จังหวะและอารมณ์ของ ลิเวอร์พูล ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ

จังหวะและอารมณ์ของ ลิเวอร์พูล ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ

ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีบางอย่างที่น่าทึ่งในความไม่ประมาท และนอกเหนือการควบคุมเกี่ยวกับการที่ “หงส์แดง” ปฏิเสธที่จะให้การต่อสู้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการคว้าแชมป์ลีก ถึงจุดจบเร็วกว่าที่คิด พวกเขายังมีชีวิตอยู่บนความหวังในช่วงที่เหลือของซีซั่นนี้

ในเกมลีกที่ ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ เฉือนเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ต้องขอบคุณการทำเข้าประตูตัวเองของ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ กองหลัง “ไก่เดือยทอง” ในนาทีที่ 89 ต่อหน้าสวาก “เดอะ ค็อป”

หลังจากที่ อูโก้ ยอริส นายทวารทีมชาติฝรั่งเศส ของ สเปอร์ส ทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในการจัดการลูกโหม่งของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกทีมชาติอิยิปต์ ของ ลิเวอร์ จนกลายเป็นประตูชัยสุดสำคัญในท้ายที่สุด ซึ่งพา “หงส์แดง” กลับขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงอีกครั้ง

เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม นอกจากนี้ มุสซา ซิสโซโก กองกลางเฟร้นช์แมน ของ สเปอร์ส ก็พลาดโอกาสครั้งสำคัญในนาทีที่ 85 หลังหลุดเดี่ยวเข้าไปในระยะ 12 หลา ก่อนที่เขาจะซัดบอลข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้น

“หงส์แดง” มีความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะชนะเกมนี้ เพื่อเป็นการเรียกขวัญกำลังใจ และกลับไปยืนอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงเหนือ แมนฯซิตี้ อีกครั้ง โดยบรรดานักเตะแนวรับอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โจเอล มาติป และ อลิสสัน เบ็คเกอร์ นายด่านทีมชาติบราซิล ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการหยุดแนวรุก สเปอร์ส

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันของ ลิเวอร์พูล กล่าวหลังจบเกมว่า “เราต้องต่อสู้อย่างบ้าคลั่งกับ สเปอร์ส แฟนบอลของเรานั้นโดดเด่นมากๆ พวกเขามาที่นี่เพื่อผลักดันพวกเรา และในตอนท้ายเกมมันก็ช่วยได้เยอะ มันเป็นเชิงบวกเท่านั้น ผมพูดว่ามี 500 วิธีที่จะชนะเกมฟุตบอล และวันนี้ เราก็ชนะแบบน่าเกลียดเล็กน้อย แต่แน่นอน ใครใส่ใจ?”

เมื่อเห็นจากจังหวะที่ ซาลาห์ ไปฉลองประตูชัยในช่วงท้ายเกม เราก็รู้ดีว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเพียงใด แต่ ลิเวอร์พูล จะยังคงเล่นเช่นนี้ใน 6 เกมสุดท้ายได้หรือไม่? พวกเขาจะยังคงประมาทต่อการเผชิญหน้ากับ เชลซี และ วูลฟ์แฮมป์ตัน ที่ยังคงมาเยือน แอนฟิลด์ ได้หรือไม่? หรือว่า “หงส์แดง” จะต้องเล่นแบบนี้ด้วยความระมัดระวัง เพื่อสร้างความกดดันให้กับ แมนฯซิตี้ ต่อไป

ลิเวอร์พูล ไม่รู้วิธีการเล่นในจังหวะผ่อนหนักผ่อนเบา จำได้ว่าพวกเขามีผลการแข่งขันที่น่าเสียดาย ด้วยการเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-0 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ? วันนั้น”หงส์แดง” ขาดความเด็ดเดี่ยวและแรงผลักดันและพวกเขาก็น่ากลัว

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความเร็วเพียงอย่างเดียว การเร่งจังหวะเกมเร็ว และองค์ประกอบทางอารมณ์ ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ฟุตบอลราคาแพงที่พิสูจน์ความแข็งแกร่งของพวกเขา แต่จังหวะทีเด็ดทีขาดยังตกเป็นที่สงสัย

ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกในปี 2556-57 ภายใต้การนำทัพของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เทรนเนอร์ชาวไอร์แลนด์เหนือ ถือเป็นจุดสำคัญของ ลิเวอร์พูล ดีเอ็นเอ ภายใต้ คล็อปป์ มันเกี่ยวกับความเข้มข้นสูง และทำให้เท้าเหยียบบนคันเร่ง เหยียบอย่างแน่นหนาเต็มแรง และประตูที่ 2 3 หรือ 4 มักจะตามมาหลังจากที่ปลดล็อกประตูแรกได้อย่างรวดเร็ว

หงส์แดง มีความมุ่งมั่นอย่างมาก

ลิเวอร์พูล ได้ประตูชัยตัดสินในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อได้ประตูจาก ดิวอค โอริกี้ หัวหอกทีมชาติเบลเยียม ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับการผลักดัน และความมุ่งมั่นโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงสำหรับการทำประตูเพื่อที่จะเอาชนะคู่แข่ง

ในเกมกับ สเปอร์ส เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล พร้อมที่จะโยนบอลไปข้างหน้าอีกครั้ง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นมากกว่าที่จะหายใจลึก ๆ และปักหลักจบสกอร์ ซึ่งจะมีความหวังในการมีชื่อของพวกเขาอยู่ในการลุ้นแชมป์

แมนฯซิตี้ แทบจะระเบิดทีมต่างๆ ในการแข่งขันทุกรายการ แต่แชมป์ดูเหมือนจะควบคุมชะตากรรมของพวกเขา “เรือใบสีฟ้า” ไม่ใช่ทีมที่มาเงียบๆ แต่พวกเขาแพ้เพียงแค่เกมเดียวในรอบ 21 เกมที่ผ่านมาในการแข่งขันทั้งหมด และชนะถึง 19 เกมทุกรายการ อาจเป็นเพราะพวกเขามีทีมผู้เล่นที่รู้วิธีที่จะชนะเกมที่มีความสับสนวุ่นวายกับทีมของ เป็ป กวาร์ดิโอลา

แต่กับ ลิเวอร์พูล? แน่นอนว่ามันวุ่นวายในช่วง 10 นาทีสุดท้าย แต่ความวุ่นวายได้ให้รางวัลกับพวกเขาในฤดูกาลนี้ แทนที่จะทำร้ายตัวเอง “หงส์แดง” เชื่อว่าพวกเขาเป็นทีมที่จะชนะโดยมีเป้าหมายปลายทางว่าอาจจะบังคับให้เกิดข้อผิดพลาดในช่วงปลาย

แน่นอน ยอริส เลียนแบบ จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวาร ของ เอฟเวอร์ตัน ด้วยการทำพลาดในจังหวะสุดท้ายของเขาต่อหน้า “เดอะ ค็อป” แต่อันตราย ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในกับดักแห่งความคิดที่ว่าพวกเขาสามารถเล่นได้อย่างปลอดภัย

การชนะเช่นนี้ สามารถก่อให้เกิดความรู้สึกที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่มันเป็นเรื่องของกำไรขั้นต้นในฤดูกาลนี้และ เซาแธมป์ตัน ต้องการคะแนนเพื่อหลีกเลี่ยงการตกชั้น จะมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เพื่อจะเอาชนะ ลิเวอร์พูล เมื่อพวกเขาพบต้องกันที่สนาม เซนต์ แมรี ในคืนวันศุกร์

จากนั้น เชลซี จะไปเยือนแอนฟิลด์ในเดือนเมษายน พวกเขามีประวัติเมื่อมันมาถึงการทำลายล้างตำแหน่งลุ้นแชมป์ของ ลิเวอร์พูล ด้วยการลื่นของ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีม “หงส์แดง” ในปี 2014 และการซัดประตูของ เดมบา บา อดีตกองหน้า “สิงโตน้ำเงินคราม” ยังคงอยู่ในใจสาวก “เดอะ ค็อป” อย่างแน่นอน

คาร์ดิฟฟ์ จะเป็นสถานที่ยากลำบากเช่นเดียวกันของ ลิเวอร์พูล นอกจากนี้การเดินทางไปเผชิญหน้ากับ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่ นิวคาสเซิล และฮัดเดอร์สฟิลด์ ที่ตกชั้นไปแล้วนั้น ก็ไม่ใช่งานง่าย และในเกมสุดท้ายที่แอนฟิลด์กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน พวกเขาคงต้องลุ้นอย่างหนักตลอดทั้ง 90 นาที

ลิเวอร์พูล ไม่เคยทำเจองานง่ายในฤดูกาลนี้ ตามคำพูดของ คล็อปป์ ซึ่งระบุว่า ลูกทีมของเขาต่อสู้กับ “ทีมที่ดีที่สุดในโลก” สำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก บางทีพวกเขาอาจต้องการความบ้าคลั่งที่มาพร้อมกับความเฉียบคม ไม่ว่าในความเป็นจริงถ้าพวกเขาชนะในลีกแบบนี้มันจะเป็นเหตุการณ์ที่จะไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน