แฮททริกประวัติศาสตร์ เปลี่ยนชีวิตของ “โปรเบล” ในพริบตา

แฮททริกประวัติศาสตร์ เปลี่ยนชีวิตของ “โปรเบล” ในพริบตา

เรื่องราวของนักเตะรายหนึ่งที่เปลี่ยนตำแหน่งตัวเองแล้วสามารถอีโวกลายเป็นร่างเทพได้นั้น มันมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งในเวทีลูกหนัง เรียกได้ว่ามัน เปลี่ยนแปลงชาชีวิตครั้งใหญ่เลยทีเดียวหลายคนอาจจะจำกันได้กับครั้งที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เปลี่ยนจากการเล่นเป็นปีกขวาที่เลี้ยงบอลไม่ค่อยผ่านคู่ต่อสู้ มาเป็นกองกลางจอมทัพตัวต่ำที่คอยบัญชาการเกมจากกลางสนาม คอยผ่านบอลสั้นยาวทะลุทะลวงให้เพื่อน ด้วยตำแหน่ง “โฮลดิ้งมิดฟิลด์” มันทำให้ “ชไวนี่” ขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพค้าแข้งได้สำเร็จหรือจะเป็น อาร์เยน ร็อบเบน ที่เดิมทีเล่นเป็นปีกซ้ายคอยโยนบอลให้กองหน้า อาศัยความเร็วเลี้ยงบอลเป็นเส้นตรงทางซ้าย เมื่อเปลี่ยนมาเป็นปีกขวาที่ต้องใช้ซ้ายในการเลี้ยงบอลตัดเข้าใน มันเลยทำให้ ร็อบเบน กลายร่างสู่ร่างเทพในพริบตา !แต่ว่าในช่วงค่ำคืนหนึ่ง นักเตะที่เพิ่งจะโดนโค้ชอย่าง “แฮร์รี่ เรดแนปป์” เดิมพันครั้งใหญ่เพื่อให้เขาเปลี่ยนจากการเป็น แบ็กซ้าย มาเป็นปีกซ้ายเต็มตัวอย่าง แกเร็ธ เบล ในปี 2010 มันคือการประกาศตัวเองสู่เวทีระดับโลกอย่างแท้จริง !

ทำไมแฮตทริกมหัศจรรย์ในเกมกับ อินเตอร์ มิลาน มันถึงมีอิมแพคต่อชีวิตเบลมาจนถึงตอนนี้?

ทำไมแฮตทริกมหัศจรรย์ในเกมกับ อินเตอร์ มิลาน มันถึงมีอิมแพคต่อชีวิตเบลมาจนถึงตอนนี้?

ท็อตแนม ได้ลงสนามในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งประวัติศาสตร์ของพวกเขาที่สนาม ซาน ซิโร่ โดยพวกเขาจะได้พบกับ อินเตอร์ มิลาน ที่ได้ชื่อว่าเป็นแชมป์เก่าของรายการนี้ด้วย และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ สเปอร์ส จะได้สู้กับ อินเตอร์ ในบอลถ้วยรายการนี้นับตั้งแต่ที่พวกเขามีนักเตะนามว่า เบล อยู่ในทีมเรื่องราวของ เบล ที่เปลี่ยนตำแหน่งทีเดียวเหมือนเทพประทับ มันก็เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของวงการฟุตบอลเลยทีเดียว แม้แต่แฟนบอลตัวยงของ สเปอร์ส ก็คาดไม่ถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ก็คือ นักเตะชาวเวลส์รายนี้ถือว่าเคย “ล้มเหลว” ในการช่วยทีมคว้าชัยชนะถึง 24 เกมแรกของเขาที่ลงเล่นให้กับ ท็อตแน่ม ด้วยซ้ำ

นักเตะอาถรรพ์ ลงเล่นนัดไหนคือแพ้

นักเตะอาถรรพ์ ลงเล่นนัดไหนคือแพ้

แฟนบอลสเปอร์ส เริ่มมองว่าอดีตแบ็กซ้ายรายนี้ในสมัยที่ยังไม่เปลี่ยนตำแหน่ง คือนักเตะต้องสาปของทีม ลงเล่นนัดไหน สเปอร์ส แพ้นัดนั้น โดยนักข่าวของ เดอะ ซัน “แพ็ต ชีฮาน” เคยประกาศหลังจากที่ สเปอร์ส แพ้ให้กับ เอฟเวอร์ตัน 1-0 ในเดือนพฤศจิกายน 2008 เอาไว้ว่ามองดูผลสกอร์เหรอ ผมว่าไม่ต้องดูก็รู้ว่าเกมนี้ เบล ลงเล่นรึเปล่า ถ้าสเปอร์สแพ้ก็คือเบลลงเล่น ถ้าเขาไม่ได้ลงเล่นก็คือสเปอร์สชนะ” และในเดือนตุลาคม 2009 เดลี่เมล์ ก็ได้ลงข่าวว่านักเตะเท้าซ้ายชาวเวลส์ มีข่าวว่าจะย้ายไปยังเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ด้วยเงินค่าตัว 3 ล้านปอนด์ แต่ว่าหนึ่งปีต่อมา ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเบลก็มาถึงจนได้ ในต่ำคืนที่โคตรมหัศจรรย์สำหรับตัวเขาเอง และถึงแม้ว่า สเปอร์ส จะจบการแข่งขันด้วยการพ่ายแพ้ แต่วันนั้นคือวันที่ เบล โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในสีเสื้อ สเปอร์สสเปอร์ส เป็นฝ่ายตามหลังอินเตอร์ 4-0 ในครึ่งแรกของการแข่งขันถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก ยิ่งหลังจากที่ เอเรลโญ่ โกเมส นายทวารชาวบราซิลโดนใบแดงจากการไปทำฟาวล์ใส่ โจนาธาน เบียเบียนี่ มันเลยทำให้สเปอร์สเสียเปรียบสุดๆแต่ว่าในอีก 45 นาทีต่อมา มันได้กลายเป็น “โชว์ไทม์” ของเบลโดยเฉพาะ3 ประตูรวดที่ตัวของ เบล ยิงได้ในเกมครึ่งหลัง มันทำให้แฟนบอลฮือฮาสุดๆ เพราะเขาทำการเล่นงานนักเตะดีกรีทีมชาติบราซิลที่มีประสบการณ์มากมายอย่าง ไมคอน ซะเสียฟอร์ม และทำให้ตัวของ ฮูลิโอ เซซาร์ นายทวารทีมชาติบราซิลต้องเจอกับฝันร้ายที่สังเวยถึง 3 ประตูรัวๆให้กับ เบล’คำสาป’ ที่ว่า เบล ลงเล่นให้สเปอร์สเมื่อไหร่ ทีมจะแพ้ อาจจะยังอยู่ในเกมดังกล่าว แต่ในเกมนั้น แฟนบอล หันมาสรรเสริญจอมสปีดซ้ายฟ้าสั่งรายนี้กันครึ่งค่อนโลกเลยทีเดียว เบล ระเบิดแฮททริกในถ้วยยุโรปได้ มันคือเรื่องแปลกในเวลานั้นนับตั้งแต่นั้นมา อาชีพค้าแข้งของเขาในทีม สเปอร์ส ก็ดูจะพัฒนาไปได้อย่างสวยงามมากมายและทวีคูณความเด่นดังมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA สองสมัยติด จากในช่วงเวลาสามปีที่มีชื่อเข้าชิง และมันอยู่ในไทม์ไลน์เดียวกันกับตอนที่เขาปรับตัวมาเล่นเป็นปีกและกองหน้าตัวต่ำอีกด้วยหลังจากนั้น 3 ปี เขาก็ถูกขายให้กับ เรอัล มาดริด ในราคา 86 ล้านปอนด์ในปี 2013 ซึ่งเป็นสถิติโลกในช่วงนั้น และจากนั้นเขาก็คือแข้งชาวเวลส์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในเรอัล มาดริด เลยก็ว่าได้