ฟาบินโญ่ กองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลก?

ฟาบินโญ่ กองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลก

ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่ต้องเสียเวลาในการเซ็นสัญญากับ ฟาบินโญ่ กองกลางทีมชาติบราซิล มาจาก โมนาโก ในศึกลีก เอิง หลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับ เรอัล มาดริด 1-3 ในรอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2018 โดยข้อตกลงมูลค่า 39 ล้านปอนด์ ถูกประกาศทันทีหลังจาก “หงส์แดง” พลาดแชมป์ยุโรปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ใช้เวลาของเขาอย่างระมัดระวังในการทำให้ ฟาบินโญ่ ค่อยๆเข้ามาสู่ทีมของเขา โดยมิดฟิลด์ชาวแซมบ้า ต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่หลายเดือนกว่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกให้กับ “หงส์แดง”

มันเป็นวันที่ 27 ตุลาคมปี 2018 ที่ ฟาบินโญ่ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ในเกมที่ไล่ถล่ม คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 4-1 โดยที่ คล็อปป์ ได้พูดคุยเกี่ยวกับระยะเวลาการปรับตัวที่ยาวนานที่ อดีตแข้ง โมนาโก ต้องเผชิญ

คล็อปป์ ระบุว่า ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องเปลี่ยนระบบการเล่นเล็กน้อย โดยหันมาใช้ระบบ 4-2-3-1 ซึ่งเน้นกองกลางยืนคู่กันเพื่อให้ ฟาบินโญ่ ได้ปรับตัว โดยที่เราเห็น “หงส์แดง” ใช้ระบบเดียวกันช่วงที่ แชร์ดาน ชากิรี่ ปีกชาวสวิตเซอร์แลนด์ ย้ายมาใหม่ ก่อนที่พวกเขาจะกลับไปใช้ระบบที่ถนัดอย่าง 4-3- 3

การประเมินของ คล็อปป์ ทำให้ ฟาบินโญ่ ปรับตัวได้ และค่อยๆปรับเปลี่ยนแท็คติคให้เหมาะสม ยกตัวอย่างในเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปถล่ม เก็งค์ 4-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ดาวเตะแซมบ้า เล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับอยู่ข้างหลัง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ นาบี เกอิต้า

กุนซือชาวเยอรมัน กล่าวว่า “ฟาบินโญ่ มีหลายอย่างที่ต้องทำเพื่อจัดการกับช่องว่างเล็กๆ น้อยๆ ที่เราเปิดทิ้งไว้ในสถานการณ์ต่างๆ งานของหมายเลข 6 ในวงการฟุตบอลสมัยใหม่นั้น สำคัญอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งผู้เล่นรอบตัวคุณมีความก้าวร้าวมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีความสำคัญมากเท่านั้น เขาไม่เพียงแต่เป็นคนอุดช่องว่างของเรา หรือคนที่คอยทำหน้าที่ตัดบอลเท่านั้น แต่เขาเป็นนักฟุตบอลที่เก่งมากเช่นกัน”

นั่นคือ คำยืนยันที่ดีของ คล็อปป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟอร์มการเล่นอันสุดยอดของ ฟาบินโญ่ ในเกมลีกนัดล่าสุดที่ ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ พลิกกลับมาเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา

สเปอร์ส สร้างความอึดอัดให้กับ ลิเวอร์พูล ด้วยการขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วจาก แฮร์รี่ เคน กองหน้าทีมชาติอังกฤษ แต่กุญแจสำคัญสำหรับเกมนี้ คือบทบาทของ ฟาบินโญ่ ในตำแหน่งกองกลางที่ยืนอยู่ข้างหลัง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ จินี่ ไวจ์นัลดุม

เห็นได้ชัดว่าการเลือกกองกลางในเกมกับ สเปอร์ส ของ คล็อปป์ นั้น ดูจะมีความสมดุลมากกว่าที่จะใช้ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ นาบี เกอิต้า ยืนอยู่ข้างหน้า ฟาบินโญ่ ซึ่งทำให้คู่แข่งเห็นช่องว่างอย่างมาก อาทิ ในเกมกับ เก็งค์

ในขณะที่ ลิเวอร์พูล กดดันแนวรับของ สเปอร์ส ทั้งด้านกว้างและกลางสนาม ฟาบินโญ่ ก็สามารถพาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมบริเวณวงกลมกลางสนามเพื่อเปลี่ยนถ่ายจังหวะบอล และคอยอ่านเกมตัดบอลในจังหวะบุกของ “ไก่เดือยทอง” ซึ่งทำให้แทคติคของ คล็อปป์ ดูสมบูรณ์แบบอย่างมาก

ในเกมกับ สเปอร์ส มีเพียง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็คขาวดาวรุ่ง และ เดยัน ลอฟเรน กองหลังโครแอต ของ ลิเวอร์พูล เท่านั้นที่สัมผัสลูกบอลมากกว่า ฟาบินโญ่ และไม่มีผู้เล่นคนใดในสนามที่ตัดบอล และเข้าสกัดที่มากกว่า อดีตแข้งโมนาโก

นั่นคือ การครองเกมของ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง ฟาบินโญ่ สัมผัสบอลไป 111 ครั้ง ผ่านบอลไป 92 ครั้ง และ 32 ครั้ง เป็นการผ่านบอลในพื้นที่สุดท้าย นอกจากนี้ เขายังเป็นคนเปิดบอลให้กับ ซาดิโอ มาเน่ ปีกชาวเซเนกัล เรียกจุดโทษให้กับ “หงส์แดง” ก่อนที่ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ดาวเตะทีมชาติอิยิปต์ จะเป็นคนซัดเข้าไปเป็นประตูชัย

บทบาทของ ฟาบินโญ่ ในตำแหน่ง

หลังจบเกม ซาล่าห์ ได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ จากพรีเมียร์ลีก แต่ ฟาบินโญ่ ได้รับการโหวตจากแฟนบอล ลิเวอร์พูล ให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เช่นกัน ซึ่งหากมองจากฟอร์มการเล่นของเขาแล้วก็เหมาะสม

ฟาบินโญ่ เอ็นริเก้ ตาบาเรซ คือชื่อเต็มของเขา และหลังจากโชว์ฟอร์มระดับมาสเตอร์พีซในเกมกับ สเปอร์ส นั้น คล็อปป์ มอบฉายาให้กับเขาว่า “เครื่องดูดฝุ่น” ขณะเดียวกัน เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ กองหลังชาวดัตช์ เพื่อนร่วมทีม ลิเวอร์พูล เรียก ฟาบินโญ่ ว่า “Inspector Gadget” เพราะเขาคอยเกะกะคู่แข่งไปทั่วสนาม

เปปิน ลินเดอร์ส โค้ชชาวฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยของ คล็อปป์ กล่าวถึง ฟาบินโญ่ ว่า “เขาเป็นหมือนแนวรับของเรา ภายในความโกลาหลเขาสามารถจัดการให้มันเป็นระเบียบได้ นั่นคือสิ่งที่เราต้องการ เราชอบเขามาก เขาควบคุมจังหวะเกม และจัดการกับสถานการณ์ที่วุ่นวายได้อย่างยอดเยี่ยม”

มิดฟิลด์ “เซเลเซา” เป็นเหมือนกำแพงเหล็กในตำแหน่งกองกลางของ ลิเวอร์พูล เขาปรากฏตัวอย่างมั่นใจโดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ที่วุ่นวาย เขาสามารถหาช่องไปรับลูกบอลได้เสมอ และก็มันเป็นตามที่ คล็อปป์ บอกว่าเขาเป็นนักเตะที่ดีมาก

ขณะเดียวกัน ฟาบินโญ่ มีความสามารถที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการครองบอล, คุมจังหวะ, ผ่านบอล และเมื่อ ลิเวอร์พูล ไม่มีลูกบอล เขาก็สามารถคอยยืนอ่านเกม และไล่ล่ากองกลางฝ่ายตรงข้าม รวมถึงตัดบอลได้อีกด้วย

หากคุณได้อยู่ในสนามอย่างใกล้ชิด คุณสามารถรับรู้ในพื้นที่ที่ ฟาบินโญ่ ครอบคุลมได้ และมันเป็นความท้าทายที่เขาชอบ โดยหากเรามองจากในทีวี มันน่าทึ่ง เมื่อลูกบอลถูกเตะออกจากกรอบเขตโทษของฝ่ายตรงข้าม และนักเตะหมายเลข 3 ของ ลิเวอร์พูล ก็จะเข้ามาเก็บบอลได้อย่างง่ายดายเพื่อเล่นในจังหวะที่ 2

เห็นได้ชัดว่าดาวเตะวัย 26 ปี เป็นสมาชิกที่ได้รับความนิยมในห้องแต่งตัวของ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว และตอนนี้เขาสามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีมของเขาเป็นภาษาอังกฤษได้ และเขามักไม่ค่อยปรากฏตัวเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์

มีทุกสิ่งที่ชอบเกี่ยวกับ ฟาบินโญ่ แม้กระทั่งคุณเป็นกัปตันของเขา และผู้เล่นที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการเล่นของ ดาวเตะบราซิล โดย เฮนเดอร์สัน ผู้เคยอธิบายว่าเขาสมบูรณ์แบบสำหรับตำแหน่งกองกลางตัวรับ

ขณะเดียวกัน แกร์รี่ เนวิลล์ อดีตกองหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมีอคติที่ชัดเจนกับ “หงส์แดง” นั้น ก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อฟอร์มการเล่นอันสุดยอดของ ฟาบินโญ่ ได้เช่นกัน พร้อมยกย่องว่าอดีตกองกลาง โมนาโก ก้าวขึ้นมาเป็นกองกลางตัวรับอันดับท็อปของโลกไปแล้ว

เนวิลล์ เชื่อว่า ฟาบินโญ่ กำลังอยู่ในช่วงการโต้เถียงที่จะได้รับการพิจารณาว่าเขาดีที่สุดในโลก และเป็นที่น่าประหลาดใจว่า เขาไม่ได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลงก์ดอร์ 30 คนสุดท้าย พร้อมกับเพื่อนร่วมทีม ลิเวอร์พูล อีก 7 คน

มันอาจเป็นการเน้นย้ำความลำบากของกองกลางตัวรับที่กำลังพาตัวเองไปสู่ระดับโลก ซึ่ง ฟาบินโญ่ สมควรได้รับการพิจารณาอย่างยิ่งกับคำยกย่องดังกล่าว แม้ในทีมชาติบราซิล เขาต้องตกเป็นตัวสำรองของ คาเซมิโร่ ห้องเครื่อง เรอัล มาดริด แต่ในทีม ลิเวอร์พูล ของ คล็อปป์ นั้น เขากลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดไปเรียบร้อยแล้ว

ฟาบินโญ่ สมควรได้รับการพิจารณาอย่างยิ่ง