ก่อนหน้ายุค เมสซี่-โด้ ! รวมเหล่าสตาร์ระดับตำนานที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เบอร์ 1” ในยุคตัวเอง

รวมเหล่าสตาร์

ถ้าหากว่ายุคนี้มันคือยุคทองของ คริสเตียโน โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ที่แย่งกันเป็นเบอร์ 1 ของโลก  กล่าวกันว่าในแต่ละยุคหรือแต่ละทศวรรษนั้น วงการฟุตบอลย่อมมี “นักเตะที่เก่งที่สุดในโลก” ผุดขึ้นมาในยุคนั้น และจะต้องเป็นที่สุดแห่งทศวรรษตัวเองด้วย เราจะมาพูดถึงเหล่าตำนานนักเตะที่ได้ชื่อว่า “ดีที่สุดในโลก” ในแต่ละยุคกันว่ามีใครบ้างที่เป็นเต้ยที่สุดในยุคของตัวเอง

ยุค 50 : เฟเรนซ์ ปุสกัส และ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่

ยุค 50 : เฟเรนซ์ ปุสกัส และ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่

ในยุค 50 จัดได้ว่าเป็นอีก 1 ยุคคลาสสิกของฟุตบอลสไตล์เกมรุก และนักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็นโคตรบอลในยุคนี้ ได้รับการยกย่องอย่างมากจากแฟนบอลว่าเก่งที่สุดในโลก มีอยู่ด้วยกัน 2 คนนั่นก็คือ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ และ เฟเรนซ์ ปุสกัส สองดาวยิงคู่หูของ เรอัล มาดริดถ้าหากว่า ดิ สเตฟาโน่ มีความสามารถที่ครบเครื่อง ทั้งในการลากเลื้อย สร้างสรรค์เกมรุก และยังลงมาช่วยเกมรับจนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับทีมได้แล้ว คนที่คอยเป็นหัวหอกในการรับบอลจาก ดิ สเตฟาโน่ เพื่อทะลวงสกอร์ให้กับทีมก็คือ ปุสกัส และแน่นอนว่าทั้งสองคนช่วยกันรัวประตูใส่คู่แข่งร่วมกันได้เป็นเข่งจนทำให้เกิดการเปรียบเทียบกันอย่างมากในยุคนั้นว่า 2 คู่หูมาดริดคู่นี้ “ใครเก่งกว่ากัน”

ยุค 60 : เปเล่

ยุค 60 : เปเล่

ไม่ต้องถามอะไรกันมากนัก เพราะในยุค 60 มันคือช่วงเวลา ”โชว์ไทม์” ของนักเตะชื่อยาวชาวบราซิลที่แฟนบอลรู้จักเขาในชื่อ เปเล่ นักเตะรายนี้สร้างผลงานเอาไว้ได้มากมาย ทั้งการยิงประตูแตะหลักพันลูก การช่วยให้ ซานโต๊ส ประสบความสำเร็จถึงขีดสุด และแน่นอนว่าเขาได้พาบราซิลคว้าแชมป์โลกได้ถึง 3 สมัยซึ่งในยุค 60 มันหาใครสักคนมาต่อกรกับเขาได้ยากมาก

ยุค 70 : โยฮัน ครัฟฟ์ และ ฟรานซ์ เบคเคนเบาเออร์

ยุค 70 : โยฮัน ครัฟฟ์ และ ฟรานซ์ เบคเคนเบาเออร์

มันคือยุคที่แทคติกฟุตบอลเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น บางทีมนั้นเน้นเกมรุกเต็มอัตราศึก บางทีมก็เล่นเกมรุกอย่างมีระบบมีชั้นเชิงมากขึ้น และในยุคนี้ โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานโคตรจอมทัพเกมรุกผู้ล่วงลับจากฮอลแลนด์ คือตัวแทนของนักเตะที่มาจากทีมเน้นเกมรุก ส่วนตัวของ ฟรานซ์ เบคเคนเบาเออร์ คือตัวแทนจากทีมที่เน้นแทคติกที่เน้นชัวร์ แต่ก็มีประสิทธิภาพ และทั้งคู่ต่างก็เป็นกัปตันทีมให้กับทีมชาติของตัวเองอีกด้วยทั้งสองตำนานคู่นี้ ห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ และนอกจากนี้ทั้งคู่ยังเคยผ่านการคว้ารางวัลบัลลงดอร์มาได้มากกว่า 1 สมัยเหมือนกันอีกด้วยแต่ที่ตลกที่สุดคือสองตำนานคู่นี้ เดิมทีที่เคยห้ำหั่นกัน เป็นคู่แข่งกัน แต่กลับได้มาเป็นเพื่อนร่วมทีม นิวยอร์ค คอสมอส ด้วยกันในช่วงปลายอาชีพซะแบบนั้น

ยุค 80 : ดิเอโก้ มาราโดน่า และ มิเชล พลาตินี่

ยุค 80 : ดิเอโก้ มาราโดน่า และ มิเชล พลาตินี่

ยุค 80 คือยุคทองของ “เพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10” อย่างแท้จริง มันมีนักเตะระดับโลกมากมายถือกำเนิดขึ้น และในยุคนี้มันมีสุดยอดหมายเลข 10 อยู่ 2 คนที่ห้ำหั่นกันอย่างสนุกเพื่อแย่งตำแหน่งเบอร์ 1 ของโลกในสนาม ทั้งในระดับทีมชาติก็เคยสู้กัน ในสโมสรก็เช่นกัน โดยที่สังเวียนดวลแข้งของทั้งคู่นั่นก็คือ กัลโช่ เซเรียอา ด้วยพอดี รายหนึ่งคือ ดิเอโก้ มาราโดน่า พระเจ้าลูกหนังของทีมชาติอาร์เจนตินาที่ค้าแข้งกับนาโปลี มีดีกรีถึงแชมป์ฟุตบอลโลกที่ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ณ เวลานั้น ส่วนอีกรายคือ มิเชล พลาตินี่ จอมทัพสุดคูลจากทีมชาติฝรั่งเศสที่เล่นให้กับยูเวนตุส ซึ่งเขาได้แชมป์มาหมดทุกรายการกับยูเวนตุส และยังมีแชมป์ยูโร 1984 กับทีมชาติฝรั่งเศสอีกด้วยทั้งสองคนต่างก็เป็นนักเตะหมายเลข 10 ให้กับทีมชาติตัวเอง สโมสรตัวเอง เคยได้รางวัลดาวยิงสูงสุดของลีกเช่นกัน เรียกว่ามีฝีเท้าและความสามารถที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย

ยุค 90 : ซีเนอดีน ซีดาน

ยุค 90 : ซีเนอดีน ซีดาน

ว่ากันว่าในยุค 90 มีนักเตะรายหนึ่งที่สามารถคอนโทรลบอลได้อย่างเชื่องเช้า ทักษะสูง ครบเครื่องทั้งการทำเกมรุก จ่ายบอล ยิงประตู มีลูกเล่นที่แพรวพราว สวยงาม อีกทั้งยังสมบูรณ์แบบสุดๆกับการคว้าแชมป์มาหมดแล้วทุกรายการ รวมถึงรางวัลส่วนบุคคลอีกด้วย นั่นคือตัวของ ซีเนอดีน ซีดาน จอมทัพหัวไข่ดาวชาวฝรั่งเศสนั่นเอง เขาได้แชมป์มากมายกับยูเวนตุส และ เรอัล มาดริด รวมถึงได้แชมป์ทุกรายการกับทีมชาติฝรั่งเศส ขาดไม่ได้กับรางวัลบัลลงดอร์ 1998 ที่ทำให้เขาได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดนักเตะที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานั้น แถมเขายังยืนระยะได้นานหลายปีจนทำให้ได้รับการยกย่องมาจนถึงทุกวันนี้