สไนจ์เดอร์-ฟาน เดอร์ ฟาร์ท … กับการตัดปัญหาเรื่องเคมีที่ไม่เข้ากันในทัพอัศวินสีส้ม

สไนจ์เดอร์-ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ... กับการตัดปัญหาเรื่องเคมีที่ไม่เข้ากันในทัพอัศวินสีส้ม

คุณเคยได้ยินเรื่องที่ว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด ไม่มีวันลงเล่นร่วมกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในนามทีมชาติอังกฤษได้ใช่หรือไม่ ใช่ว่ามีแต่ทีมชาติอังกฤษเท่านั้น ที่มียอดมิดฟิลด์ที่มาถึงจุดพีคในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน เล่นตำแหน่งเดียวกัน บทบาทหน้าที่ในสนามก็ใกล้เคียงกัน แต่ว่าโค้ชออกอาการรักพี่เสียดายน้อง ไม่สามารถตัดใครคนใดคนหนึ่งออกจากสนามได้ จนต้องยัดให้ลงเล่นพร้อมกัน จนสุดท้ายก็เละ ! ในทีมชาติฮอลแลนด์ก็เช่นกัน แต่แค่ว่ามันไม่ได้ปล่อยให้ทุกอย่างเฟะจนกู่ไม่กลับแบบที่ทีมชาติอังกฤษพบเจอในช่วงที่พวกเขามี แลมพาร์ด กับ เจอร์ราร์ด อยู่ในทีมชาติชุดเดียวกันฮอลแลนด์มีปัญหาเรื่องที่ว่า เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ และ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ใครควรจะได้ลงเล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 หรือว่าจับลงเล่นคู่กันไปเลยจะดีกว่ากัน ทั้งคู่ต่างก็เป็นนักเตะที่มาจากทีมอาแจ็กซ์เหมือนกัน แต่อาจจะแค่คนละรุ่น มีทักษะในการเล่นที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกเหมือนกัน แต่กลับเคมีในสนามไม่เข้ากันอย่างหนักกระนั้นแล้ว ปัญหาในทีมชาติฮอลแลนด์กลับได้รับการแก้ไข แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้ เรามาดูกัน

ตำแหน่งและบทบาททับซ้อนกันเกินไป โค้ชแก้ปัญหาทันที

ตำแหน่งและบทบาททับซ้อนกันเกินไป โค้ชแก้ปัญหาทันที

ทั้งตัวของ สไนจ์เดอร์ และ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ต่างก็เติบโตมาจากระบบทีมเยาวชนของอาแจ็กซ์ และประสบความสำเร็จกับอาแจ็กซ์เหมือนๆกัน ต่างกันแค่ว่า ฟาร์ท อยู่กับอาแจ็กซ์มาก่อนสไนจ์เดอร์ และยังมีโอกาสสวมเสื้อหมายเลข 10 ของทีมชาติฮอลแลนด์ก่อนหน้า สไนจ์เดอร์ แต่ว่าผลงานในระดับทีมชาติของ ฟาร์ท ไม่มีอะไรที่น่าว้าวเท่าไหร่ครั้นการมาถึงของ สไนจ์เดอร์ เขาสามารถทำหน้าที่ในบทบาทหมายเลข 10 ได้ดีกว่า ฟาร์ท อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในรอบคัดเลือกยูโร 2004 นัดที่ฮอลแลนด์เจอกับสก็อตแลนด์ สไนจ์เดอร์ โชว์ฟอร์มเด่นสุดๆด้วยการยิง 1 แอสซิสต์ 3 ช่วยให้ทัพ “อัศวินสีส้ม” กระซวกสก็อตแลนด์ไส้วิ่น 6-0 และเมื่อ ดิ๊ก อัตโวคาท กุนซือทีมชาติฮอลแลนด์ในเวลานั้นเกิดอาการเสียดายคุณภาพของ ฟาร์ท เขาจึงทดลองจับเอา สไนจ์เดอร์ลงมาเล่นคู่กันในแดนมิดฟิลด์ ปรากฏว่าการทหน้าที่ของทั้งคู่ทับซ้อนกันอย่างหนักจนเหมือนแย่งกันทำหน้าที่มากไป สุดท้ายแดนกลางของฮอลแลนด์ก็ขาดสมดุลไปในที่สุดถ้าหากให้เพลย์เมกเกอร์คู่นี้ลงเล่นด้วยกัน

ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ปกติบาดเจ็บบ่อยอยู่แล้ว

ฟาร์ท เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ในการเล่นเกมรุกจริง มีเท้าซ้ายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ เล่นบอลฉลาด จ่ายบอลคม สามารถเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวรุกและหน้าต่ำ แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้นั่นก็คือ อาการบาดเจ็บ !ฟาร์ทได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้ง โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในระดับการเล่นให้สโมสร และแน่นอนว่าในช่วงที่เขาบาดเจ็บบ่อยๆนั้น มันมักจะคาบเกี่ยวกับช่วงที่ทีมชาติฮอลแลนด์จะต้องลงเตะซะด้วย มันเลยเป็นเหตุที่ทำให้ สไนจ์เดอร์ ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นจอมทัพหมายเลข 10 ของฮอลแลนด์แบบโชว์เดี่ยว ไม่มีใครมาแย่งตำแหน่งด้วยอีกแล้วต่อให้ ฟาร์ท กลับมาติดทีมชาติอีก เขาก็ต้องก้มหน้ารับหน้าที่เป็นตัวสำรองให้กับนักเตะรุ่นน้องรายนี้ซะมากกว่าจะลงเล่นเป็นตัวจริงหรือลงคู่กัน จึงเป็นอันตัดปัญหาเรื่องการเล่นบอลไม่เข้าขากันของทั้งคู่ไปได้เลย

ผลงานในระดับสโมสรของสไนจ์เดอร์ จับต้องได้และคงเส้นคงวากว่า

ผลงานในระดับสโมสรของสไนจ์เดอร์ จับต้องได้และคงเส้นคงวากว่า

ฟาร์ท ย้ายไปเล่นให้กับทั้ง ฮัมบูร์ก , เรอัล มาดริด , สเปอร์ส , เรอัล เบติส แต่ไม่เคยระเบิดฟอร์มที่ยอดเยี่ยมออกมาได้เหมือนสมัยที่ค้าแข้งอยู่กับ อาแจ็กซ์ เขามีอาการบาดเจ็บบ่อยจนขาดความคงเส้นคงวาและหายไปจากสารบบทีมชาติบ่อยครั้งแต่ในทางกลับกัน สไนจ์เดอร์ มีผลงานที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่อยู่กับอาแจ็กซ์ , เรอัล มาดริด , อินเตอร์ มิลาน และรวมถึงกับ กาลาตาซาราย อีกทั้งผลงานในทีมชาติก็ดีมาตั้งแต่ครั้งทำศึกฟุตบอลยูโร 2008 จนถึงขั้นพาทีมชาติฮอลแลนด์คว้ารองแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 ที่เขาระเบิดฟอร์มได้อย่างโดดเด่น เคยพาอินเตอร์คว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาแล้ว เรียกว่าผลงานของ สไนจ์เดอร์ กับบทบาทศูนย์กลางของทีมนั้นเด่นชัดกว่าฟาร์ทแน่นอน