บาร์เซโลน่า กับสุดยอดแข้งอัศวินสีส้มในตำนานสโมสร

มาร์ค ฟาน บอมเมล (2005-2006)

มาร์ค ฟาน บอมเมล (2005-2006)

อยู่กับบาร์ซ่าแค่หนึ่งฤดูกาลเท่านั้นสำหรับ ฟาน บอมเบล ซึ่งมิดฟิลด์รายนี้ถูกนำตัวเข้ามาเพื่อมาหนุนเหล่ากองกลางที่เน้นด้านเทคนิคคนอื่นๆของบาร์เซโลน่า ให้เล่นง่ายขึ้น โดยมีตัวของเขาที่เน้นการปะทะหนักๆในแดนกลางเป็นหลักในขณะที่ ชาบี้, อิเนียสต้า และเดโก้ เน้นการทำเกมด้วยสไตล์สวยงาม ผ่านบอลให้กองหน้าเข้าทำประตู ตัวของ ฟาน บอมเมลก็ทำงานสกปรก และเน้นตัดเกมในแดนกลางเป็นหลัก ซึ่งแผนนี้มันใช้ได้ผลเช่นกัน เมื่อบาร์ซ่าได้แชมป์ลาลีกา 2005-06 และได้ชูถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกก่อนที่เขาจะจากไป

โจวานนี่ ฟาน บรองฮอร์สต์ (2003-2007)

โจวานนี่ ฟาน บรองฮอร์สต์ (2003-2007)

เส้นทางอาชีพของ ฟาน บรองฮอร์สต์ ตำนานแบ็กซ้ายเลือดดัตช์ ไม่ได้มีอะไรที่โลดโผนเท่าไหร่ แต่เขาก็มีความหนักแน่นในตัวเอง พัฒนาฝีเท้ามาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงวันที่เขาได้ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่าเขาเซ็นสัญญามาอยู่กับบาร์ซ่าแบบยืมตัวก่อนในปี 2003 หลังจากที่แฟรงค์ ไรการ์ด เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าโค้ชและจากนั้น เขาก็คว้าตำแหน่งแบ็กซ้ายตัวหลักของทีมมาครองได้ในทันที และยังได้สัญญาแบบถาวรด้วย โดย “จิโอ” เป็นนักเตะที่ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลและเพื่อนร่วมทีม เขายังเป็นฟันเฟืองหลักในการฟื้นตัวของ บาร์ซ่า ในช่วงกลางต้นยุค ​​​​2000 ซึ่งทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีก 2 สมัยติดและได้ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกมาครองอีกด้วย

โยฮัน นีสเกนส์ (1974-1979)

โยฮัน นีสเกนส์ (1974-1979)

หลังจากสร้างความประทับใจให้กับอาแจ็กซ์ ชุดที่ครองบัลลังก์ราชันย์แห่งทวีปยุโรป ‘โยฮัน เดอะ เซคคันด์’ (เพราะชื่อเหมือน โยฮัน ครัฟฟ์ และยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย) ก็ได้มุ่งหน้าสู่บาร์เซโลน่าในปี 1974 และเป็นนักเตะคนโปรดของแฟนๆในทันทีนีสเกนส์ เป็นกองกลางมากความสามารถอีกคนหนึ่งที่มีสไตล์การเล่นที่มีความสง่างาม และยังมีความสามารถในการอ่านเกม บัญชาการเกม จ่ายบอลให้เพื่อนเล่นง่ายๆ แต่น่าเสียดายที่ในช่วงเวลาที่ นีสเกนส์ มาอยู่กับบาร์เซโลน่า ทีมไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ แต่จอมทัพรายนี้ก็ยังได้รับความรักจากแฟน ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาเป็นอีกหนึ่งแข้งชาวดัตช์ที่มีความสามารถสูงนั่นเอง

ฟิลลิป โคคู (1998-2004)

ฟิลลิป โคคู (1998-2004)

หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับ PSV ตัวของ โคคู ยอดมิดฟิลด์มันสมองผู้เล่นบอลด้วยเท้าซ้าย ก็ได้ย้ายไปยัง บาร์เซโลน่า และได้กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญในประวัติศาสตร์ของสโมสรโคคู ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ร่วมกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า , หลุยส์ ฟิโก้ , ชาบี้ และคนอื่น ๆ อีกมากมาย เขาคือมันสมองของทีม ทำให้แดนกลางของบาร์ซ่าในขณะนั้นแข็งแกร่งสุดๆ จ่ายบอลฉลาด เติมเกมรุกได้ดี

แฟรงค์ เดอ บัวร์ (1999-2003)

แฟรงค์ เดอ บัวร์ (1999-2003)

การตรวจเจสารกระตุ้นต้องห้ามในปี 2000 อาจทำให้เกิดความด่างพร้อยในชีวิตค้าแข้งของ เดอ บัวร์ แต่กระนั้นแล้ว เขาเองก็เป็นกองหลังที่ยิ่งใหญแข็งแกร่งที่สุดอีกคนของบาร์ซ่าทั้งการป้องกันที่แข็งแกร่ง เล่นบอลด้วยไอคิวล้วนๆ และแถมยังมีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง เปิดบอลแม่นยำจากแนวลึก และยังชอบพาบอลขึ้นไปทำเกมรุกด้วยตัวเอง มันเลยทำให้ แฟรงค์ เป็นอีก 1 ทรัพย์สินอันทรงคุณค่าของสโมสรแห่งนี้เลยทีเดียว

โรนัลด์ คูมัน (1989-1995)

โรนัลด์ คูมัน (1989-1995)

คูมัน เป็นตำนานกองหลังผู้ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุดของบาร์เซโลน่าอีกราย กองหลังชาวดัตช์รายนี้ ไม่ได้เป็นนักเตะที่เล่นเกมรับดีเท่าไหร่ แต่กลัพรสวรรค์ในการ “เล่นเกมรุก” และยังทำประตูได้คมกริบซะกองหน้ายังอาย โดยในยุค 90 คูมันคือกองหลังที่มีฝีเท้าโดดเด่นเหนือใคร เป็นนักเตะที่ผ่านบอลยาวแม่นยำ ยิงไกลคมกริบ ลูกฟรีคิกแม่นยำ เป็นกองหลังที่เชี่ยวชาญด้านการยิงประตูจริงๆ

แพทริค ไคลเวิร์ต (1998-2004)

แพทริค ไคลเวิร์ต (1998-2004)

หลังจากเบ่งบานสุดๆ ในฐานะนักเตะ “ยุคทอง” ของทีมอาแจ็กซ์ และไปลองผิดลองถูกอยู่ 1 ฤดูกาลกับทีมเอซีมิลาน จากนั้นตัวของ ไคลเวิร์ต ก็ได้เซ็นสัญญากับบาร์เซโลนาของ หลุยส์ ฟาน ฮาล อดีตกุนซือที่เขาร่วมงานด้วยในทีม อาแจ็กซ์ จนได้สารพัดแชมป์ร่วมกัน และในท้ายที่สุด ศิษย์-อาจารย์ คู่นี้ก็ได้มาร่วมงานกันอีกครั้งในปี 1998 แต่เป็นที่บาร์เซโลน่าช่วงเวลาของเขาที่บาร์ซ่า มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่เขาได้แชมป์น้อยเกินไป แต่อย่างน้อย ไคลเวิร์ต ก็ได้ร่วมมือกับ ริวัลโด้ โคตรแข้งแซมบ้าจนพาทีมได้แชมป์ลาลีกา 1998-99 แถมยังเป็นนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดในทีมเสมอในเกือบๆ 6 ปีที่เขาอยู่กับทีม จนกระทั่งเขาย้ายออกไปในปี 2004

โยฮัน ครัฟฟ์ (1973-1978)

โยฮัน ครัฟฟ์ (1973-1978)

ไม่มีข้อครหาอะไรทั้งสิ้น เพราะตัวของ โยฮัน ครัฟฟ์ เป็นนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดและเป็นแข้งดัตช์แมนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบาร์เซโลน่าห้าปีกับการอยู่กับสโมสร เขาหล่อหลอมให้สโมสรแห่งนี้เล่นบอลด้วยสไตล์เกมรุกที่สวยงาม เลียนแบบได้ยาก โดย ครัฟฟ์ ทำตัวสมกับเป็น “นักเตะเทวดา” ตามฉายาเลย เมื่อ ประทานพรบาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลาลีกา มาครองได้ในปี 1973 ซึ่งพวกเขาได้ครั้งล่าสุดคือในปี 1960 เลยทีเดียวความว่องไว, ไอคิว, ความฉลาดเป็นเกรดในการเล่น เทคนิค ไม่มีอะไรที่ครัฟฟ์ไม่มี และเขาเองก็ทำให้บาร์เซโลน่ามีปรัชญาการเล่นฟุตบอลที่ชัดเจนมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือบาร์ซ่าจะต้องเล่นเกมรุกเสมอ