กลับมาได้อีกครั้ง พี่น้อยคืนชีพเทพ

พี่น้อย ค่อยๆเปล่งรัศมี

จากการทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องของทัพ “ปีศาจแดง” ภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่สามารถพาทีมเก็บชัยชนะในลีกได้ 4 นัดรวด รวม 12 คะแนนเต็ม แถมยังซัดประตูคู่แข่งอย่างดุเดือดถึง 14 ลูก ส่งผลให้เวลานี้พวกเขากลับมามีลุ้นติดท็อปโฟร์ของตารางอีกครั้ง หนึ่งในนักเตะที่ต้องบอกว่าฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่อีกครั้งหลังจากก่อนหน้านี้ร่ำ ๆ ว่าอาจตัดสินใจย้ายทีมออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็คือ อันเดร เอร์เรร่า หรือที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่า “พี่น้อย”

ตอนยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล หรือแม้แต่ โซเซ่ มูรินโญ่ ก็ตาม หน้าที่หลัก ๆ ของดาวเตะเลือดสเปนรายนี้คือการตามประกบและตามมาร์คจับตายบรรดาตัวทีเด็ดของฝ่ายตรงข้ามตามสไตล์วิ่งสู้ฟัดของพี่แกจนแทบมองไม่ออกเลยว่าจริง ๆ แล้วจุดเด่นของเขามันคืออะไรกันแน่ เพราะเจ้านายใหญ่มัวแต่ใช้งานในรูปแบบนี้มาโดยตลอด นั่นจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสลงสนามมากนัก ทำนองว่าจะเป็นตัวรุกก็ไม่ใช่ จะเล่นเกมรับก็ไม่เชิง มันเลยเก้ ๆ กัง ๆ ไปหมดไม่รู้จะเอาดีทางไหน อดีตกุนซือใหญ่ทั้งสองรายเลยขอใช้ตัวรุกและตัวรับในแดนกลางแบบธรรมชาติดีกว่า

พี่น้อย ค่อยๆเปล่งรัศมี

ทว่าการเข้ามาของ โซลชา ด้วยความที่เขาเป็นกุนซือผู้นิยมการเล่นเกมรุกเป็นชีวิตจิตใจส่งผลให้มิดฟิลด์แดนกลางทั้งสามตัวไม่ว่าจะเป็น เนมันย่า มาติช, ปอล ป็อกบา และ เอร์เรร่า มีอิสระในการทำเกมมากขึ้น และนั่นเองที่เจ้าของฉายา “พี่น้อย” ค่อย ๆ เปล่งรัศมีออกมาจนหลายคนสะดุดตาพร้อมชื่นชมอย่างจงหนัก ด้วยสไตล์การเล่นวิ่งไม่มีหมดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วบวกกับการจ่ายบอลที่แม่นยำ ทำให้เขาสามารถเล่นได้ทั้งเกมรุกและเกมรับตามแผนของกุนซือรายนี้อย่างไม่ผิดหวัง หากจะว่ากันตามตรงมันก็คือนักเตะประเภท Box to Box ตามศัพท์ฝรั่ง หรือถ้าแปลเป็นไทยก็ทำนอง วิ่งเข้าไปเหอะพ่อ

เมื่อ มาติช คือตัวโฮลด์บอลในแดนกลาง ป็อกบา บวกกับ 3 กองหน้าคือตัวขับเคลื่อนเกมรุก เอร์เรร่า จึงเป็นเหมือนตัวเชื่อมที่พร้อมวิ่งพล่านไปทั่วสนามจนนักเตะฝ่ายตรงข้ามสับสนไปหมด นี่เองคือสิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนสำคัญเวลานี้ไม่ต่างกับ ปอล ป็อกบา ด้วยซ้ำ ตลอด 4 เกมที่เขาลงสนามจากมันสมองของ โซลชา เขาแสดงให้เห็นว่านี่แหละผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง

กลับมาได้อีกครั้ง พี่น้อยคืนชีพเทพ