อาร์เซน่อล (Arsenal)

Arsenal

สโมสรฟุตบอล อาร์เซน่อล เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ตั้งอยู่ในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันลงเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ พวกเขาได้แชมป์ฟุตบอลลีก 13 ครั้ง, แชมป์ฟุตบอล เอฟเอ คัพ 13 ครั้ง, แชมป์ฟุตบอลลีกคัพ 2 ครั้ง, แชมป์ฟุตบอล เอฟเอ คอมมูนิตี้ชิลด์ 15 ครั้ง, แชมป์ยูฟ่าคัพ วินเนอร์สคัพ 1 ครั้ง และแชมป์อินเตอร์ซิตี้ แฟร์ส คัพ 1 ครั้ง

อาร์เซน่อล เป็นสโมสรฟุตบอลแห่งแรกของทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ ที่เข้าร่วมฟุตบอลลีกในปี 1893 และลงเล่นในดิวิชั่น 1 ในปี 1904 โดยตกชั้นเพียงครั้งเดียวในปี 1913 และหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยตกชั้นจากลีกสูงสุดอีกเลย ในยุค 1930 อาร์เซน่อล ได้แชมป์ฟุตบอลลีกจำนวน 5 ครั้ง เอฟเอ คัพ 2 ครั้ง และหลังช่วงฟุตบอลโลกพวกเขาได้แชมป์เอฟเอคัพและได้แชมป์ฟุตบอลลีก 2 ครั้ง ในฤดูกาล 1970-71 พวกเขาได้แชมป์ลีกครั้งแรกและได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ในช่วงปี 1989 ถึง 2005 พวกเขาได้แชมป์ฟุตบอลลีก 5 ครั้งได้แชมป์เอฟเอคัพ 5 ครั้งโดยมี 2 ครั้งที่ได้ดับเบิ้ลแชมป์ ในช่วงศตวรรษที่ 20 อาร์เซน่อล ถือเป็นทีมที่ได้คะแนนมากที่สุดในลีก

เฮอร์เบิร์ต ชาพแมน ช่วยให้ อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยระดับประเทศได้เป็นครั้งแรกแต่เขาก็เสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยเขามีส่วนช่วยในการจัดระบบ แสงไฟ และหมายเลขเสื้อ และการใช้สีขาวและแดงในชุดของ อาร์เซน่อล อาร์แซน เวนเกอร์ เป็นผู้จัดการทีมที่อยู่มาอย่างยาวนานที่สุด ได้คว้าแชมป์กับทีมมากที่สุด โดยเขาคว้าแชมป์เอฟเอคัพถึง 7 ครั้ง พร้อมทำสถิติคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกโดยไม่แพ้ใครนานถึง 49 เกม ในฤดูกาล 2003-04

ในปี 1886 คนงานทหาร ใด้ก่อตั้งสโมสรขึ้น แถว Dial Square ปี 1913 สโมสรได้ย้ายมาอยู่ที่เมือง อาร์เซน่อล และใช้สนามแข่งที่สนามไฮบิวรี่ ใกล้ๆกับทีมร่วมเมืองอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในปี 2006 พวกเขาย้ายมาอยู่ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดี้ยม ในฤดูกาล 2016-17 พวกเขามีรายได้มากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลกเป็นจำนวนเงิน 487.6 ล้านยูโร ในปี 2018 นิตยสารฟอร์บส์ ได้ตีมูลค่าของ อาร์เซน่อล ว่ามีมูลค่ามากเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศอังกฤษ โดยมีมีมูลค่าถึง 2.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ความเป็นมาของทัพปืนใหญ่

ความเป็นมาของทัพปืนใหญ่

1886–1919

ในเดือนตุลาคมปี 1886 ดาบิด ดังสกิ้น และผู้ติดตามเขา 15 คน ได้ร่วมกันลงแข่งขันเพื่อจัดตั้งสโมสรขึ้น โดยในตอนแรกนั้นได้ตั้งชื่อสโมสรว่า โรยัล อาร์เซน่อล สนามแห่งแรกของพวกเขาคือ พลัมสตัด คัมมอน แม้ว่าพวกเขาจะเล่นอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของลอนดอน แต่ โรยัล อาร์เซน่อล ก็ได้แชมป์ อาร์เซน่อล ในปี 1890 และ 1891 และได้แชมป์ลอนดอนในปี 1891 โรยัล อาร์เซน่อล ถือเป็นสโมสรแห่งแรกของลอนดอนที่เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพ

โรยัล อาร์เซน่อล เปลี่ยนชื่อของพวกเขาอีกครั้งในปี 1893 โดยเปลี่ยนชื่อเป็น วูลวิช อาร์เซน่อล พวกเขาเป็นสโมสรแรกของฟุตบอลทางใต้ที่ได้เข้าร่วมเล่นในฟุตบอลลีก โดยเริ่มเล่นในฟุตบอลดิวิชั่น 2 และคว้าแชมป์เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 ได้ในปี 1904 แต่ด้วยปัญหาทางการเงินของพวกคนงานทำให้สโมสรเกือบต้องปิดตัวลงในปี 1910 จนกระทั่งนักธุรกิจ เฮนรี นอร์ริส และ วิลเลี่ยม ฮอลล์ เข้ามาจัดการสโมสรและพยายามย้ายสโมสรไปอยู่ที่อื่น

ปี 1913 หลังจากตกชั้นไปอยู่ที่ชั้น 2 อาร์เซน่อล ก็ย้ายไปยังสนามแห่งใหม่คือสนามไฮบิวรี่ ทางตอนเหนือของลอนดอน ที่แห่งนี้พวกเขาเปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้งในปีถัดมา เป็น เดอะ อาร์เซน่อล และหลังฤดูกาล 1914-15 พวกเขาก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น อาร์เซน่อล อย่างที่ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้

1919–1953

ในการลงเล่นในสนามแห่งใหม่และในดิวิชั่น 1พวกเขามีแฟนคลับมากขึ้น และเติบโตอย่างรวดเร็ว เขาได้เสนอค่าจ้างอย่างสูงให้กับผู้จัดการทีม ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ เฮอร์เบิร์ต ชาพแมน ในปี 1925 หลังจากผ่านมาแล้ว 5 ปี ชาพแมน ได้สร้างทีม อาร์เซน่อล ขึ้นมาใหม่ จนเป็นที่รู้จักของคนอังกฤษอย่างรวดเร็ว ชาพแมน นำทีม อาร์เซน่อล ได้แชมป์ฟุตบอลในระดับชาติเป็นครั้งแรกในการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 1930 และได้แชมป์ลีก 2 ครั้งใน ฤดูกาล 1930-31 และ 1932-33 เขามีส่วนช่วยในการจัดระบบ แสงไฟ และหมายเลขเสื้อ และการใช้สีขาวและแดงในชุดของ อาร์เซน่อล แต่ในช่วงกลางฤดูกาล 1933-34 ชาพแมน เสียชีวิตจากโรคปอดบวม ทำให้งานของเขาถูกถ่ายทอดไปยัง โจอี้ ชาว และ จอร์จ อลิสซอน พวกเขาคว้าทีมคว้าแชมป์ลีกได้ในฤดูกาล 1933-34, 1934-35, 1937-38 และแชมป์ เอฟเอ คัพในปี 1936

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฟุตบอลลีกหยุดการแข่งขันไป 7 ปี แต่หลังจากที่กลับมาเปิดแข่งอีกครั้ง อาร์เซน่อล ก็คว้าแชมป์ลีกได้ 2 ครั้งคือในฤดูกาล 1947-48 และ 1952-53 และคว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้ในปี 1950

1953–1986

อาร์เซน่อล ไม่คว้าแชมป์ลีกหรือเอฟเอ คัพ อีกเลยในช่วง 18 ปี นักเตะจากปี 1953 ก็แก่ตัวลง และสโมสรก็ไม่สามารถหานักเตะที่แข็งแกร่งพอมาทดแทนได้ ทำให้ในช่วงปี 1950 ถึง 1960 อาร์เซน่อล กลายเป็นทีมธรรมดา แม้จะเคยใช้อดีตกัปตันทีมอังกฤษอย่าง บิลลี ไวท์ แต่ก็ไม่สามารถนำทีมประสบความสำเร็จได้

ในปี 1966 สโมสรได้แต่งตั้ง เบอร์ตี้ มี เป็นผู้จัดการทีมและเขาก็ช่วยให้ อาร์เซน่อล เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในฟุตบอลลีกคัพ ในฤดูกาล 1967-68 และ 1968-69 ฤดูกาลต่อมา อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนเป็นครั้งแรก โดยการคว้าแชมป์ อินเตอร์ ซิตี้ส์ แฟร์ส คัพ ฤดูกาล 1970-71 อาร์เซน่อล ก็คว้าดับเบิ้ลแชมป์ โดยได้แชมป์ฟุตบอลลีกและเอฟเอคัพ ปี 1972 พวกเขาได้รองแชมป์เอฟเอคัพ และในฤดูกาล 1972-73 ก็ได้รองแชมป์ในฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1

อดีตนักเตะอย่าง เทอรี เนลล์ เข้ามาแทนที่ ในปี 1976 ในวัย 34 ปี ทำให้เขาเป็นผู้จัดการทีมที่อายุน้อยที่สุด เขานำทีมเข้าชิงเอฟเอคัพได้ในปี 1978, 1979 และ 1980 และเข้าชิงฟุตบอล ยูโรเปี้ยนคัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1980

จอร์จ เกรแฮม กลับมาเป็นผู้จัดการทีม

1986–2018

จอร์จ เกรแฮม กลับมาเป็นผู้จัดการทีมในปี 1986 และช่วยให้ อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ลีกคัพครั้งแรกในปี 1987 ในปี 1988 พวกเขาได้แชมป์ฟุตบอลลีก เซนเตนารี และได้แชมป์ฟุตบอลลีกในฤดูกาล 1988-89, 1990-91 และคว้าดับเบิ้ลแชมป์เอฟเอ คัพ และลีกคัพได้ในปี 1993 คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรเปี้ยนคัพ วินเนอร์ส คัพ ได้ในปี 1994 ในปี 1995 เกรแฮม ถูกไล่ออกจากการเป็นผู้จัดการทีม เนื่องจากมีการพบว่าเขารับสินบนในการซื้อตัวนักเตะ และได้มีการแต่งตั้ง บรู๊ค ริออช มาแทน เพียงแค่ฤดูกาลเดียว เขาก็ออกจากสโมสร เนื่องจากมีปัญหากับบอร์ดบริหารของสโมสร ในปี 1996 สโมสรได้แต่งตั้ง อาร์แซน เวนเกอร์ มาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ เขาได้เปลี่ยนแปลงระบบการเล่นและระบบภายในทีมมากมาย รวมทั้งการดึงนักเตะจากประเทศบ้านเกิดของเขามาร่วมทีมเช่น แพทริค วิเอร่า, เธียร์รี่ อองรี, ทำให้ อาร์เซน่อล ได้รองแชมป์ฤดูกาล 1997-98 ทั้งในฟุตบอลลีกและฟุตบอลลีกคัพ และได้ที่ 3 ในปี 2001-02 พวกเขาเข้าถึงนัดเลิศฟุตบอลยูฟ่า คัพ ได้ในปี 1999-2000 ก่อนที่จะได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 2003 และ 2005 และได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2003-04 โดยไม่แพ้ไม่ได้นัดเดียว โดยที่ทำสถิติไม่แพ้ทีมใดเลย 49 นัด ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคมปี 2003 จนถึงวันที่ 24 ตุลาคมปี 2004

ในช่วง 9 ฤดูกาลแรกของ เวนเกอร์ อาร์เซน่อล จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 1 หรือ 2 ตลอดในช่วง 8 ปี แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แชมป์ และสโมสรไม่เคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก จนกระทั่งฤดูกาล 2005-06 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกในรอบ 50 ปีของสโมสรที่สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ แต่พวกเขาก็แพ้ต่อ บาร์เซโลน่า 2 ประตูต่อ 1 ในเดือนกรกฎาคมปี 2006 พวกเขาย้ายมาอยู่ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม หลังจากที่ใช้สนามไฮบิวรี่มานานถึง 93 ปี อาร์เซน่อล ได้เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลลีกคัพอีกครั้งในปี 2007 และ 2011 แต่พวกเขาก็แพ้ต่อ เชลซี และ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ในรอบชิงชนะเลิศ

อาร์เซน่อล ไม่ได้แชมป์อีกเลยนับตั้งแต่ปี 2005 จนกระทั่งวันที่ 17 พฤษภาคมปี 2014 พวกเขาเอาชนะ ฮัลล์ ซิตี้ ได้ในฟุตบอล เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ หลังจากที่ตามอยู่ 0-2 และสามารถพลิกกลับมาชนะได้ 3 ประตูต่อ 2 ฤดูกาลต่อมาพวกเขาก็ได้เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ อีกครั้ง โดยสามารถเอาชนะ แอสตัน วิลล่า ได้ 4 ประตูต่อ 0 เป็นการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ครั้งที่ 12 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร และปี 2017 ก็คว้าแชมป์เอฟเอคัพ ได้อีกครั้งเป็นครั้งที่ 13 ในการเอาชนะทีมหลัง เชลซี ในรอบชิงชนะเลิศ อย่างไรก็ตามหลังจบฤดูกาลพวกเขาได้อันดับที่ 5 วันที่ 20 พฤษภาคมปี 2018 หลังจากการคุมทีมมาอย่างยาวนาน 22 ปีของ อาร์แซน เวนเกอร์ เขาก็ประกาศลาออกจากสโมสร

2018–ปัจจุบัน

หลังจากการลาออกของ อาร์แซน เวนเกอร์ สโมสร อาร์เซน่อล ก็ได้แต่งตั้ง อูไน เอเมอรี่ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในวันที่ 23 พฤษภาคมปี 2018 โดยถือเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 2 ที่มาจากนอกราชอาณาจักร โดยในการแข่งขันนัดแรกของเขา สามารถนำทีม อาร์เซน่อล ชนะ บอร์แฮม วู้ด ไป 8 ประตูต่อ 0 ในการแข่งขันนัดอุ่นเครื่อง

ปัจจุบันของเอเมอรี่