เอซีมิลาน กับฤดูกาลที่มี “เพลย์เมกเกอร์ระดับโลก” อัดแน่นถึง 4 คน

เอซีมิลาน กับฤดูกาลที่มี “เพลย์เมกเกอร์ระดับโลก” อัดแน่นถึง 4 คน

ในฤดูกาล 2003-04 มันคืออีก 1 ฤดูกาลที่ทำให้ตัวของ คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีมระดับตำนานของเอซีมิลาน ถึงขั้นปวดหัวจนไมเกรนขึ้นเลยทีเดียว เพราะว่าเขาเริ่มมีความสับสนว่าจะทำยังไงถึงจะสามารถทำให้ มิลาน มีตัวผู้เล่นในตำแหน่ง “เพลย์เมกเกอร์” ลงเล่นได้ อย่างสมดุลที่สุดมันคือ 1 ในไม่กี่ครั้งที่ทีมชั้นนำของลีกอิตาลีอย่างเอซีมิลาน มีนักเตะตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ระดับขึ้นหิ้ง มาอยู่ในทีมเดียวกันพร้อมกันถึง 4 คน และแน่นอนว่าการแย่งตำแหน่งก็วุ่นวายไปหมดเลยทีเดียว และเราจะมาดูกันว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น พี่แจ้ สามารถจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างชาญฉลาดอย่างไรบ้าง !

อันเดรีย ปีร์โล่

อันเดรีย ปีร์โล่

ตำนานมิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลีรายนี้ เขาเป็นตำนานจอมทัพที่เรียกได้ว่าเป็นนักเตะอันดับต้นๆเลยทีเดียว ที่สามารถวางบอลยาวใส่เท้าเพื่อนร่วมทีมให้สามารถใส่สกอร์ หรือวางบอลยาวเปลี่ยนแกนเพื่อสร้างเกมรุกจากแนวลึกได้อย่างแม่นยำราวจับวางเลยทีเดียวแต่ว่ากว่าที่ตัวของ ปีร์โล่ จะพัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์สไตล์ “โฮลดิ้งมิดฟิลด์” จนเป็นตำนานได้นั้นในอดีตเขาเคยเล่นเป็น “เพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10” ที่คอยทำเกมหลังกองหน้าตัวเป้า รวมถึงเล่นเป็นหน้าต่ำมาก่อนด้วย แต่ทว่าด้วยความที่เจ้าตัวขาดสปีดและความคล่องตัว เลยทำให้เจ้าตัวมักจะโดนเมินจากโค้ชในการส่งลงเล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์ และเมื่อตัวของ อันเชล็อตติ กำลังปวดหัวกับการวางระบบทีม เขายังขาดมิดฟิลด์ตัวรับที่คอยดักบอลและสร้างกมจากแนวลึกได้ และตัวของ ปีร์โล่ ก็ได้เสนอตัวของ อันเช่ ว่าเขาเล่นในตำแหน่งดังกล่าวได้ และเคยเล่นมาแล้วช่วงหนึ่งตอนอยู่กับ เบรสซา มันเลยทำให้ อันเชล็อตติ รู้สึกพอใจกับการที่ ปีร์โล่ ถอยลงต่ำไปเล่นเป็นจอมทัพตัววางบอลแนวลึกได้โดยไม่ต้องไปแย่งตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกหลังกองหน้าตัวเป้ากับคนอื่น

มานูเอล รุย คอสต้า

มานูเอล รุย คอสต้า

จอมทัพทีมชาติโปรตุเกสระดับตำนานรายนี้ สร้างผลงานเอาไว้อย่างยอดเยี่ยมให้กับ ฟิออเรนติน่า และแม้ว่าจะย้ายมายัง เอซีมิลาน ในช่วงที่เกือบจะเลยจุดพีคไปแล้ว แต่ก็ยังมีผลงานที่ดีในด้านการแอสซิสต์ เขาเป็นคนที่จ่ายบอลให้ อันเดร เชฟเชงโก้ และ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ว่าในฤดูกาล 2003-04 รุย คอสต้า เริ่มมีอาการบาดเจ็บรบกวนพอสมควร มันเลยทำให้ อันเชล็อตติ เริ่มคิดหนักเช่นกันว่าตัวของ รุย จะสามารถยืนระยะได้อีกนานแค่ไหน แต่กระนั้นแล้วตัวของ รุย ก็ยังเป้นนักเตะที่เขาจำเป็นต้องใช้งานสแตนด์บายไว้เป็นจอมทัพหมายเลข 10 หลังกองหน้าของทีมไว้เช่นเดิม ในฐานะตัวจริง แต่ก็มีการหมุนเวียนกับดาวรุ่งหน้าใหม่ในทีมมิลานช่วงเวลานั้นอย่าง “ริคาร์โด้ กาก้า” ด้วยในหลายๆเกม

ริวัลโด้

ริวัลโด้

ตำนานเพลย์เมกเกอร์ของบาร์เซโลนา ได้ย้ายมาอยู่กับที เอซีมิลาน ในฤดูกาล 2002-03 โดยที่พกดีกรีการเป็นนักเตะชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 ร่วมกับทีมชาติบราซิลด้วย และยังได้แชมป์สารพัดกับทีมบาร์เซโลนา และเป็นนักเตะเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ในปี 1999 เรียกได้ว่าครบเครื่องสุดๆ เป็นนักเตะที่เล่นได้ทั้งตำแหน่ง ปีกซ้าย , มิดฟิลด์ตัวรุก และหน้าต่ำเลยทีเดียว เท้าซ้ายของริวัลโด้นั้นสั่งได้ดั่งใจ ทั้งการเลี้ยงบอล จ่ายบอล ครอสบอลจากริมเส้น และยิงไกลได้คมกริบอีกด้วยแต่ว่าริวัลโด้กลับประเดิมฤดูกาลแรกในสีเสื้อมิลานด้วยการคว้ารางวัล “ถังขยะทองคำ” อันเป็นรางวัลที่นักเตะในลีกอิตาลีไม่อยากได้เท่าไหร่ มันบ่งบอกว่าพวกเขาคือนักเตะที่ฟอร์มห่วยที่สุดในลีก และเมื่อวัดจากฟอร์มแล้วนั้น รุย คอสต้า ยังมีฟอร์มที่ดีกว่า อันเชล็อตติ เลยตัดสินใจไม่ยากที่จะให้ ริวัลโด้ นั่งสำรองมากกว่าส่งลงเล่น

ริคาร์โด้ กาก้า

ริคาร์โด้ กาก้า

และนี่ก็คือเพชรเม็ดงามที่เพิ่งจะอายุ 21 ปีเท่านั้นของมิลาน เขาย้ายมาจาก เซาเปาโล และเป็นเพลย์เมกเกอร์สุดหล่อที่อยู่ในทีมชุดแชมป์โลก 2002 ขอบราซิลด้วยกาก้า มีอายุน้อยที่สุดก็จริง แต่เขามีลีลาการเล่นที่เหลือร้าย มีความแข็งแกร่ง ฉลาด เลี้ยงบอลได้คล่อง จบสกอร์คมกริบ และในช่วงที่อยู่กับมิลาน เขายังดูดซับสไตล์การจ่ายบอลทะลุช่อง และลูกคิลเลอร์พาสมาจาก รุย คอสต้า โดยตรง มันเลยทำให้ อันเชล็อตติ หมุนเวียนเอา กาก้า ลงเล่นเป็นตัวจริงสลับกับ รุย ได้บ่อยครั้งจนช่วงหลังๆ กาก้า ก็ยึดตำแหน่งตัวจริงไปในระยะยาวเลยทีเดียว