ 24 กรฎาคม 2010 ด้วยนัดในการเปิดสนามคือการดวลเกมกระชับมิตรกับ ชาลเก้ 04 ปรากฎว่าพ่ายแพ่คาถิ่นไป 1-2 ท่ามกลางแฟนบอลที่เข้ามาชมเกม 21,566 คน หลังจากนั้นการประเดิมเริ่มต้นซีซั่นใหม่ในรายการ เรกิโอนาลลีก้า ก็เริ่มต้นขึ้นพวกเขาออกสตาร์ทได้ดีมีชัยชนะอย่างต่อเนื่องจนขึ้นแท่นเป็นทีมเต็งที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปในซีซั่นหน้า พอจบครึ่งฤดูกาลแรกทางสโมสรก็เพิ่มความดุดันในเกมรุกโดยการดึงตัวกองกลาง ธิอาโก้ โรคเคนบัค แต่ถึงอย่างไรก็ดีพวกเขาจบรายการด้วยอันดับ 4 ของตารางทำให้ไม่ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น 3 แต่ก็ยังดีที่ได้ถ้วยแชมป์รายการ แซกโซนี่ คัพ มาครองได้และต่อยอดทำให้พวกเขาได้เข้าร่วมรายการฟุตบอลถ้วยในตำนานของเยอรมันอย่าง เดเอฟเบ โพคาล ฤดูกาล 2011-12 นั่นเอง และก็มีการเปลี่ยนกุนซือใหม่อีกครั้งหลังจากความหวังที่จะได้ฤดูกาลนี้หมดไป พวกเขาไปดึง ปีเตอร์ พาคูลท์ จากสโมสร ราปิด เวียนนา มากุมบังเหียนต่อจาก ออรัล ในฤดดูกาลหน้าตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2011แถมยังปลด โธมัส ลิงเค่ ออกจากตำแหน่ง ผอ.กีฬา ที่พึ่งจะรับหน้าที่ได้เพียงแค่ 10 สัปดาห์เท่านั้นเท่านั้นยังไม่พอหลังสิ้นฤดูกาลสโมสรยังปล่อยตัวนักเตะชุดที่พากันคว้าแชมป์ แซกโซนี่ ไปหลายคนจนเหลือนักเตะที่เลื่อนชั้นขึ้นมาแค่เพียง 3 รายเท่านั้น การลงเล่นในเกม เอเอฟเบ โพคาล ของ ไลป์ซิก คือวันที่ 29 กรกฎาคม 2011 ลงเล่นในบ้านของตัวเองมีแฟนบอลมาชมเกมมากถึง 31,212 คน เป็นการเจอกับ โวล์ฟบวร์ก ทีมจาก บุนเดสลีก้า เยอรมัน ผลที่ออกมาในเกมนั้นพวกเขาผงานเอาชนะยักษ์ใหญ่ไปได้อย่างหวุดหวิดด้วยสกอร์ 3-2 และเป็นการซัดแฮตทริกว์ของ ดาเนี่ยล ฟราห์น แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องตกม้าตายไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะต้องมาพ่ายแพ้ให้กับ เอาส์กบวร์ก ไป 1-0 ตกรอบไม่ได้ไปต่อในรอบถัดมา ส่วนเกมใน เรกิโอนาลลีก้า พวกเขาจบได้แค่อันดับ 3 ของตารางซึ่งอดผ่านขึ้นสู่ดิวิชั่น 3 เหมือนเคย อยากที่ทุกคนรู้คำตอบกันดีว่าเมื่อทีมไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ทีมบริหารวางเอาไว้ก็มีการจัดเปลี่ยนห้องเครื่องชุดใหญ่โดยทาบทาม ราล์ฟ รังนิก เข้ามาทำหน้าที่ ผอ.ฝ่ายกีฬา ก่อนที่จะปล็ค พาคูลท์ ออกจากตำแหน่งกุนซือและดึงตัว อเล็กซานเดอร์ ซอร์นิเกอร์ เข้ามารับช่วงต่อ หลังจากนั้นการออกสตาร์ทในเกมลีกก็เริ่มขึ้นผลงานของ ไลป์ซิก ดีขึ้นกว่าเดิมมากมายต่างจากเมื่อ 2 ซีซั่นที่ผ่านมาพวกเขารั้งอันดับจ่าฝูงของตารางไว้ได้ในครึ่งซีซั่นแรกของฤดูกาล 2012-13 และเมื่อจบสิ้นฤดูกาลความฝันของพวกเขาก็เป็นจริงพวกเขาได้ตั๋วเตะเพลย์ออฟเลื่อนชั้นในฐานะทีมแชมป์ของ เรดิโอนาลลีกา ตะวันออกเฉียงเหนือ เตะตัดเชือกกับ ผู้ชนะจากทางฝั่งเยอรมันตะวันตก อย่าง สปอร์ตฟรอยน์เดอ ลอตเต้ โดยแข่งกันที่สนาม เร้ดบลูล์ อารีน่า เกมแรก ไลป์ซิก เปิดบ้านชนะไปก่อน 2-0 ตามด้วยการมาเสมอกันไปอีกนัดที่บ้านของ ลอตเต้ ผลออกมาเป็นการเสมอกันไป 2-2 สกอร์รวม 2 นัด ไลป์ซิกชนะ สกอร์รวมกันไป 4-2 ผ่านเลื่อนชั้นขึ้นลีก้า 3 ของเยอรมันได้สำเร็จ นอกจากนั้นพวกเขายังได้แชมป์ถ้วยรายการ แซกโซนี่ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

เส้นทางบนสังเวียน เยอรมัน ลีก้า 3

เส้นทางบนสังเวียน เยอรมัน ลีก้า 3 ฤดูกาล 2013-14

ดูเหมือนเส้นทางเป้าหมายที่พวกเขาหวังไว้จะเริ่มเข้าใกล้มาทุกทีโดยปีนี้เป็นปีที่พวกเขาเสริมทัพนักเตะหน้าใหม่หลายรายอาทิเช่น อันโตนี่ ยุง จากสโมสร เอสเอฟเอา แฟร็งค์เฟิร์ต ,โทเบียส วิลเลอร์,โจชัว คิมมิช,อันเดร ลูเก้ , คริสตอส ปาปาดิทริอู , ยุสซุฟ โพลเซ่น เป็นต้น ในวันที่ 2 สิงหาคม 2013 การลงสนามในเกมบอลถ้วย เยอรมัน คัพ พวกเขาตั้งพ่ายแพ้ให้กับคู่ปรับเก่าอย่าง เอาก์สบวร์ก คาบ้านตัวเองไป 2-0 ทำให้ตกรอบตั้งแต่นัดแรกไปอย่างน่าผิดหวังแต่บนความผิดหวังยังมีแรงผลักดันในรายการบอลลีกที่พวกเขาทำได้จนจบอันดับที่ 2 ของตารางได้ทำให้ได้ตั๋วผ่านเลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น 2 ของเยอรมันโดยอัตโนมัติในฤดูกาลเดียวกันพวกเขาทำสถิติใหม่ให้กับสโมสรโดยการมีแฟนบอลเข้าชมเกมในสนามมากถึง 42,713 ที่นั่งโดยเป็นเกมที่พวกเขาเจอกับ ซาร์บรุคเค่น ทีมอันดับสุดท้ายของตาราง โดยพวกเขาเชือดไก่คาบ้านตัวเองไปได้ด้วยสกอร์ชัยถึง 5 ประตูต่อ 1 กลายเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ของวงการลูกหนังของเยอรมันที่เป็นทีมจาก ลีก้า 3 ใช้เวลาในการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ ลีก้า 2 โดยใช้ระยะเวลาแค่เพียงปีเดียว

จุดมุ่งหมายไม่ไกลเกินเอื้อม สังเวียนบน บุนเดสลีก้า 2 เยอรมัน ฤดูกาล 2014-15

ธรรมดาเมื่อทีมที่มีผลงานดีเกินหน้าเกินตาย่อมมีปัญหากับคนหมู่มากอย่างแน่นอนหลังจากที่พวกเขาเลื่อนชั้นขึ้นมาก็มีกระแสวิพากษ์วิจาร์ณจากกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่พวกเขาใช้กลุ่มคนในบริษัทกลุ่มทุนเข้ามาทำงานบริหารจัดการสโมสรซึ่งไม่มีความเป็นเอกเทศเพียงพอทำให้ สมาคมฟุตบอลเดิมที่เป็น เดเอฟเบ ที่ได้เปลี่ยนมาเป็น บริษัทฟุตบอลลีกเยอรมัน (Deutsche Futball Liga) หรือที่รู้จักกันในนาม เดเอฟแอล ออกมาประกาศให้ทางสโมสร แอร์เบ ไลป์ซิก ทำตามข้อเสนอ 3 ข้อเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อคอระหาได้ในภายหลังโดยกฎทั้ง 3 ข้อมีดังนี้ 1.ขอใหทางสโมสรเปลี่ยนแปลงตราสโมสรใหม่ไม่ให้คล้ายกลับตราของบริษัท เร้ด บลูล์ มากจนเกิดไป 2.ต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร และข้อสุดท้ายคือต้องลดค่าทำเนียมสมาชิกเพื่อให้สมาชิกหน้าใหม่ได้เข้าถึงสโมสร เป็นประกาศแรกที่สมาคมฟุตบอล เยอรมัน ประกาศออกมา หลังจากนั้นทางสโมสรได้ยื่นอุทรณ์ไปทาง เดเอฟแอล ในวันที่ 30 เมษายน 2014 และในวันเดียวกัน ราล์ฟ รักนิก ออกมาแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนว่าถึงความตั้งใจที่จะยอมทำตามข้อเรียกร้องของสมาคมโดยเกริ่นประโยคเด็ดออกมาว่า “ที่สำคัญไม่ใช่ว่ามีอะไรเขียนอยู่ที่บนชุดแต่สิ่งสำคัญที่สุดคือสิ่งที่อยู่ข้างใน” และแล้วการอุทรณ์ก็ถูกปัดไปในวันที่ 8 พฤษภาคม 2014 ทำให้ทาง ดีทริช เมเทสซิทซ์ เจ้าของบริษัทและสโมสร เร้ดบลูล์ ไม่พอใจอย่างมากถึงคำตัดสินของสมาคมฟุตบอลเยอรมันอีกทั้งยังประกาศกร้าวอีกว่าจะไม่ลงเล่น ลีก้า 3 ของเยอรมันอีกและจะยกเลิกโปรเจคทั้งหมดในทันทีหากสโมสรของเขาไม่ได้รับการอนุมัติให้ลงแข่งใน บุนเดสลีก้า 2 เยอรมัน และแล้วการยื่นอุทรณ์ในครั้งที่ 2 ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งในวันที่ 12 พฤษพาคม กว่าจะได้ผลอนุมัติที่ชัดเจนข้อสรุปที่ตกลงกันได้ลงตัวก็ปาไปถึงวันที่ 15 พฤษภาคม เมื่อทาง สโมสรยินยอมที่จะเปลี่ยนตราสโมสรและจัดการบริหารภายใต้ความเชื่อมั่นว่าจะต้องเป็นคนละส่วนกับธุรกิจ เร้บลูล์ บีจีเอ็มเอช หลังจากนั้นการเดินเรื่องในการเซ็นสัญญานักเตะเข้าทีมก็เกิดขึ้นโดยที่ซัมเมอร์นี้ ไลป์ซิก ใช้เงินไปมากถึง 12 ล้านยูโร นับเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลยสำหรับสโมสรที่มาจากลีก้า 3 อย่างรวดเร็ว พวกเขาตกลงคว้าตัว รานี่ เคดิร่า มาจาก สตุ๊ตการ์ท / ลูคัส คอสเตอร์มันน์/จาก โบคุ่ม / มาเซล ซาบิตเซอร์ จาก เร้ดบลู ซัลซ์บวร์ก / เทอร์เรนซ์ บอยด์ จาก ราปิด เวียนนา และรายสุดท้ายคือ มัสซิโม่ บรูโน่ จาก อันเดอร์เลชท์ ในขณะที่มีการดึงนักเตะเข้าทีมมากมายพวกเขาก็ตัดสินใจปล่อยนักเตะหน้าเก่าออกไปเยอะพอสมควรแถมยังปล่อย มัสซิโม่ บรูโน่ ที่พึ่งดึงตัวมาปล่อยให้กับ เร้ดบลู ซัลซ์บวร์ก ยืมตัวไป หลังจากนั้นการเริ่มลงสามฟาดแข้งก็เริ่มต้นด้วยการอุ่นเครื่องก่อนลงดวลศึกจริงใน ลีก้า 2 โดย 1 ในเกมอุ่นเครื่องมีเกมที่พวกเขาเอาชนะทีมใหญ่จากฝรั่งเศสอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไปได้ 4-2 ต่อสายตาผู้ชมที่เข้ามาดูเกมมากถึง 35,796 ที่นั่ง ประเด็นสำคัญในเกมวันนั้นคือการ เทอร์เรนซ์ บอยซ์ แข้งใหม่ที่ย้ายเข้ามา ประเดิมประตูแรกในสีเสือของ ไลป์ซิก ได้สำเร็จแถมเข้ายังได้แลกเสื้อกับนักเตะ ปารีส คนดังอย่าง สลาตัน อิบราฮิโมวิช อีกด้วย พวกเขาประเดิมนัดแรกใน บุนเดสลีก้า 2 เยอรมัน ด้วยการเจอกับทาง เฟาเอฟแอร์ อาเล่น ในวันที่ 2 สิงหาคม 2014 ผลปรากฎว่าเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ และ 3 -4 เกมที่พวกเขากำชัยมาอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้นก็บุกไปปราชัยให้กับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เป็นเกมแรกใน ลีก้า 2 ส่วนในรายการ เดเอฟเบ โพคาล ทีพวกเขาลงสนามไปสามารถทะลุเข้าไปได้ถึงรอบ 16 ทีมนับเป็นครั้งแรกของสโมสรที่ทำได้ แต่พอสิ้นสุดครึ่งฤดูกาลแรกพวกเขากับทำอันดับในตารางคะแนนอยู่ที่ 7 เนื่องจากฟอร์มช่วงหลังดูเหมือนจะไม่ค่อยดีมีขึ้นมีลงตลอดเวลา ทำให้ทางสโมสรอนุมัติเงินให้กับ ซอร์นิกเกอร์ ไปช็อปนักเตะเข้าทีมอรรก 10.7 ล้านยูโร นับว่ารวมๆแล้วฤดูกาลนี้พวกเขาใช้เงินในการซื้อนักเตะไปมากกว่าสโมสรที่เหลืทใน ลีก้า 2 เยอรมันสะอีก ย้อนกลับไปที่เกม เดเอฟเบ โพอคาล หลังจากที่ผ่านมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายพวกเขาก็เชือดไปในรอบ 3 โดยการแพ้คาบ้านไปให้กับทาง โวล์ฟบวร์ก 0-2 รวมถึงการทำสถิติขายตั๋วเข้าชมจนหมดเกลี้ยงนับเป็นสถิติใหม่ของสโมสร เมื่อผลงานไม่กระเตื้องขึ้นทางบอร์ดบริหารจึงเรียก ซอร์นิกเกอร์ ไปเจรจาแยกทางกับการทำทีมของเขาทำให้สื่อมวยชลหลายที่ต่างตั้งข้อสงสัยในการตัดสินใจปลด ซอร์นิกเกอร์ เพราะว่าเขามีส่วนที่ทำให้สโมสรผ่านขึ้นสู่ลีก้า 2 ได้อย่างรวดเร็วแต่ไม่นานหลังจากที่พูดคุยกันจบวันรุ่งขึ้น ซอน์นิกเกอร์ ก็ตัดสินใจลาออกในทันที ขณะที่ทางสโมสรมองหากุนซือใหม่เข้ามารับช่วงต่อ หวยก็ไปออกที่ อาคิม ไบเออร์ลอร์เซอร์ โค้ชที่คุมชุด U-17 ให้กับสโมสรขึ้นมารักษาการณ์แทนจนจบฤดูกาลและในที่สุดสงครามลูกหนังลีก้า 2 เยอรมันจบลงพวกเขาจบลงที่อันดับ 5 ของตารางหมดสิทธิ์ที่จะเลื่อนชั้นขึ้นไปบนเวลาที่ใหญ่ของประเทศ หลังจากนั้นเมื่อการเจรจาหากุนซือใหม่มารับงานต่อไม่เป็นผล รังนิก ผอ.ฝ่ายกีฬาของสโมสรก็ทำหน้าที่ควบตำแหน่งผู้จัดการทีมเป็นเฮดโค้ชให้ทีมในฤดูกาลหน้าโดยมี อาคิม ไบเออร์ลอร์เซอร์ เป็นผู้ช่วยคุมเกม

ฤดูกาลต่อมา 2015-2016 ความหวังที่ยิ่งใหญ่สุดท้ายก็บรรลุ

ท่ามกลางแฟนบอลที่เริ่มจะหนาขึ้นมากๆดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่ค่อยถนัดกับเกมเยอรมัมคัพสักเท่าไหร่สโมสรก็ประเดิมปรีซีซั่นด้วยการช็อบนักเตะเข้าทีมมากมายโดยใช้เงินไปมากถึง 18.5 ล้านยูโร ซึ่งเหมือนเคยที่พวกเขาใช้เงินทั้งหมดแล้วทุกสโมสรรวมกันยังใช้ไม่ถึงเลยด้วยความที่เป็นกลุ่มลงทุนที่มีทุนหนาเป็นทีมเดิมแถมยังมีสโมสรฟุตบอลในเครือของ เร้ดบลูล์ อยู่หลายสโมสรก็อัดยายซื้อขนมยายตามระเบียบพวกเขาคว้าตัวนักเตะของ เร้ดบลูล์ ซัลซ์บวร์ก มาร่วมทีมหลายรายจนไม่เป็นที่น่าพอใจของแฟนบอลใน ออสเตรีย บุนเดสลีก้า ที่ตามเชียร์ ซัลล์บวร์ก ทำให้ถึงขั้นมีการร้องเพลงด่าทอต่อต้านสโมสร ไลป์ซิก ว่าที่เข้ามาดึงนักเตะในทีมของพวกเขาไปหมด เหตุการในเกมลีกดำเนินไปอย่างดุเดือดแต่ดูเหมือนว่าสำหรับเกมบอลถ้วย เดเอฟเบ โพคาล พวกเขาจะยังไม่ค่อยถูกโฉลกสักเท่าไหร่ ถึงเกมแรกจะประเดิมชัยไปได้แต่ก็ไปพลาดท่าแพ้ไปในอีกนัดต่อมาส่งผลให้ตกรอบไปในที่สุดแต่พอพวกเขาหมดธุระในเกมบอลถ้วยแล้วกลับมาทุ่มเต็มที่กับเกมลีกนัดหลังจากที่ลงเตะ เดเอฟเบ ไปพวกเขาก็ชิงชัยมาครองได้แถมยังขึ้นแท่นเป็นจ่าฝูงของตารางได้สำเร็จ แต่หลังจากที่พวกเขายื่น 1 เป็นจ่าฝูงของตารางก็ต้องถูกเขียตกลงมาในนัดที่ 28 ของเกมลีกแถมยังไฟลนก้นมาติดๆเมื่อทีมวางอันดับ 3 อย่าง เนิร์นแบร์ก ที่ทำแต้มไล่จี้พื้นที่ในการเลื่อนชั้นของพวกเขามาอยู่เพียงแค่ 3 คะแนนจนแล้วจนเล่าในที่สุด เป้าหมายของทาง เร้ดบลูล์ ก็เป็นจริงเมื่อเกมนัดตัดสินการันตีการเลื่อนชั้นเกิดขึ้นใน นัดที่ 33 ของ เกมลีกที่พวกเขาเปิดบ้านเอาชนะ คาร์ลสรูห์ ไปได้ 2-0 ท่ามกลางผู้ชมเกมในสนาม 42,559 คน หลังจากนั้นก็มีการฉลองเลื่อนชั้นในย่านการค้าของเมือง ไลป์ซิก หลังจากที่ ไลป์ซิก ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่สังเวียนใหญ่ บุนเดสลีก้า เยอรมัน รักนิก ที่ทำหน้าที่ 2 ตำแหน่งก็ลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมและหันมาทำหน้าที่ ผอ.ด้านกีฬา อย่างเต็มตัว ภายใต้กระแสของสื่อทั้งในและต่างประเทศต่างพากันประโคมข่าวต่างๆนาๆถึงตำแหน่งหน้าที่ของ ไลป์ซิก คนต่อไปจะเป็นใคร ในที่สุดวันที่ 6 พฤษภาคม 2016 พวกเขาก็ประกาศแต่งตั้งให้ ราล์ฟ ฮาเซนอุตเติล ที่เคยทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจโดยพา อิงโกลสตัดท์ ทะยานขึ้นสู่เวที บุนเดสลีก้า เยอรมัน ได้สำเร็จแถมยังช่วยประครองให้ทีมอยู่รอดในศึกใหญ่ใน บุนเดสลีก้า เยอรมัน ได้อีกซีซั่น

2016-2017 ยกเครื่องชุดใหญ่เพื่อยกระดับสโมสรให้เทียบเท่ากับยักษ์ใหญ่ในลีก

แอร์เบ ไลป์ซิก กับประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่จะถูกจารึกอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลเริ่มเปิดคลังก่อนเปิดฤดูกาลด้วยการลงทุนเซ็นสัญญากับนักเตะเกรดบีบวกเขาทัพอยู่หลายราย อาทิ เบนโน่ ชมิตซ์, นาบี เกอิต้า และ ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่ จาก ซัลซ์บวร์ก, ติโม แวร์เนอร์ จาก สตุ๊ตการ์ท, มาริอุส มุลเลอร์ จาก ไกเซอร์สเลาเทิร์น และ โอลิเวอร์ เบิร์ก จาก น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ รวมถึง โซลท์ คัลมาร์ ที่กลับมาจากการยืมตัว แข้งแต่ระลายเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ ไลป์ซิก ขึ้นหัวตารางได้ตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นมาทำรายสถิติเก่าๆของทีมจากเยอรมันฝั่งตะวันออกที่เคยทำไว้โดย 13 เกมแรกในลีกพวกเขาสามารถรักษาสถิติไร้พ่ายไว้ได้โดยที่เป็นการเสมอไปเพียง 3 เกมที่เหลือเป็นชัยชนะทั้งหมด ในที่สุดประวัติศาสตร์ก็ต้องจารึกสโมสรแห่งนี้ไว้ในตำราว่าเป็นทีมแรกที่ทำได้ตั้งแต่มีการรวมชาติของเยอรมนี เมื่อพวกเขาสามารถจบซีซั่นด้วยการเป็นรองแชมป์จาก บาเยิร์น มิวนิค รับตั๋วไปลุยฟุตบอล ยุโรป รายการ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก ต่อไปในปีหน้า คงไม่ต้องหาคำไหนมาตั้งข้อคอระหากับพวกเขาอีกแล้วต่อให้เสียงวิพากษ์วิจาร์ณคลื่นต่อต้านทางสังคมจะมากมายเพียงใดพวกเขาก็ได้ทำให้แฟนบอลชาวเมือง ไลป์ซิก เห็นแล้วว่าการทุ่มเทที่ยิ่งใหญ่หากเรายอมรับการเปลี่ยนแปลงและยอมรับค่าความคิดของคนรุ่นใหม่ก็ทำให้เกิดความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้ แม้ว่าจะมีกลุ่มคนบางคนที่ยังไม่ยอมรับในการมาของพวกเขาแต่เชื่อว่าอีกไม่นานพวกเขาต้องสร้างตำนานให้กับชาวเมือง ไลป์ซิก ได้อย่างแน่นอน และนี่ก็เป็นข้อมูลประวัติคร่าวๆที่ได้สรุปมาให้ท่านได้อ่านไปเพื่อประโยชน์ไม่มากก็น้อย ฝากไว้เป็นคำคมสั้นว่า “หนึ่งเสียงพูดใส่ไมค์อาจจะดังได้หลายเดซิเบล แต่ความหมายมันไม่ชัดเจนเท่ากับหลายคนช่วยกันตะโกนด้วยปากเปล่า”

ยกเครื่องชุดใหญ่เพื่อยกระดับสโมสร

ชื่อสโมสร : ราเซนบอลสปอร์ต ไลป์ซิก (RasenBallsport Leipzig e.V.) หรือ แอร์เบ ไลป์ซิก

ฉายา : กระทิงแดง

สนามเหย้า : เร้ดบลูล์ อารีน่า ( ความจุ 42,959 ที่นั่ง )

กุนซือคนปัจจุบัน( 2020 ) : จูเลี่ยน นาเกลส์มันน์

ก่อตั้งวันที่ : 19 พฤษภาคม 2009

เว็บไซต์สโมสร : https://www.dierotenbullen.com/