ศาสตร์เกมรับสไตล์ “โคล้ด มาเกเลเล่” ผู้โดน ฟลอเรนติโน่ดูแคลน

ศาสตร์เกมรับสไตล์ “โคล้ด มาเกเลเล่” ผู้โดน ฟลอเรนติโน่ดูแคลน

ย้อนกลับไปในเดือนธันวาคม 2020 ทีมชั้นนำของพรีเมียร์ลีกอย่าง สเปอร์ส ที่เวลานั้นกำลังอยู่ภายใต้การนำทัพของ โชเซ่ มูรินโญ่ พวกเขารั้งอยู่ในพื้นที่จ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกเลยด้วยซ้ำ และทุกสายตาก็ได้จับจ้องไปที่ตัวของ ปิแอร์-เอมิล โฮยจ์บแยร์ก กองกลางทีมชาติเดนมาร์ก ที่ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีผลงานโดดเด่นไม่แพ้เหล่านักเตะเกมรุกในทีมเลเพราะว่าบทบาทของเขาที่เล่นอยู่หน้าแผงกองหลังของพวกเขานั่นเอง เขาคอยตัดเกมอย่างแข็งขัน ทำให้นักเตะเกมรุกเล่นได้อย่างสบายใจยามที่มี โฮยจ์บแยร์ก คอยทำหน้าที่ไล่ขยี้เกมรุกของอีกฝั่งให้ ซึ่งตัวของ มูรินโญ่ ถึงกับเรียกบทบาทที่ โฮยจ์บแยร์ก กำลังทำหน้าที่อยู่ว่าเป็นตำแหน่ง “ลา มาเกเลเล่” กันเลยทีเดียวปกตินั้น มันไม่ค่อยจะมีคำศัพท์ฟุตบอลที่ตั้งชื่อตามตัวนักฟุตบอลเท่าไหร่ ตัวอย่างที่มีให้เห็นก็มีแค่ชื่อท่าพลิกบอลกลับตัวด้วยความเร็วสูงของ โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานแข้งดัตช์ผู้ล่วงลับที่เรียกว่าท่า “ครัฟฟ์เทิร์น” สุดโด่งดังนั่นเองแต่ที่โด่งดังที่สุดในยุคสมัยปัจจุบันก็คือ “บทบาทของมาเกเลเล่”

การพลิกบอลเร็วเพื่อฉีกหนีตัวประกบของ ครัฟฟ์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ทักษะเฉพาะตัวและสมองในการเล่นฟุตบอลของนักเตะเกมรุกที่ฉลาดปราดเปรื่อง แต่ว่าการทำหน้าที่ไล่ตัดเกมในแดนกลางของ มาเกเลเล่ มันก็ทำให้เชลซีในยุคที่มูรินโญ่คุมทีม มันยิ่งใหญ่ถึงขั้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเลยทีเดียวการเล่นของ มาเกเลเล่ ต่างจากครัฟฟ์โดยสิ้นเชิง เพราะ มาเกเลเล่ ครั้งหนึ่งเป็นผู้เล่นที่แม้แต่ตัวของ อาร์แซน เวนเกอร์ ยังเคยนิยมเขาว่าเป็นพวก “ศัตรูขอฟุตบอลที่สวยงาม” เพราะเขาเป็นนักเตะที่เน้นในการทำลายเกมรุกของฝ่ายตรงข้ามเป็นหลัก เพื่อรักษาผลสกอร์ของทีมกล่าวกันว่าบทบาทของมาเกเลเล่นั้นแตกต่างจากมิดฟิลด์ตัวรับแบบเดิมๆ ซึ่งตามปกติ คนที่เล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับมักจะเป็นนักเตะที่เล่นบอลแข็งๆ ทื่อๆ และมักจะใช้พลังหรือลูกตุกติกในการอัดคู่ต่อสู้เป็นหลัก แต่ว่ากองกลางชาวฝรั่งเศสรายนี้เป็นนักเตะที่เล่นบอลแบบเรียบง่าย มีประสิทธิภาพ เน้นการยืนตำแหน่งที่ดี และมีระเบียบวินัยในการเล่นสูงในสมัยที่เขาอยู่กับ เรอัล มาดริด เขาได้รับการยกย่องอย่างมากว่าเป็นผู้เล่นที่สำคัญที่สุดในทีม ซึ่งได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมทีมที่เป็นนักเตะระดับสูงทั้งนั้นมาดริดนั้นเป็นทีมที่อุดมด้วยสตาร์ ซึ่งต้องการความบาลานซ์ในการเล่น เน้นความมีระเบียบวินัยในสนาม และมาเกเลเล่ สามารถเป็นตัวเชื่อมระหว่างพวกนักเตะคนอื่นๆได้ดี พวกเขาได้ชูถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกปี 2002 ซึ่งแฟนบอลอาจจะมองว่าเพราะด้วยพรสวรรค์จากนักเตะเกมรุกอย่าง หลุยส์ ฟิโก้ , ซีเนอดีน ซีดาน, ราอูล กอนซาเลซ และโรแบร์โต้ คาร์ลอส ที่ทำให้มาดริดได้แชมป์ แต่สิ่งที่นักเตะชุดดังกล่างของมาดริดพูดไว้ก็คือ เมื่อพวกเขาสูญเสียการครอบครองบอล และกำลังจะโดนฝ่ายตรงข้ามเล่นบอลโต้กลับ มาเกเลเล่ จะเป็นคนที่อ่านกระแสของเกมได้ก่อนเป็นคนแรก แล้วก็จะเข้าไปสกรีนบอลเองความใจเย็นในการเล่น เป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ก่อนใคร มีความสงบในการเล่น เน้นการจ่ายบอลสั้น ค่อยๆเซ็ตเกม ซึ่งมันเป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของมาดริด และจากนั้นเขาก็ได้เรียกร้องสัญญาฉบับใหม่และขอเงินค่าเหนื่อยก้อนใหญ่กว่าเดิม แต่ว่า ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ปฏิเสธที่จะต่อสัญญากับเขา และในที่สุดเขาก็ถูกขายให้กับเชลซี

การพลิกบอลเร็วเพื่อฉีกหนีตัวประกบของ ครัฟฟ์

เปเรซ เคยเปิดปากวิพากษ์วิจารณ์ตำนานกองกลางชาวฝรั่งเศสอย่างรุนแรงว่า“เราจะไม่เอาใจ มาเกเลเล่ เทคนิคของเขาอยู่ในระดับปานกลาง เขาขาดความเร็วและทักษะในการส่งบอลทะลุช่อิง เขาเลี้ยงบอลไม่เคยผ่านคู่ต่อสู้เลย และเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของการเคลื่อนที่ของเขา ก็มีแต่การถอยหลังไปตั้งรับ หรือไปดักบอลด้านข้าง เขาไม่ใช่คนโหม่งบอลเก่ง และแทบจะไม่เคยจ่ายบอลในระยะเกินสามเมตรด้วยซ้ำ”แน่นอนว่าเปเรซคิดผิดในขณะนั้น เขายอมรับว่าตัวเองคิดผิดในภายหลัง ยิ่งหลังจากที่เรอัล มาดริด ดันไปทุ่มซื้อ เดวิด เบ็คแฮมมาแทนด้วยอีก มันถึงขั้นทำให้ ซีดาน น็อตหลุดออกมาด่าเปเรซเลยว่า“คุณจะไปทาสีทองอีกชั้นหนึ่งลงบนรถเบนท์ลีย์ทำไมล่ะครับ ในเมื่อคุณขายเครื่องยนต์ที่จำเป็นของรถไปแล้วนี่”แต่การย้ายมาลอนดอนของมาเกเลเล่ มันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาประสบความสำเร็จอย่างสูงแค่ไหน ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ เขายังเล่นได้ดีในบทบาทของเขา และคราวนี้โลกก็ต้องยอมรับ มีความชื่นชม ยินดีส่งตจ่อมาถึงเขาจากรอบด้านและสิ่งที่เรียกว่า ศาสตร์การเล่นสไตล์ มาเกเลเล่ก็ถือกำเนิดขึ้นมูรินโญ่ยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า“ฟังนะ ถ้าผมมีกองกลางระบบไดมอนด์อยู่ในแดนกลาง – โคล้ด มาเกเลเล่ จะอยู่ข้างหลังและมีกองกลางอีกสองคนอยู่ข้างหน้าเสมอ – ผมสามารถสร้างควาได้เปรียบคู่แข่งอยู่เสมอ ด้วยสูตรการเล่น 4-4-2 โดยมีกองกลางคู่กลาง 2 คนคอยช่วยงานเขาด้วยทุกอย่างจะเริ่มต้นจากการเซ็ตเกมของ มาเกเลเล่ เขาจะยืนอยู่ระหว่างไลน์กองกลางและกองหลัง เขาสามารถขยับไปทางริมเส้นเพื่อดักบอล ประคองปีกได้ ทำทุกอย่างได้เท่าที่เขาต้องการ” “ในทุกทีม คุณจำเป็นต้องรู้ว่าบทบาทของคุณคืออะไร และหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้ผมคว้าแชมป์ก็คือ การมี มาเกเลเล่ เล่นในบทบาทของเขาไงล่ะ”

เปเรซ