พลาตินี่ ! เพลย์เมกเกอร์ผู้ยิงประตูได้เป็นเข่งราวกับกองหน้าอาชีพ

พลาตินี่ ! เพลย์เมกเกอร์ผู้ยิงประตูได้เป็นเข่งราวกับกองหน้าอาชีพ

เขาอาจจะไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลที่ได้เห็นเขาทำหน้าที่เป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงของ UEFA และอาจจะไม่ชอบต่อคอมเม้นของเขาที่เหมือนจะมีอคติบางอย่างต่อวงการฟุตบอลอังกฤษ แต่กระนั้นแล้วถ้าหากว่าเราจะพูดถึงชายผู้นี้ในสมัยสวมสตั๊ด เขาคือโคตรนักเตะที่เก่งที่สุดในยุค 80 และถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานลูกหนังอาร์เจนไตน์ผู้ล่วงลับเลยทีเดียวเรากำลังพถึงนักเตะระดับตำนานที่มีฉายาว่า “นโปเลียนลูกหนัง” ใช่แล้ว จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “มิเชล พลาตินี่” ตำนานเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติฝรั่งเศสนั่นเอง วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวที่น่าสนใจของนักเตะรายนี้กัน ว่าในช่วงเวลาที่เขาโลดแล่นอยู่บนฟลอหญ้า เขาเป็นอย่างไรและมีอะไรน่าสนใจกันบ้าง

เคล็ดลับการยิงฟรีคิกสุดฉมังเพราะ “เพื่อนรัก”

เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า พลาตินี่ เป็นโคตรนักเตะที่ช่ำชองในการยิงประตู โดยเฉพาะกับลูกฟรีคิกสุดฉมังทึ่ซึ่งเขาทำได้บ่อยๆ โดยเฉพาะกับตอนสมัยที่ค้าแข้งอยู่กับทีม น็องซี่ ในลีกเอิงบ้านเกิดนั้น พลาตินี่ มักจะใช้เวลาในช่วงหลังจากฝึกซ้อมเสร็จด้วยการจับคู่กับ ฌอง มิเชล มูติเยร์ ผู้รักษาประตูเพื่อนร่วมทีมที่ได้ชื่อว่าสนิทกับพลาตินี่มากที่สุดในการให้ มูติเยร์ มาช่วยเขาซ้อมเวลายิงฟรีคิก ซึ่งการซ้อมยิงกับเพื่อรักคนนี้อย่างหนัก มันเลยทำให้ พลาตินี่ มีสถิติในการยิงประตูที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆทั้งที่เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกนั่นก็เพราะเขายิงประตูจากฟรีคิกได้มากเลยนั่นเอง

สถิติกราดยิง 9 ประตูในฟุตบอลยูโร 1984 ยังตราตรึง

ในปี 1984 ฝรั่งเศสได้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 1984 ซึ่งตัวของ พลาตินี่ คาดปลอกแขนกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสพร้อมใส่ หมายเลข 10 ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ แล้วเขาเองก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เขาทำประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ได้มากถึง 9 ประตู เป็นดาวยิงสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ โดยแบ่งเป็นการยิงด้วยเท้าขวา 3 ลูก เท้าซ้าย 3 ลูก และลูกโหม่งอีก 3 ลูก โดยเฉพาะกับในนัดชิงชนะเลิศ ที่เขายิงฟรีคิกผ่านมือของหลุยส์ อาร์โคนาด้า ผู้รักษาประตูทีมชาติสเปนเข้าไปอย่างหมดจด ส่งทีมชาติฝรั่งเศสคว้าถ้วยแชมป์ยูโร 1984 ไปครองทันที และนี่ก็คือแชมป์ยูโรสมัยแรกของฝรั่งเศสอีกด้วย

ใจหินในการยิงจุดโทษตัดสินเกมกับลิเวอร์พูล

ใจหินในการยิงจุดโทษตัดสินเกมกับลิเวอร์พูล

ในการแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1985 นัดชิงชนะเลิศนั้น ยูเวนตุส ต้นสังกัดของพลาตินี่ต้องลงสนามเจอกับลิเวอร์พูล และเกมก็ยังตกอยู่ในช่วงตึงเครียด สกอร์ยังเสมกัน 0-0 แล้วก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่อัฒจันทร์ฝั่งลิเวอร์พูลถล่ม มีแฟนบอลได้รับบาดเจ็บพอสมควร และในช่วงท้ายเกมนั้น ยูเวนตุส ได้จุดโทษ ซึ่งก็เป็นพลาตินี่ มือสังหารลูกตั้งเตะประจำทีมที่ซัดประตูชัยผ่านมือของ เรย์ คลีเมนซ์ เข้าไป ทำให้ยูเว่คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกมาครองได้เป็นสมัยแรก

บัลลงดอร์ 3 สมัยซ้อนรายแรกในประวัติศาสตร์

ในอดีตก่อนหน้ายุคของพลาตินี่ มีนักเตะเพียงคนเดียวที่ได้รางวัล บัลลงดอร์ มาครองได้ 3 สมัยนั่นก็คือ โยฮัน ครัฟฟ์ แต่ว่าตัวของ ครัฟฟ์ ไม่ได้รางวัลดังกล่าวแบบติดต่อกัน พลาตินี่ คือนักเตะคนแรกที่สามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์มานอนกอดได้ 3 สมัยซ้อนติดต่อกัน ก่อนที่สถิติของพลาตินี่จะมาถูกทำลายในยุคสมัยของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่คว้ารางวัลบัลลงดอร์ไปครองได้ 4 สมัยติดต่อกันเป็นคนแรก

ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำราวกับกองหน้า

ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำราวกับกองหน้า

พลาตินี่เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกหลังกองหน้า จ่ายบอลสั้นยาวได้แม่นยำ แต่สิ่งที่ทำให้เขาเหนือกว่าใครก็คือการยิงประตูที่เฉียบขาดทั้งสองเท้า และมีลูกโหม่งที่ทรงพลัง แค่ในระดับเซเรียอาที่มีแต่กองหลังแข้งโหดอยู่กันเต็มลีก พลาตินี่ ยังอุตส่าห์ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำจนได้รางวัลดาวยิงสูงสุดของ เซเรียอา มาครองคนเดียว 3 สมัยมาแล้ว !