ปุสกัส ตำนานแห่งดาวยิง “ปุสกัส อวอร์ด”

ปุสกัส ตำนานแห่งดาวยิง “ปุสกัส อวอร์ด”

เราได้เห็นการประกาศรางวัล “ปุสกัส อวอร์ด” ในทุกๆปีมาแล้วตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งรางวัลดังกล่าวนี้ จะถูกมอบให้กับนักเตะที่ยิงประตูได้สวยที่สุด เรียกเสียงฮือฮาและได้ผลโหวตเป็นเอกฉันท์ที่สุดในปีนั้นๆ โดยรางวัลดังกล่าวมันเป็นรางวัลที่ได้นำเอาชื่อของตำนานกองหน้าหมายเลข 10 ทีมชาติฮังการี่ยุคเกรียงไกรนามว่า “เฟเรนซ์ ปุสกัส” มาตั้งโดยเฉพาะ !เขาเป็นสุดยอดตำนานดาวยิงที่เก่งที่สุดเท่าที่ประเทศฮังการี่เคยมีมา แต่ชะชาชีวิตในบางช่วงของเขานั้นก็น่าสงสารเช่นกัน และนี่คือเรื่องราวที่น่าสนใจของปุสกัสโดยเฉพาะ

ตำนานของชาติที่โดนการเมืองกลั่นแกล้ง

ปุสกัสคือตำนานนักเตะที่ซึ่งเก่งที่สุด เป็นฮีโร่ของฮังการี่ เขาช่วยให้ฮังการี่ได้เหรีญทองโอลิมปิก 1952 ที่ฟินแลนด์เป็นเจ้าภาพ และยังได้รองแชมป์ฟุตบอลโลก 1954 ยิงประตูได้ 84 ลูกจาก 85 นัดในทีมชาติ เป็นฮีโร่ของชาติอย่างแท้จริง แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว ฮังการี่ โดนสหภาพโซเวียตเข้าแทรกแทรงการเมือง ทำให้เกิดการประท้วงจากประชาชนที่ไม่ต้องการให้ชาติอื่นเข้ามาแทรกแทรก สงครามการเมือง และตัวของปุสกัสคือคนที่เลือกจะยืนอยู่ฝั่งประชาชนและต่อต้านนาซีมาโดยตลอด แน่นอนว่าเขาโดนหมายหัวจากโซเวียตทันที มันเลยทำให้เขาต้องลี้ภัยทางการเมืองไปยังสเปนแทน แต่การย้ายไปเล่นยังสเปน เขาก็ได้สร้างตำนานให้กับ เรอัล มาดริด อยู่ดี

บิลลี่ ไรท์ ก็แค่เด็กอมมือในสายตาปุสกัส

บิลลี่ ไรท์ ก็แค่เด็กอมมือในสายตาปุสกัส

ฟุตบอลอังกฤษไม่ว่าจะยุคสมัยไหน สื่อก็มักจะอวยนักเตะของตัวเองให้เป็นนักเตะที่เก่งกาจแบบนั้นแบบนี้ เป็นซูเปอร์สตาร์ระดับนั้นระดับนี้ ทำตัวเหนือชาติอื่นๆ แต่พวกเขาไม่เคยไปไกลเลยในบอลระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ยกเว้นแชมป์โลก 1966 ซึ่งมันก็เกิดขึ้นหลังจากยุคของกองหลังนามว่า “บิลลี่ ไรท์” นานหลายปีเลยทีเดียวไรท์ เป็นกองหลังกัปตันทีมชาติอังกฤษในช่วงยุค 50 เขาได้รับการยกย่องสุดๆเลยว่าเป็นกองหลังชั้นครู เก่งกาจระดับโลก และในวันอังกฤษอุ่นเครื่องที่สนามเวมบลีย์กับทีมชาติฮังการี่ เขาได้มองลักษณะรูปร่าง เสื้อผ้าหน้าผมยันรองเท้าของนักเตะฮังการี่ เขาถึงกับคุยกับเพื่อนร่วมทีมว่า “วันนี้ขนม” แต่ผลคือ ฮังการี่ ภายใต้การนำของ ปุสกัส ผนวกด้วยโคตรนักเตะอย่าง โซลตัน ซิบอร์ , นานดอร์ ไฮเดคกูตี , ซานโดร ค็อกซิส ก็รวมพลังกันยิงอังกฤษไส้วิ่น 6-3 เลยทีเดียว และตัวของปุสกัสก็โชว์การคลึงบอลหลบ ไรท์ จนสไลด์จั่วลมเต็มๆ ก่อนจะซัดเปรี้ยงด้วยซ้ายแสกหน้า กิล เมอร์ริค นายทวารของทีมชาติอังกฤษเข้าไปแบบสุดสวย

ฆาตกรรมใส่แฟรงค์เฟิร์ตเละเทะ 4 เม็ด !

ในการแข่งขันยูโรเปี้ยนคัพ (แชมเปี้ยนส์ลีกในปัจจุบัน) 1958-59 มันคือการจัดการแข่งขันถ้วยยุโรปครั้งที่ 2 และเรอัล มาดริด ที่มีปุสกัส กับตัวของ ดิ สเตฟาโน่ เป็นแกนหลักของทีมก็ได้ทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ที่จัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว ประเทศสก็อตแลนด์ และคู่ต่อสู้ของมาดริดก็คือ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ตตัวแทนจากบุนเดสลีกาที่เข้ามาชิงชัยด้วยในเกมนี้เรอัล มาดริด ได้ฆาตกรรมไอน์ทรัค เละเทะ ไม่มีกองหลังของไอน์ทรัคคนไหนประกบคู่หูนรกแตก ปุสกัส-ดิ สเตฟาโน่ ได้อยู่หมัด โดยทั้งคู่สลับตำแหน่กงันเล่นได้อย่างเข้าขาและรู้ใจจนอีกฝ่ายมึนและสุดท้ายนั้น ดิ สเตฟาโน่ ก็กดแฮททริกในเกมนี้ได้ ส่วนทาง ปุสกัส ก็ไม่น้อยหน้าด้วยการยิงคนเดียว 4 ประตูเลยด้วยซ้ำ !

เมื่อโดนเด็กอังกฤษดูถูก เลยจัดของหนักๆใส่

เมื่อโดนเด็กอังกฤษดูถูก เลยจัดของหนักๆใส่

ในวันที่มีการเปิดคลินิกฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษ ปุสกัส คือ 1 ในนักเตะระดับท็อปที่ได้เข้าร่วมอีเวนต์นี้ร่วมกับ จอร์จ เบสต์ ตำนานปีกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เด็กๆที่มาเข้าร่วมงานกลับรู้สึกดูถูก ปุสกัส ว่ารูปร่างอ้วนๆแบบนี้เตะบอลเป็นด้วยเหรอ เพราะในช่วงเวลานั้นเด็กๆชาวอังกฤษรู้สึกยังไม่คุ้นกับฝีเท้าของปุและตัวของ เบสต์ ก็ได้บอกกับเด็กๆว่า ลองดูเขาโชว์สกิลก่อน แล้วทุกคนจะรู้ดีว่านักเตะคนนี้เจ๋งแค่ไหน และจากนั้น ปุสกัส ก็โชว์ความแม่นด้วยการยิงบอลด้วยซ้ายชนคานติดต่อกัน 9 ครั้งแบบแม่นยำ ก่อนที่ลูกที่ 10 เขาจะกระดกบอลขึ้นมาพักด้วยหน้าผาก ก่อนจะปล่อยบอลไหลลงไปตามแผ่นหลัง และใช้ส้นเท้าดีดบอลข้ามหัวกลับมาอีกครั้ง และยิงวอลเล่แบบไม่ต้องจับ ส่งบอลโดนคานเป็นครั้งที่ 10 !และจากนั้นเบสต์ก็ได้พูดว่า “ทุกท่าน ผมขอแนะนำให้รู้จักกับ เฟเรนซ์ ปุสกัส สุดยอดนักเตะจากฮังการี่ที่กำลังจะย้ายไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ครับ !”