ฤดูกาลของทัพ หงส์แดง มันยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพนักเตะ

ฤดูกาลของทัพ หงส์แดง มันยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพนักเตะ

ฤดูกาลของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก นั้น กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่แปลกประหลาด หลังจากที่พวกเขาเปิดรังแอนฟิลด์ พ่ายให้กับ “ตราหมี” แอตเลติโก้ มาดริด ทีมดังจากศึกลา ลีกา สเปน 2-3 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายเลก 2 เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา

ในเกมนัดดังกล่าว ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก จินี่ ไวจ์นัลดุม กองกลางชาวดัตช์ และ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ หัวหอกชาวบราซิล แต่ แอตเลติโก้ ยิงคืนรวดเดียว 3 ประตูจาก มาร์กอส ยอเรนเต้ มิดฟิลด์ชาวสเปน ที่ซัดคนเดียว 2 ลูก และ อัลบาโร่ โมราต้า ดาวยิงตัวเก่ง

ในสัปดาห์ก่อน ลิเวอร์พูล ตกรอบศึกฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ จากการบุกไปพ่าย “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ 2-0 เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา และตอนนี้ในฟุตบอลยุโรปนั้น พวกเขาต้องตกรอบคาถิ่นแอนฟิลด์จากการพ่ายให้กับ แอตเลติโก้

นี่เป็นค่ำคืนที่เจ็บปวดของ ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทัพของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน โดยพลพรรค “หงส์แดง” ต้องจ่ายบทเรียนราคาแพงให้กับ แอตเลติโก้ ภายใต้การนำของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ โค้ชชาวอาร์เจนไตน์ จากความผิดพลาดของ อาเดรียน นายทวารมือ 2 ชาวสเปน

แอตเลติโก้ ใช้เกมรับที่แข็งแกร่งของพวกเขา และเล่นด้วยความอดทนตลอดทั้งเกมก่อนจะยัดเยียดความปราชัยให้กับ ลิเวอร์พูล และมันเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่จากการตกรอบฟุตบอลถ้วย 2 รายการในเวลาเพียงไม่กี่วันของพลพรรค “หงส์แดง”

ขณะเดียวกัน เชื่อได้ว่ามีสาวก “เดอะ ค็อป” เพียงไม่กี่คนที่จะคิดว่า ทีมรักของพวกเขาต้องตกรอบให้กับทีมที่มีจุดเด่นในเรื่องเกมรับอย่าง แอตเลติโก้ ทั้งๆที่ในศึกพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล ใช้เกมรุกทำลายคู่แข่งจนใกล้จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีของสโมสร

ในความเป็นจริงเกมกับ แอตเลติโก้ นั้น ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดดเด่นอย่างมาก จนกระทั่ง เอเดรียน ซึ่งถูกส่งลงมาเฝ้าเสาในช่วงที่ อลิสสัน เบ็คเกอร์ นายทวารมือ 1 ทีมชาติบราซิล ได้รับบาดเจ็บ ทำผิดพลาดด้วยการผ่านบอลไปเข้าเท้าของ เจา เฟลิกซ์ หัวหอกดาวรุ่งชาวโปรตุเกสของ “ตราหมี” ก่อนจะเขาจะผ่านบอลให้กับ ยอเร้นเต้ ซัดเข้าไป

จากการติดตาม ผลบอลสด ลิเวอร์พูล ครอบครองบอล มากถึง 71% และมีโอกาสยิงมากมาย แต่ถึงกระนั้นทีมของ ซิเมโอเน่ ก็ยังเอาชนะไปได้ 3-2 ซึ่งเชื่อว่ามีหลายคนรวมถึง คล็อปป์ กำลังพิจารณาอย่างหนักเกี่ยวกับวิธีการเล่นของ แอตเลติโก้ อย่างจริงจัง

บรรดานักเตะ, ทีมงานตาฟฟ์โค้ช และ แฟนบอลของ แอตเลติโก้ ต่างมีความสุขกับฟอร์มการเล่น และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา ซึ่งเราเห็นได้จากการเฉลิมฉลองอย่างดุเดือดที่แอนฟิลด์เมื่อสิ้นสุดการต่อเวลาพิเศษ

ลิเวอร์พูล จะรักษาความผิดหวังครั้งใหญ่หลังจากที่ตกรอบจากศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปีนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พวกเขาเพิ่งคว้าแชมป์ยุโรปเป็นครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์ของสโมสรหลังเอาชนะ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา

ลิเวอร์พูล ทำได้แค่เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

แน่นอน มันเป็นความผิดหวังที่ ลิเวอร์พูล ทำได้แค่เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปีนี้ แต่การจะบอกว่าพวกเขาเจอกับฤดูกาลที่ล้มเหลวมันก็คงเป็นคำพูดที่กล่าวเกินจริงไป เนื่องจาก “หงส์แดง” ใกล้จะคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีของสโมสรเต็มที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่กลับมาจากพักเบรกฤดูหนาวในกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และในเวลานี้ทีม “หงส์แดง” ของ คล็อปป์ ต้องเรียกฟอร์มเก่งกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด

ในเกมกับ แอตเลติโก้ นั้น ปัญหาของ ลิเวอร์พูล คือการต้องเผชิญหน้ากับ ยาน โอบลัค นายทวารทีมชาติสโลวีเนียของ แอตเลติโก้ ซึ่งแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เขาเป็นโกลด์ระดับท็อปของวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล กำลังจะได้จับริบบิ้นสีแดงผูกติดกับถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่สวยงามของพวกเขา และมันอาจเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมซึ่งแสดงให้เห็นระดับประสิทธิภาพที่พัฒนาขึ้นภายใต้การคุมทีมของ คล็อปป์

ในเวลานี้ ลิเวอร์พูล มีแต้มทิ้งห่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมรองจ่าฝูงมากถึง 25 คะแนน และพ่ายแพ้ในลีกไปเพียง 1 เกมในรอบ 14 เดือน และพวกเขายังเพิ่งคว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลก มาครองได้สำเร็จ

ลิเวอร์พูล ยังคงเป็นทีมที่โดดเด่น และสามารถสะท้อนให้เห็นว่า นี่เป็นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา แม้พลพรรค “หงส์แดง” จะต้องตกรอบฟุตบอลยุโรปด้วยฝีมือของ แอตเลติโก้ ก็ตาม และหาก อลิสสัน ลงเฝ้าเสาได้นั้น ผลลัพธ์มันอาจแตกต่างออกไป

มันชัดเจนว่า เอเดรียน ลงเล่นภายใต้ความกดดัน เพราะเขาต้องทำหน้าที่แทนโกลด์ระดับท็อปอย่าง อลิสสัน และสถิติต่างๆแสดงให้เห็นว่า มือกาวชาวสเปนมีประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือของเขานั้น อยู่ในระดับที่ต่ำมาก

มันเป็นสมมุติฐานอย่างแท้จริงที่จะบอกว่า อลิสสัน จะไม่ทำพลาดเด็ดขาด แต่มันก็เป็นข้อสันนิษฐานที่ค่อนข้างจะเป็นไปได้ว่า นายทวารแซมบ้า มีการเล่นที่แน่นอน และคงเส้นคงวาอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และเขาจะไม่ทำให้ ลิเวอร์พูล ตกอยู่ในความกังวล

ซิเมโอเน่ และบรรดานักเตะ แอตเลติโก้ สมควรได้รับการจับตามองด้วยวิธีการที่พวกเขาเล่นในการมารับมือกับ ลิเวอร์พูล ที่สนามแอนฟิลด์ และความมุ่งมั่นในการป้องกันที่แข็งแกร่งของพลพรรค “ตราหมี” ก็ประสบความสำเร็จแล้ว

ลิเวอร์พูล จะตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดในวันรุ่งขึ้นเพราะพวกเขาเคยเป็นแชมป์ยุโรปเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และความพ่ายแพ้เช่นนี้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาถูกลงโทษที่แอนฟิลด์

อย่างไรก็ตาม มันจะไม่มีเวลามานั่งปลอบใจกันมากนัก เพราะ ลิเวอร์พูล ต้องกลับมาตั้งสติ และมุ่งมั่นในเกมเมอร์ซีย์ ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ จะบุกไปเยือน “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” ที่สนามกูดิสัน ปาร์ค ในวันที่ 16 มีนาคมนี้เพราะมันเป็นสิ่งที่แฟนๆ “หงส์แดง” ทุกคนใฝ่ฝันถึงในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา กับชัยชนะเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น

ลิเวอร์พูล ต้องกลับมาตั้งสติ และมุ่งมั่นในเกมเมอร์ซีย์ ไซด์