เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค VS ราฟาเอล วาราน … ใครเด่นกว่ากันในการเล่นเกมรับ

ความเป็นผู้นำ

ความเป็นผู้นำ

หากคุณมีโอกาสได้ดูฟอร์มการเล่นของเหล่าตำนานกองหลังตัวกลางฝีเท้าดีในรุ่นก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่นั้นนอกเหนือจากว่าพวกเขาจะเป็นกองหลังที่มีเบสิกแน่นแล้วนั้น พวกเขายังมีสิ่งที่เรียกว่า “ความเป็นผู้นำ” อัดแน่นอยู่ในตัวด้วย ซึ่งกองหลังสไตล์นี้เป็นผู้เล่นประเภทที่สามารถดึงความสามารถของเพื่อนร่วมทีมออกมาได้ และยังปลุกใจเพื่อนร่วมทีมของเขายามที่กำลังท้อเวลาเกมเป็นรอง ให้กลับมาสู่อีกครั้งได้วาราน อาจจะเล่นได้ดี แข็งแกรร่ง แต่เพราะว่าด้วยความที่ วาราน เป็นกองหลังสไตล์ตัวซ้อน เขามักจะได้เล่นร่วมกับกองหลังที่ได้ชื่อว่าเป็นกัปตันทีมนั้นๆอยู่ก่อนแล้วเช่นกับ เซร์คิโอ รามอส ที่เรอัล มาดริด ที่เป็นทั้งกัปตันและตัวชน และตอนนี้เขาเองก็ก็ทำอย่างนั้นกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในขณะที่ ฟาน ไดจ์ค เป็นอีกสไตล์หนึ่ง เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำและควบคุมแผงแบ็คไลน์ของลิเวอร์พูลได้อย่างสมบูรณ์แบบไปแล้วถ้าทุกคนยังจำกันได้ “หงส์แดง” มีแนวรับที่สั่นคลอนพอสมควร ในช่วงเวลาที่ ฟาน ไดจ์ค บาดเจ็บไปในฤดูกาล 2020/21 ลิเวอร์พูลมีเกมรับที่แย่มาก ซึ่งมันชัดเจนแล้วว่า ฟาน ไดจ์ค เด่นทั้งการเล่นเกมรับและมีความเป็นผู้นำในตัวเองเลยทีเดียว

การแจ้งเกิดตั้งแต่อายุไม่เยอะ อันหมายถึงการยืนระยะในวงการที่ยาวขึ้น

การแจ้งเกิดตั้งแต่อายุไม่เยอะ อันหมายถึงการยืนระยะในวงการที่ยาวขึ้น

ฟาน ไดจ์ค อาจเป็นกองหลังที่เก่งที่สุดในโลกในเวลาปัจจุบัน แต่นั่นก็ได้เกิดขึ้นเมื่อเขาอายุปาเข้าไป 27 ปีแล้ว เมื่อเทียบกับผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ซึ่งมักจะแจ้งเกิดได้ตั้งแต่อายุไม่มาก ซึ่งวารานนั้นแจ้งเกิดได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเลยทีเดียว วาราน มาเข้าร่วมทีม เรอัล มาดริด ตั้งแต่เมื่อตอนอายุ 18 ปีและในขณะนั้นเขาเองก็ไม่ใช่กองหลังชั้นยอด แต่เขาก็ได้ใช้เวลาไม่นานในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งของมาดริด จากการลงเล่นไป 360 นัดจากในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมาและกลายเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์ของ เรอัล มาดริด นั่นแหละที่เป็นหลักฐานวาราน ในวัย 28 ปี ซึ่งยังคงเป็นที่รู้จักกันอย่างมากว่าเป็นนักเตะชั้นนำ และยังได้รับการยกย่องว่ายังเป็นหนึ่งในผู้เล่นชั้นแนวหน้าของเกมการแข่งขัน เป็นกองหลังเบอร์ต้นๆของโลก และเขาก็ได้นำเอาพรสวรรค์ของเขาไปใช้ที่ยูไนเต็ดในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วย ซึ่งการยืนระยะมาได้ยาวนานของเขานี่แหละ ที่จะช่วยทำให้วาราน ก้าวขึ้นไปเหนือกว่า ฟาน ไดจ์ค ได้ในที่สุด

ความคล่องตัว

ความคล่องตัว

กองหลังสองรายนี้ เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่ามีความแกร่งทางด้านร่างกายเช่นกัน พวกเขาเป็นกองหลังที่แกร่งเหมือนยักษ์ปักหลั่น แต่เพราะด้วยการแข่งขันในยุคสมัยนี้ กองหลังต้องมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น ต้องเคลื่อนที่มากขึ้น นั่นแหละที่ทำให้เราต้องจับตาดูกองหลังคู่นี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นกองหลังยุคโมเดิร์นเหมือนกัน ฟาน ไดจ์ค ไม่เคยอยู่นิ่งๆ เขาวิ่งตลอด มีความสามารถในการประกบคู่ต่อสู้แบบตัวต่อตัว ถนัดในการตามประกบตัวรุกที่เจาะทะลวงเข้ามาจากตรงกลางได้ดี แต่ความแตกต่างก็คือ วาราน เป็นเซ็นเตอร์แบ็กที่สามารถโยกตัวเองออกไปช่วยซ้อนให้กับฟูลแบ็กได้ด้วย ซึ่งทำให้เขาสามารถตามสกัดบอลจากปีกที่ชอบลากบอลตัดเข้าในและเลี้ยงผ่านฟูลแบ็กเข้ามาได้ด้วยจากทางริมเส้น ความยืดหยุ่นของ วาราน เลยดูจะเหนือชั้นกว่าฟาน ไดจ์ค นิดหน่อย

ความสามารถทางด้านการแย่งลูกกลางอากาศ

ความสามารถทางด้านการแย่งลูกกลางอากาศ

ฟาน ไดจ์ค มีส่วนสูง 6 ฟุต 4 นิ้ว เป็นส่วนสูงที่เหมาะสำหรับการเล่นลูกกลางอากาศมาก เขาเป็นกองหลังที่มีรูปร่างสูงใหญ่และรู้ดีว่าจะใช้มันอย่างไรให้เป็นประโยชน์ เขาใช้มันได้ดีทั้งการโดดแย่งบอล หรือกระทั่งเติมไปลุ้นโหม่งพังประตูตอนที่ทีมได้เตะมุมอย่างไรก็ตาม วาราน ก็ทำได้ดีเช่นกัน เขามีส่วนสูง 6 ฟุต 3 นิ้ว แถมร่างกายก็แข็งแกร่ง มันเลยทำให้เขาสามารถโหม่งบอลได้แบบเด็ดขาดมาก เรียกว่าคู่นี้เด่นไม่แพ้กันเลยตอนนี้ใครจะดีกว่ากันนั้น คงอยู่ที่ความสำเร็จในช่วงท้ายซีซั่นแล้วล่ะ