“นี่เป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ยากที่สุดในชีวิตของนักฟุตบอล” เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ของ ลิเวอร์พูล กล่าวก่อนเกมที่จะพาลูกทีมบุกไปเยือน แอตเลติโก้ มาดริด ที่สนามว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย และมันก็เป็นเรื่องจริงหลังจากที่พลพรรค “หงส์แดง” บุกไปพ่าย “ตราหมี” 1-0 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในสถิติผลบอล 7m และมีสถิติยิงไม่ตรงกรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ในเกมกับ แอตเลติโก้ นั้น ลิเวอร์พูล ซึ่งไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีก ติดต่อกัน 43 เกม สามารถครองบอล และกดดันเจ้าบ้านได้ แต่พวกเขาไม่ได้สร้างจังหวะที่อันตรายได้เลย และแม้ “หงส์แดง” จะมีเกมเลก 2 ให้แก้มือที่แอนฟิลด์ แต่นี่เป็นการย้ำเตือนว่า ยังมีทีมที่สามารถเอาชนะพวกเขาได้
นี่เป็นเพียงความพ่ายแพ้ครั้งที่ 3 ของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาล และนั่นรวมถึงการพ่ายแพ้ 5-0 ต่อ แอสตัน วิลล่า ในศึกฟุตบอลถ้วยคาราบาว คัพ ซึ่งในเกมนั้น “หงส์แดง” ใช้นักเตะเยาวชนยกทีม และให้ นีล คริตชลีย์ กุนซือชุดเยาวชนรับหน้าที่คุมทีม และอีกเกมคือ บุกไปพ่าย นาโปลี 2-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล ทำได้เพียง 5 ประตู จาก 10 เกมในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อพวกเขาต้องออกไปเป็นทีมเยือน และแพ้ถึง 6 จาก 7 เกม เมื่อออกไปเล่นนอกถิ่นแอนฟิลด์ ไล่ตั้งแต่พ่าย โรม่า, บาร์เซโลน่า, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, นาโปลี 2 แมตช์ และล่าสุด แอตเลติโก้
แน่นอนว่า สถิติเหล่านี้ ลิเวอร์พูล อาจไม่ต้องกังวลมากนัก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสบายใจได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และการคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา พลพรรค “หงส์แดง” ก็สร้างเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจที่แอนฟิลด์ในการพลิกสถานการณ์ที่เป็นรองได้บ่อยครั้ง และมันเป็นบทสอบของ คล็อปป์ และลูกทีมของเขาอีกครั้งในเดือนหน้าที่จะต้องรับมือ แอตเลติโก้
อย่างไรก็ตาม แอตเลติโก้ ภายใต้การคุมทีมของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ นั้น มีฟอร์มการเล่นนอกบ้านแข็งแกร่งพอกับเล่นในบ้าน โดยพลพรรค “ตราหมี” เสียไปเพียง 2 ประตู จาก 13 เกม ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อคเอาท์
ลิเวอร์พูล พลาดท่าเสียประตูให้กับ แอตเลติโก้ ไปอย่างรวดเร็วจากลูกเตะมุมในนาทีที่ 4 จากการยิงของ ซาอูล ญีเกซ กองกลางทีมชาติสเปน และนั่นเป็นเพียงประตูที่ 2 ที่ “หงส์แดง” เสียให้กับคู่แข่งนับตั้งแต่ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ กองหลังชาวดัตช์ และ โจ โกเมซ ปราการหลังดาวรุ่งชาวอังกฤษ ลงเล่นคู่กัน
ในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล มักเป็นทีมที่ได้ครอบครองบอลมากกว่าคู่แข่งอยู่เสมอ และพวกเขาก็สามารถเจาะประตูได้ทุกครั้ง แต่ในเกมกับ แอตเลติโก้ มันเป็นอะไรที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยลูกทีมของ ซิเมโอเน่ แสดงให้เห็นว่า พวกเขาเชื่อมั่นในการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่งของตัวเอง
ในเกมกับ แอตเลติโก้ นั้น อลิสสัน เบ็คเกอร์ นายทวารทีมชาติบราซิล ของ ลิเวอร์พูล ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และเซฟจังหวะสำคัญจากการยิงของ อัลบาโร่ โมราต้า หัวหอกชาวสเปน ของ “ตราหมี” แต่การเล่นต่ำกว่ามาตรฐานของ ฟาน ไดจค์ รวมถึงการเปิดบอลที่ไม่ดีนักของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ แบ็คขวาดาวรุ่ง ก็ส่งผลให้ “หงส์แดง” ต้องเจอกับความยากลำบาก
มันเป็นวันที่น่าผิดหวังที่บรรดานักเตะ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถหารูปแบบที่ดีที่สุดของพวกเขาได้ แม้จะเป็นครั้งแรกที่ คล็อปป์ ได้นักเตะชุดใหญ่ฟิตแบบฟูลทีมก็ตาม นอกจากนี้ นายใหญ่ “หงส์แดง” ยังมีตัวเลือกมากมายบนม้านั่งสำรองอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนตัวของ คล็อปป์ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ดิวอค โอริกี้ หัวหอกชาวเบลเยียม พยายามอย่างหนักหลังจากถูกเปลี่ยตัวเข้ามาแทน ซาดิโอ มาเน่ ปีกทีมชาติเซเนกัล ในครึ่งเวลาหลัง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ตัวรุกทีมชาติอิยิปต์ ที่เล่นไม่ออกก็ถูกเปลี่ยนตัวให้ อเล็กซ์ ออกซ์เลด – แชมเบอร์เลน กองกลางทีมชาติอังกฤษลงมาเล่นแทน
คล็อปป์ กล่าวว่า “ทีมนี้มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า เรากำลังเผชิญหน้ากับทีมที่ยอดเยี่ยมซึ่งได้รับการฝึกซ้อมมาอย่างดีจากโค้ชชั้นยอด และเขามีทางเลือกต่างๆ ในการมอบแผนการเล่นให้กับลูกทีมของเขา และพวกเขาสามารถเล่นตอบโต้กลับไว้ได้ดี และยืนตำแหน่งได้ดีมาก”
เมื่อต้องเผชิญกับการป้องกันต่ำนั้น การครอบครองของ ลิเวอร์พูล 72.5 เปอร์เซ็นต์ ไม่เพียงพอที่จะสร้างช่องว่างในการทดสอบ แยน โอบลัค นายทวารชาวสโลวิเนีย ของ แอตเลติโก้ และหลายๆคนต่างรู้สึกผิดหวังกับฟอร์มของ “หงส์แดง” ในเกมนี้
มันจะเป็นคืนที่ยากลำบากสำหรับ ลิเวอร์พูล เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำประตูแรกได้ แต่พวกเขาก็ยังดูวิตกกังวลเมื่อออกไปเล่นเป็นทีมเยือน แต่บทเรียนของฤดูกาลที่แล้วมันก็แสดงให้เห็นว่า ค่ำคืนของยุโรปที่แอนฟิลด์จะยากสำหรับคู่ต่อสู้เช่นกัน
คล็อปป์ กล่าวทิ้งท้ายหลังจบเกมกับ แอตเลติโก้ ว่า “พวกเขาดูมีความสุข และผมรับได้เพราะมันเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ แต่มันยังไม่จบนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมรู้สึก และยินดีต้อนรับสู่แอนฟิลด์”
