“ลูก้า โจวิช” นี่คือ 1 ในชื่อของศูนย์หน้าดาวรุ่งที่มีศักยภาพสูงพอที่จะกลายมาเป็นดาวยิงระดับท๊อปของยุโรปได้เลยทีเดียว เพราะทั้งรูปร่าง ทักษะการเล่น เซนส์บอล เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 หน้าป้าคุณภาพดีที่สามารถพัฒนาการเล่นได้อีกไกลโขเลยทีเดียวประเทศเซอร์เบีย ในอดีตนั้นมีนักเตะตัวรุกระดับตำนานผุกขึ้นมาในวงการมากมายเลยทีเดียว ทั้งตัวของ กราแกน สตอยโกวิช , มาเตญ่า เคซมัน , เปแดร็ก มิยาโตวิช และอีกหลายๆคน และตอนนี้ก็มาถึงรุ่นของ โจวิช ที่ซึ่งเป็นหัวหอกรูปร่างสูงใหญ่ ที่ช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ไอ้หนุ่มรายดังกล่าวมีแต่หลายๆสโมสรชั้นนำรุมจีบรุมแย่งตัวอยากจะได้ตัวไปเสริมทัพกันทั้งนั้น เก่งแค่ไหนนั้น ขนาดว่าทีมอย่าง บาร์เซโลนา ยังพยายามเปิดศึกเพื่อที่จะแย่งตัวของ โจวิช กับทางเรอัล มาดริด เลยทีเดียว แต่สุดท้ายนั้นโจวิชก็เลือกที่จะย้ายออกจากสโมสร ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต เพื่อไปเล่นให้กับ มาดริด ตามความฝันของเขาแต่ทว่า การย้ายมาเล่นยังเบร์นาเบว มันกลับเป็นการทำลายความมุ่งมั่นและความตั้งใจของศูนย์หน้ารายนี้อย่างยับเยินเลยทีเดียว ตลอด 1 ปีครึ่งที่อยู่กับทีมมานี้ โจวิช ไม่เคยมีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจนต้องย้ายกลับไปยัง แฟรงค์เฟิร์ต อีกครั้งหนึ่งแบบยืมตัว มันเกิดอะไรขึ้นหัวหัวหอกอนาคตไกลรายนี้
นักเตะเจ้าถิ่นนามว่า “เบนเซม่า” ยังอยู่
เรอัล มาดริด มีกองหน้าเจ้าถิ่นที่อยู่กับทีมมานานอย่าง คาริม เบนเซม่า ขวางทางเขาอยู่ในตำแหน่งกองหน้าหมายเลข 9 และตัวของเบนเซม่า ก็คือนักเตซีเนียร์ของทีมที่อยู่กับทีมมานานตั้งแต่ปี 2009 ผ่านช่วงเวลาทั้งรุ่งทั้งร่วงกับทีมมานักต่อนัก ทนเสียงก่นด่าจากแฟนบอลมาก็มากกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ และนอกจากนี้เหล่านักเตะที่ย้ายทีมมาในปีเดียวกับเขาก็ย้ายออกไปหมดแล้ว แต่เบนเซม่าก็ยังยู่ แถมนักเตะแบบเขายังเป็นนักเตะไดนามิกที่ทำได้ทุกยอ่างตามแผนของโค้ช มันจึงยากที่ โจวิช ที่เล่นบอลได้ค่อนข้างจะมีมิติเดียว จะเบียดแย่งกับกองหน้าชาวฝรั่งเศสรายนี้ลงสนาม
การจะเปลี่ยนแปลงความคิดโค้ชหัวแข็ง ไม่ใช่เรื่องง่าย
นอกเหนือจากเรื่องของ เบนเซม่า แล้วนั้น การจะพยายามเปลี่ยนแปลงความคิดของโค้ชที่ยึดมั่นในความคิดของตัวเอง จนไม่ดูว่าทีมของตัวเองมีสภาพแย่แค่ไหนอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน เป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่าเสียอีกไม่ว่ากี่ครั้งที่เบนเซม่าเล่นพลาด หรือมีปัญหาอะไรก็ตามที่มันบ่งชี้ชัดๆว่า เบนเซม่า กำลังโดนกองหลังฝั่งตรงข้ามล็อกตายจนเล่นไม่ออกแล้ว สิ่งที่ตัวของ ซีดาน สมควรทำที่สุดคือเปลี่ยนเอากองหน้าตัวเป้าอีกคนลงไปเล่นแทนในช่วงที่กองหลังฝั่งตรงข้ามยังชินกับจังหวะของ “เบนซ์” อยู่นั่นเองแต่ซีดานก็ไม่เคยคิดจะทำแบบนั้น และยังยึดติดกับการใช้งานกองหน้าดีตตัวทีมชาติฝรั่งเศสเช่นเดิม จนทำให้หลายๆเกม มาดริดเสียแต้มแบบไม่น่าเชื่อไปเพราะความอีโก้ของโค้ช ฉะนั้นแล้ว มันเลยเป็นปัญหาของซีดานว่าเมื่อไหร่เขาจะเลิกทำตัวอีโก้สูง และเมื่อไหร่ที่ โจวิช จะสามารถทำผลงานตอกหน้าซีดานให้เข้าใจโลกในปัจจุบันบ้างนั่นเอง
อาการบาดเจ็บและการปรับตัวเข้ากับระบบการเล่นใหม่
ขนาดว่าไม่ค่อยได้ลงสนาม โจวิช ยังมีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นเช่นกัน โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นตอนที่เขาซ้อมนั่นเอง และนอกจากนี้ โจวิช เป็นนักเตะที่ไม่ค่อยมีความคุ้นชินกับระบบการเล่น 4-3-3 แบบที่ เรอัล มาดริด ใช้เป็นแผนหลักเท่าไหร่นักโจวิช ผ่านการเล่นในระบบ 3-4-1-2 ซึ่งเป็นระบบการเล่นที่มีหัวหอกคู่เป็นตัวทะลวงมากกว่า โจวิช จะเปล่งประกายสุดๆถ้ามีพาร์ทเนอร์คอยช่วยเขาในแดนหน้าอีกคนแต่ถ้าหากเป็น 4-3-3 แบบที่ซีดานใช้งานนั้น หัวหอกตัวกลางจะต้องทำหน้าที่ได้หลายอย่างทั้งการพักบอล การเชื่อมเกม และคอยแทงลูกให้ปีกที่ตัดเข้ามาในเขตโทษได้ทำประตู ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ โจวิช ยังไม่มีเซนส์บอลในด้านการเชื่อมเกมเท่าไหร่นั่นเอง
