มันควรจะเป็นคำถามง่าย ๆ ที่จะตอบเพราะกีฬามักจะให้ความกระจ่าง แต่ที่ทัพ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นั้น เป็นจังหวะของการเปลี่ยนแปลงที่เรามักจะต้องเผชิญหลังผ่านภาพเดิมเป็นเวลาหลายสิบปี มากกว่าที่จะมาถึงการตัดสินอย่างรวดเร็ว
สาวก อาร์เซน่อล เป็นเหมือนนักวิทยาศาสตร์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือนักชีววิทยาวิวัฒนาการมากกว่าแฟนฟุตบอล คุณถูกบังคับให้ต้องเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของกล้องจุลทรรศน์ในรูปแบบอุณหภูมิ และยีนส์ เพื่อที่จะเกิดขึ้นกับทฤษฎีที่ไม่แน่นอน ซึ่งอาจจะพิสูจน์หักล้างได้ในเวลา 10 ฤดูกาล
อันดับ 5 ดีกว่าที่ 6 หรือไม่ใช่ แต่การแพ้ เชลซี 4-1 ในนัดชิงฯยูโรป้า ลีก ซึ่งสุดท้ายดีกว่าแพ้ 3-0 ในลีก คัพ อย่างที่เราทำเมื่อปีที่แล้ว? แฟนบอล อาร์เซน่อล บางส่วนอาจเถียงว่าถึงแพ้แต่เราก็ยิงประตูได้ และอย่างไรก็ตาม การเคารพมุมมองของใครก็ตามที่แย้งว่าการปล่อยให้เสียประตูใน 20 นาทีนั้น แย่กว่าการปล่อยให้เสีย 3 ลูกใน 90 นาที
การป้องกันของ อาร์เซน่อล นั้นดีกว่าไหม? สถิติควรจะชัดเจนขึ้น พวกเขาเสีย 51 ประตูในฤดูกาลนี้ซึ่งเทียบเท่ากับกับฤดูกาลที่ผ่านมาเช่นกัน เกมรุก ? ยิงไป 74 ประตู ซึ่งเมื่อฤดูกาลที่แล้วยิงได้ 73 ประตู ดังนั้นการโจมตีจึงดูแย่กว่าจริงหรือ
ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว หลังจากความพ่ายแพ้ที่คาดเดาได้ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และการเจอกับ เชลซี สิ่งต่างๆก็รู้สึกแตกต่างกันอย่างมาก โดยพื้นที่ทางเทคนิคของผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล แต่ อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตโค้ชชาวฝรั่งเศส ไม่ได้ใช้มันมากนัก โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เวนเกอร์ จะกระโดดลงจากม้านั่งแล้วย่ำไปเรื่อยๆ เพื่อปรองดองกับผู้ตัดสินที่คนที่ 4 แต่ถ้าการกระทำทางเทคนิคเป็นเรื่องของคุณล่ะ ซึ่งส่วนใหญ่คุณจะต้องพอใจกับการเฝ้าดูลูกทีมแบบใกล้ชิดติดขอบสนามเพื่อคอยสั่งการแผนการเล่นต่างๆ
อย่างไรก็ตาม อูไน เอเมอรี่ เทรนเนอร์ชาวสเปน เป็นภาพเคลื่อนไหวที่ไม่เคยหยุดนิ่ง มือของเขาชี้แนะลูกบอล และผู้เล่นอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ทำให้รู้สึกมั่นใจในตัวเอง แต่เมื่อเห็นได้ชัดว่าผู้ช่วยของเขา ฮวน คาร์ลอส คาร์เซโด เป็นผู้รับผิดชอบการแนะนำผู้เล่นเตะฟรี และเตะมุมที่ทั้ง 2 ฝั่ง
คาร์เซโด และ เอเมอรี่ มักออกมาสั่งการข้างสนามราวกับว่าทั้งคู่มีการเชื่อมต่ออย่างมีกลไก แฟนๆ อาร์เซน่อล ในพื้นที่สามารถโน้มน้าวตัวเองได้ว่าอดีตนายใหญ่ เซบีย่า เป็นการผสมผสานระหว่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำให้รู้สึกได้ว่าพวกเขามีทีมช่างเทคนิคที่ทันสมัย มีหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างที่ม้านั่งสำรอง
อีกไม่นานบรรยากาศในสนามก็เริ่มเปลี่ยนไป ทีมของ เวนเกอร์ เป็นนักฟุตบอลที่มีแนวโน้มที่ดูอ่อนแอ เมื่อพบกับคู่ต่อสู้ที่ดีกว่าคู่แข่งที่แข็งแกร่งขึ้นและสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” ก็ตอบโต้อย่างเหมาะสมด้วยความซบเซา หรือความเงียบที่สิ้นหวัง
แต่ในช่วงเดือนแรกๆของยุค เอเมอรี่ นั้น ทุกอย่างดูเปลี่ยนไป อาร์เซน่อล มักได้รับแรงบันดาลใจจาก ลูคัส ตอร์เรร่า กองกลางจอมบู๊ทีมชาติอุรุกวัย เขาเหมือนนักรบที่อยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน เขาพร้อมเข้าปะทะทุกจังหวะ และไม่มีความกลัวใดๆ
หากคุณถามแฟนๆ อาร์เซน่อล ในคืนวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากชนะ นิวคาสเซิล 2-0 ในบ้าน ส่งผลให้พวกเขาขึ้นไปรั้งอันดับสามในลีก ไม่ว่าฤดูกาลแรกของ เอเมอรี่ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ พวกเขาทุกคนจะได้รับคำตอบในการยืนยันว่า พลพรรค “ไอ้ปืนใหญ่” กำลังมุ่งมั่นแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งท็อปโฟร์อีกครั้ง นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาต้องการ
เมื่อปรากฏว่า อาร์เซน่อล ต้องการมากกว่านั้น สิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการโดยเฉพาะ คือ การพ่ายแพ้ในแบบที่คุ้นเคย เมื่อมันเป็นเรื่องสำคัญ เอเมอรี่ แพ้ไปแล้ว 10 เกมในปีนี้ ซึ่งนับเป็นความพ่ายแพ้น้อยกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา 3 เกม แต่ 4 ใน 10 นัดนั้น ก็มาในเดือนเมษายน หากเพียงแค่หนึ่งในนั้น “ไอ้ปืนใหญ่” เปลี่ยนเป็นการชนะได้ พวกเขาก็มีลุ้นจะจบซีซั่นด้วยอันดับ 3
หากการเสมอที่บ้านของ ไบรท์ตัน 1-1 เปลี่ยนเป็นผลชนะ อาร์เซน่อล ก็จะจบด้วยอันดับ 4 พวกเขาก็จะได้ตั้วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นหน้า เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็อาจต้องผิดหวัง ในท้ายที่สุดมันรู้สึกเหมือนสโมสรทนทุกข์ทรมานจากโรคทางพันธุกรรมบางชนิดส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
เราเคยตำหนิ เวนเกอร์ และผู้เล่นประเภทที่เขาชอบ คือ ผู้เล่นที่มีพรสวรรค์ทางเทคนิค กองกลางจอมบุกที่ดูเหมือนจะครอบครองทุกตำแหน่งในสนาม ตอร์เรร่า, กรานิต ชากา ห้องเครื่องสวิตเซอร์แลนด์ และ ซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส กองหลังกรีซ เป็นโครงสร้างและพื้นผิวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่พวกเขาก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างเลย
แฟนบอลที่น่าตื่นเต้นของ อาร์เซน่อล บางคนต้องการให้เวลากับ เอเมอรี่ โดยมีนักเตะเพียง 2 คน จาก 11 คนที่เป็นตัวจริงในยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศ กับ เชลซี ที่กุนซือชาวสเปน ซื้อมาร่วมทีม ผู้รักษาประตูอย่าง แบรนด์ เลโน่ ต้องนั่งอยู่ข้างสนามเพื่อหลีกทางให้กับ ปีเตอร์ เช็ก นายทวารจอมเก๋า ลงเล่นนัดสุดท้ายก่อนแขวนถุงมือ
อย่างไรก็ตามฤดูร้อนนี้มีความสำคัญ แหล่งข่าวภายในสโมสรบอกระบุว่า การตัดสินใจที่จะปล่อย อารอน แรมซีย์ จอมทัพชาวเวลส์ ออกจากทีมไป ยูเวนตุส ในกัลโช เซเรีย อา อิตาลี แบบไรค่าตัว นั้น เอเมอรี่ เป็นคนตัดสินใจเพียงผู้เดียวว่าเขาไม่ได้คุ้มค่ากับเงินค่าเหนื่อยที่ได้รับ และเทรนเนอร์ “ไอ้ปืนใหญ่” พร้อมเดินหน้าหานักเตะใหม่มาทดแทนทันที
แม้สิ่งนี้ดูน่าตื่นเต้นในเวลานั้น แต่เตือนให้ระลึกถึง เวนเกอร์ ตัดสินใจว่า พอล เมอร์สัน อดีตจอมทัพ ชาวอังกฤษ ยังไม่ดีพอสำหรับ อาร์เซน่อล และปล่อยเขาออกไป แฟนบอลบางราย “พอล เมอร์สัน! เรารักพอล เมอร์สัน! และเขาก็ไม่ดีพอเหรอ? แต่อดีตกุนซือชาวฝรั่งเศส แสดงให้เห็นชัดเจนว่านักเตะไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเขา
แน่นอนว่า การล่มสลายของธุรกิจเริ่มขึ้นด้วยการบาดเจ็บก่อนช่วงสิ้นสุดฤดูกาลของ แรมซีย์ ในเนเปิลส์ แฟนๆจะไม่พอใจการสูญเสียของใครบางคนที่น่าผิดหวัง แต่การที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย 2 ครั้ง และเป้าหมายที่ยาวนานของสโมสรทำให้เขาได้รับสถานะ ตำนาน อาร์เซน่อล คนหนึ่ง
แล้วก็มีปัญหา เมซุต โอซิล จอมทัพชาวเยอรมัน ตลอดกาล แน่นอนว่า เขาเป็นอัจฉริยะ เขาสร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีมได้อย่างมากมาย ใครทำอย่างนั้นได้บ้าง ? ใครสามารถนึกถึงการทำเช่นนั้นได้บ้าง? แต่อดีตกองกลาง เรอัล มาดริด ก็ขาดความสม่ำเสมอในเกมใหญ่
เปรียบเทียบและตรงกันข้ามกับการฟอร์ม เอเดน อาซาร์ ปีกตัวเก่ง เชลซี ในยูโรป้า ลีก รอบชิงชนะเลิศ และคุณต้องสรุปอย่างไม่เต็มใจว่าไม่มีทีมใดที่มีความทะเยอทะยาน ถึงกระนั้นสองสามครั้งในฤดูกาลนี้ เอเมอรี่ พยายามเล่นโดยไม่มี แรมซีย์ หรือ โอซิล เนื่องจากฤดูกาลต่อไป นักเตะทัง 2 ราย ไม่อยู่ในทัพ “ไอ้ปืนใหญ่” แล้ว
แฟน ๆ อาร์เซน่อล คุ้นเคยกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และหากมีตัวเลือกอยู่ระหว่างอันดับที่ 5 และไม่มีฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และอันดับที่ 6 ที่มีช่วงเวลาแห่งความงามเป็นครั้งคราว ฝูงชนแห่ง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อาจตัดสินว่าพวกเขาพอใจกับผลงานของทีมหรือไม่
ฟุตบอลที่ เอเมอรี่ ต้องการให้ลูกทีมเล่น มันอาจต้องใช้เวลาสักพัก และหวังว่าเขาจะรู้จักผู้เล่นที่เขาต้องการเล่นด้วย บางทีเด็กบางคน อย่าง เอมิล สมิธ โรว์, บูกาโย ซากา หรือ รีส เนลสัน อาจเป็นจิ๊กซอว์ที่เขาตามหมาอยู่ก็ได้
