จะเป็นอย่างไรถ้า เดวิด มอยส์ คุม แมนฯยูไนเต็ด จนครบสัญญา 6 ปี

จะเป็นอย่างไรถ้า เดวิด มอยส์ คุม แมนฯยูไนเต็ด

ตอนนี้คุณรู้รายละเอียดแล้ว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศวางมือในฐานะกุนซือที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาลของวงการลูกหนังเมืองผู้ดี พร้อมกับเลือก เดวิด มอยส์ โค้ช เอฟเวอร์ตัน ให้เข้ามารับช่วงต่อ

มอยส์ ซึ่งเป็นคนชาวสก็อตแลนด์บ้านเดียวกับ เฟอร์กูสัน นั้น อำลา เอฟเวอร์ตัน และย้ายมาคุมทีม แมนฯยูไนเต็ด พร้อมกับพา มารูยาน เฟลไลน์นี่ อดีตกองกลาง “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” ย้ายตามมาด้วย โดยแฟนบอล “ปีศาจแดง” ทำแบนเนอร์สำหรับโค้ชคนใหม่ด้วยคำว่า “The Chosen One”

อย่างไรก็ตาม มอยส์ ไม่ประสบความสำเร็จกับการคุมทีม แมนฯยูไนเต็ด ในฤดูใบไม้ผลิแบนเนอร์ได้เปลี่ยนเป็นคำว่า “The Wrong One” จากนั้นเขาจะถูกไล่ออกก่อนที่จะจบฤดูกาล และอาชีพของอดีตนายใหญ่ เอฟเวอร์ตัน ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

โค้ชเลือดวิสกี้ ไม่ได้คุมทีมมาตั้งแต่ปี 2018 แต่ข้อตกลงครั้งแรกของเขากับ แมนฯยูไนเต็ด ได้หมดอายุลงเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว สัญญาของเขาถูกกำหนดให้มีระยะเวลานานถึง 6 ปี จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2019 และแม้ว่ากำจัดเขาออกไป แต่ “ปีศาจแดง” ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก

ในฤดูกาลเดียวของ มอยส์ กับ แมนฯยูไนเต็ด นั้น เขาพาทีมไปถึงรอบรองชนะเลิศแชมยูฟ่า เปี้ยนส์ลีก และชนะในเกมลีก 19 นัด แต่ก็ยังไม่สามารถคว้าท็อปโฟร์ได้ ทำให้พวกเขาหมดโอกาสไปเล่นในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

อย่างไรก็ตาม รายได้ แมนฯยูไนเต็ด เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผู้เล่นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เก้าอี้ผู้บริหารเริ่มสับเปลี่ยน และประสิทธิภาพของทีมก็ยังคงเหมือนเดิม ดังนั้นถ้า “ปีศาจแดง” ไม่ไล่ มอยส์ ออก และอนุญาตให้เขาคุมทีมตามสัญญา 6 ปี มันอาจจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้

ย้อนกลับไปในช่วงที่ เฟอร์กูสัน เคยคุม แมนฯนูไนเต็ด จบอันดับ 6 และในหนึ่งปีของ มอยส์ นั้น พวกเขาทั้งคู่พาทีมเก็บได้ 64 แต้มเท่ากัน แต่ทีมยุค เฟอร์กี้ ยิงประตูได้มากกว่า ซึ่งความแตกต่างของประตูได้เสียนั้น ในยุคของ เฟอร์กูสัน ดีกว่าเล็กน้อย

มอยส์ อาจจะโชคร้ายในช่วงที่เข้าคุมทีม เนื่องจากอาการบาดเจ็บของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หัวหอกชาวดัตช์ ซึ่งซัดไป 56 ประตู ใน 2 ฤดูกาลนั้น ทำให้เขาแทบไม่สามารถลงช่วยทีมได้ และจากข้อมูลของ TruMedia ระบุว่า “ปีศาจแดง” ภายใต้การคุมทีมของ มอยส์ นั้น มีสถิติเกมรุกอยู่อันดับ 5 ในพรีเมียร์ลีกในปี 2013-14

“สถิติพื้นฐานของเราบอกว่าเราเป็นทีมที่ดีที่สุดอันดับ 5 ในลีก” มันอาจเป็นข้ออ้างที่น่าผิดหวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ 1 ใน 3 สโมสรที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และการประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมาภายใต้การคุมทีมของ เฟอร์กูสัน

บริบทมีความสำคัญ เพราะถ้าคุณเป็นกุนซือให้ทีมอย่าง เรอัล มาดริด และโค้ชอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่มักจะพูดว่าทีมของคุณน่าจะชนะ และยิงประตูได้มากกว่านี้ แต่นั่นจะไม่ทำให้คุณเป็นผู้จัดการทีมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

บรรดาเทรนเนอร์ทีมมีแนวทางที่ยอดเยี่ยมยอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และ ยูเลียน นาเกิลส์มัน ต่างก็มีแนวความคิดแบบเดียวกันกับ กวาร์ดิโอล่า เช่นกัน โดยโค้ชเหล่านั้น หาความสมบูรณ์แบบให้ทีมอยู่เสมอ

แต่สิ่งที่เราได้เห็นที่ แมนฯยูไนเต็ด ในการหาคนมารับช่วงต่อจาก เฟอร์กูสัน นั้น มันเกิดความคาดหวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายซื้อตัวนักเตะใหม่ และไม่มีผู้จัดการทีมคนใดที่ออกจากสโมสรด้วยคะแนนที่สูงกว่า เฟอร์กี้ เคยทำได้

เมื่อเทียบกับผู้จัดการคนอื่นๆ อาทิ โชเซ่ มูรินโญ่ จุดสูงสุดของโค้ชชาวโปรตุเกส ก็คือพา แมนฯยูไนเต็ด จบซีซั่นด้วยตำแหน่งรองแชมป์ในปี 2017-18 แต่ผลสุดท้ายเขาก็โดนไล่ออกไม่ต่างจาก มอยส์ และ หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์ชาวดัตช์

ก่อนมาถึง แมนฯยูไนเต็ด นั้น มอยส์ มีผลงานที่ดีในการทำงานของเขาที่ เอฟเวอร์ตัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้งานที่ แมนฯยูไนเต็ด หลังย้ายจากออกจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด กุนซือชาวสก็อตแลนด์ได้ย้ายไปรับงานที่ เรอัล โซเซียดาด ในลาลีกา สเปน เมื่อซีซั่น 2014-2015

มอยส์ กลับมาทำงานในเมืองผู้ดีอีกครั้งกับ ซันเดอร์แลนด์

ในปี 2016 มอยส์ กลับมาทำงานในเมืองผู้ดีอีกครั้งกับ ซันเดอร์แลนด์ แต่ไม่มีตัวบ่งชี้ว่าผลงานของเขาเป็นบวกและ “แมวดำ” ก็ตกชั้น แต่ในปี 2017 ที่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด นั้น เขาก็ทำผลงานได้ดีขึ้น แม้ว่าจะไม่เพียงพอกับความคาดหวังของเจ้าของทีมและแฟนบอล “ขุนค้อน” ก็ตาม

มีผู้จัดการทีมไม่กี่คนที่เลือกปรับปรุงประสิทธิภาพของผู้เล่นที่มีอยู่ในมือ และมีอีกกลุ่มหนึ่งที่เลือกจะทำลายประสิทธิภาพที่เขามีด้วยการซื้อนักเตะใหม่หลายรายมาร่วมทีมทันทีเมื่อมารับตำแหน่ง แต่ มอยส์ อาจอยู่ตรงกลางของ 2 กลุ่มนี้

แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า “คุณสามารถโต้เถียงว่า มอยส์ เป็นผู้จัดการทีมฝีมือระดับกลางๆของกลุ่มทีมบิ๊กโฟร์ และคุณก็คาดหวังว่าเขาอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าที่เจ้าของสโมสร แมนฯยูไนเต็ด จะอนุญาตให้ทำได้หากเขาไม่ถูกไล่ออก”

แน่นอนว่าทีมผู้บริหารของ แมนฯยูไนเต็ด นั้น นำโดย เอ็ด วู้ดเวิร์ด อดีตนักวาณิชธนกิจที่ช่วยครอบครัวเกลเซอร์ซื้อสโมสร และไม่มีประสบการณ์ในการบริหารทีมฟุตบอลมาก่อน และเขาเติบโตมาจากวงการอื่น

แมนฯยูไนเต็ด มีพันธมิตรและหุ้นส่วนทางการค้าอยู่ทั่วโลก และในยุคของ วู้ดเวิร์ด นั้น “ปีศาจแดง” เซ็นสัญญาแข้งบิ๊กเนมร่วมทีม และล้มเหลวหลายราย นั่นเป็นความสำเร็จที่แท้จริงของพวกเขาหรือไม่ ซึ่งหลายคนยังคงสงสัย

ด้วยการที่ วู้ดเวิร์ด ยังคงเป็นผู้บริหารสโมสรนั้น แมนฯยูไนเต็ด ก็ยังไม่มีโครงสร้างของทีมที่ทันสมัยเมื่อเทียบกับคู่แข่งสำคัญของพวกเขาที่พัฒนามากเพิ่มขึ้นอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในขณะที่ “หงส์แดง” ได้ลงทุนในการจ้างนักวิเคราะห์เข้ามาช่วยงาน แต่ “ปีศาจแดง” ก็ยังไม่มีผู้อำนวยการฟุตบอล

แหล่งข่าวระบุอีกว่า “ในกรณีของ แมนฯยูไนเต็ด มีคำถามใหญ่ๆเกี่ยวกับความไร้ประสิทธิภาพอย่างแท้จริง นั่นคือการทำงานของโค้ช หรือผู้บริหาร ผมมีแนวโน้มที่จะโต้เถียงกับคนอื่นๆหลังจากที่ได้เห็นโค้ชทั้งหมดเข้ามาทำงาน”

“การเปลี่ยนแปลงหลังจากยุคของ เฟอร์กูสัน นั้นซับซ้อนมาก เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการกีฬา และเขาได้เปลี่ยน แมนฯยูไนเต็ด ให้กลายเป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยม แต่ตอนนี้คำว่าผู้จัดการทีม มันกลับหมายถึงบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม”

“คุณไม่ใช่แค่โค้ช คุณจัดการกิจกรรมทั้งหมดของสโมสร ยิ่งกว่านั้น เฟอร์กี้ มอบทีมที่ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงเลยจุดพีค และต้องพึ่งพานักเตะที่เริ่มอายุมากอย่าง เนมันย่า วิดิช, ปาทริซ เอฟร่า, โรบิน ฟาน เพิร์ซี่ย์ และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ซึ่งต่างก็อายุเกิน 30 ปี มันก็เป็นงานยากสำหรับคนที่มาทำงานต่อจากเขา”

อย่างไรก็ตาม แมนฯยูไนเต็ด ยังคงอยู่ในอันดับที่ 4 ของสโมสรฟุตบอลที่มีรายได้มากที่สุดในโลกในทุกๆปี นับตั้งแต่ เฟอร์กูสัน จากไป พวกเขาใช้จ่ายเงินอย่างน้อย 77 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นค่าเหนื่อยของนักเตะในทีม ซึ่งเป็นเงินเดือนที่สูงกว่าสโมสรอื่นๆ นับตั้งแต่หมดยุคของ เฟอร์กี้

แม้จะมีข้อได้เปรียบทางการเงินอย่างต่อเนื่อง แต่ 5 ใน 6 ฤดูกาลล่าสุดนั้น พวกเขาได้เก็บคะแนนรวมที่ต่ำกว่าทั้ง 21 ฤดูกาลในพรีเมียร์ลีกของสโมสรภายใต้การคุมทีมของ เฟอร์กูสัน และด้วยทรัพยากรของที่มีอยู่ ความคาดหวังของ “ปีศาจแดง” คือ การเป็น 1 ใน 3 ทีมที่ดีที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ แมนฯยูไนเต็ด อาจไม่ใช่ 1 ใน 3 ทีมที่ดีที่สุดในประเทศของตนเอง นอกเหนือจากความล้มเหลวในสโมสร มันเป็นการยากที่จะจินตนาการว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนว่า “ปีศาจแดง” จะดีขึ้นหลังจาก เฟอร์กูสัน จากไป

บางทีการปล่อยให้ มอยส์ อยู่ในตำแหน่ง จะช่วยป้องกันความล้มเหลวนั้นได้หรือไม่? บางทีสโมสรอาจจะยังคงลงทุนกับนักเตะพรีเมียร์ลีกที่ได้รับการพิสูจน์ตัวเองแล้วเช่น เฟลไลนี่ และ ฆวน มาต้า ปีกชาวสเปน แทนที่จะไล่ตามแข้งบิ๊กเนมอย่าง ฟัลเกา, อเล็กซา ซานเชซ และ อังเคล ดิ มาเรีย ซึ่งล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

บางที อัดนัน ยานูไซจ์ ปีกดาวรุ่งชาวเบลเยี่ยม อาจกลายเป็นดาราดังที่ดูเหมือนกำลังจะก้าวขึ้นมาในช่วงเวลาของซีซั่น 2013-14 อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือไม่ว่าจะเป็น มอยส์, ฟาน กัล , มูรินโญ่ หรือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ไม่น่าจะพาทีมไปอยู่ในระดับที่ เฟอร์กูสัน เคยทำไว้ได้ในเร็วๆนี้

บางทีการปล่อยให้ มอยส์ อยู่ในตำแหน่ง จะช่วยป้องกันความล้มเหลว