”อันตรายสำหรับอินเตอร์ เมื่อพวกเขามีเชื้อมะเร็งที่ชื่อ “คอนเต้

”อันตรายสำหรับอินเตอร์ เมื่อพวกเขามีเชื้อมะเร็งที่ชื่อ “คอนเต้

มันคงใกล้ที่จะถึงปลายทางจริงๆแล้วสำหรับตัวของ อันโตนิโอ คอนเต้ ผู้จัดการทีมจอมหัวร้อนของ อินเตอร์ มิลาน ที่ตอนนี้ผลงานของเขากำลังงามหน้าสุดๆ สวนทางกับช่วงเวลาปีแรกที่เขาได้ก้าวเข้ามาหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม อินเตอร์ มิลาน อย่างแท้จริงในเวลานี้อินเตอร์ มีอันต้องตกรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมมันยังเป็นการตกรอบชนิดที่พวกเขาหล่นเป็นอันดับบ๊วยของกลุ่มด้วย เท่ากับว่าอินเตอร์ ไม่สามารถไปร่วมเตะในถ้วยยูโรป้าลีกเหมือนเมื่อครั้งที่พวกเขาเคยเจอมาเมื่อปีก่อนงาหนนักของ คอนเต้ ตอนนี้คงจะต้องไปโฟกัสที่การพาทีมคว้าแชมป์เซเรียอา หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องเป็นบอลถ้วยโคปปา อิตาเลีย ที่ยังมีลุ้นอยู่มาครองเท่านั้น แต่ว่า ทำไมอินเตอร์ที่มีการเสริมทัพอย่างหนักมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมานี้ เสริมทัพตามใจของคอนเต้ด้วย แต่กลับมีสภาพทีมที่เละตุ้มเป๊ะเช่นนี้ !

ความอีโก้และความโอหังของโค้ชทำร้ายทีม !

คอนเต้นั้น ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้จัดการทีมที่เจ้าอารมณ์พอสมควร เวลาเขาไม่พอใจ เขาพร้อมที่จะระเบิดอารมณ์ใส่นักเตะทันที ไม่เว้นแม้แต่กับผู้บริหาร เขาไม่เคยกลัวใคร และออกจะไปทางก้าวร้าวใส่จนหลายคนรับไม่ได้อีกด้วยเขาไม่เคยคิดที่จะอ่อนให้ใคร ความมั่นใจในตัวเองของเขานี่เองมันได้กลับกลายเป็นสิ่งที่จะกลับมาทำร้ายเขาได้ทุกเมื่อ หากว่าคอนเต้ยังใช้อารมณ์ในการแก้ไขสถานการณ์หลายอย่างอยู่ เขาก็จะเริ่มไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากผู้บริหารและนักเตะในทีม จนสุดท้ายเจ้าตัวก็จะไม่เหลืออะไรอีกต่อไป

แผนการเล่นที่ซึ่งนักเตะตัวหลักค่อนข้างส่ายหัว

แผนการเล่นที่ซึ่งนักเตะตัวหลักค่อนข้างส่ายหัว

นักเตะของทีมอินเตอร์ มิลาน อาจจะต้องมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย โดยตลอดระยะเวลา 2 ปีที่คอนเต้ทำทีมอินเตอร์ เขาได้นำแผนเก่งที่เขาเคยใช้จากสมัยที่คุมทีมเชลซีจนประสบความสำเร็จมาใช้นั่นคือแผน “กองหลัง 3 ตัว”แต่ปรากฏว่า นักเตะของอินเตอร์ โดยเฉพาะกับผู้เล่นเกมรับทั้งหลายต่างมีความคุ้นชินกับการเล่นด้วยแผนกองหลังแบบ “แบ็กโฟร์” มากกว่า มันทำให้พวกเขารู้สึกว่าการปรับตัวเข้ากับระบบเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 ตัวนั้นยากสำหรับพวกเขามากเลยทีเดียวมิหนำซ้ำ หลายๆทีมยังจับทางแผนการเล่นของคอนเต้ได้ด้วยอีก และหาวิธีเล่นงานกองหลังของอินเตอร์ได้เสมอ ซึ่งคอนเต้ก็ไม่ได้คิดที่ทำการเปลี่ยนแปลงแผนของตัวเอง เขายังยึดมั่นในระบบนี้เสมอจนสุดท้ายทุกอย่างก็พังหมด

นักเตะสูงวัย วางใจระยะยาวไม่ได้

แม้ว่าคุณจะมีนักเตะระดับเวิลด์คลาสอยู่ในทีมมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าหากว่านักเตะเหล่านั้นอยู่ในวัย 30 ปีขึ้นไป หรือเลยจุดพีคของตัวเองไปแล้ว เหลือแค่บารมีและโปรไฟล์ให้คนอื่นได้หวาดเกรงเท่านั้น มันคงยากที่จะฝากความหวังในระยะยาว หรือเป็นอนาคตให้กับสโมสรแต่คอนเต้ไม่มองแบบนั้น เขามองการทำทีมในแบบสำเร็จรูป ตามใจฉัน หาได้มองการสร้างทีมแบบเน้นหวังผลระยะยาว และนักเตะที่เขาเอาตัวมาเล่นโดยส่วนใหญ่นั้น เป็นแข้งสูงวัยแทบจะทั้งสิ้น !
อเล็กซิส ซานเชซ (31) , อเล็กซ์ซานเดอร์ โคลารอฟ (34) , อาร์ตูโร่ วิดัล (33) , มัตเตโอ ดาร์เมียน (30) , แอชลีย์ ยัง (34) พวกนี้คือนักเตะที่คอนเต้มักใช้งานเป็นประจำ แต่เหล่าดาวรุ่งอายุน้อยๆกลับไม่ค่อยจะได้ส่งลงเล่นเท่าไหร่ ซึ่งขืนยังเป็นแบบนี้เรื่อย ๆอินเตอร์อาจจะเสียเวลาในการพัฒนาทีมไปมากเช่นกัน

คนนอกแผนการที่ชื่อ “คริสเตียน อีริคเซ่น”

คนนอกแผนการที่ชื่อ “คริสเตียน อีริคเซ่น”

เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเดนมาร์กแบบ อีริคเซ่น คือนักเตะที่หลายๆทีมอยากได้ตัวไว้ปั้นเกมรุก อาศัยความมหัศจรรย์จากการจ่ายบอลคิลเลอร์พาส ยิงไกล เลี้ยงบอลแหวกแนวรับเพื่อพลิกเกมให้ แต่ว่าคอนเต้กลับไม่ได้ต้องการเขาไม่ได้อยากใช้งาน อีริคเซ่น โดยให้เหตุผลว่า จอมทัพรายนี้เล่นบอลในสไตล์เบอร์ 10 ซึ่งแผนของเขาไม่ได้รองรับเพลย์เมกเกอร์ และอีริคเซ่น ไม่ได้เป็นนักเตะสไตล์ใช้พลังเข้าปะทะ จึงไม่เหมาะแต่เมื่อมองไปในบรรดา line-up ของนักเตะตัวจริงในแดนกลาง คอนเต้อัดนักเตะที่เน้นพลัเข้าปะทะในแดนกลางไปหลายคน และแบบนี้ ใครจะเป็นคนสร้างสรรค์เกมให้กองหน้าได้ลุ้นจบสกอร์บ้าง ทุกอย่างที่อินเตอร์ลงทุนอาจจะพังในพริบตาถ้าหาก คอนเต้ ยังมีอำนาจมากในสโมสรเช่นนี้ พวกเขาจะแก้ปัญหาแบบนี้อย่างไรดี ก็คงต้องติดตามกันต่อไป