“เสือเหลือง” โบรุสเซีย สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน รู้อย่างจริงจังว่า พวกเขาเพิ่งพลาดโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่จะแย่งชิงตำแหน่งลีกมาจาก “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค คู่อริตลอดกาล แต่ที่บางคนอาจเห็นความล้มเหลวนั้น พวกเขามุ่งมั่นที่จะรักษาความต่อเนื่องเพื่อจะทำให้ตัวเองกลับมาดีกว่าเดิมในซีซั่นหน้า
การจ่ายเงินแบบสายฟ้าแลบ จำนวน 75 ล้านยูโร ของ ดอร์ทมุนด์ จากการเซ็นสัญญาผู้เล่นใหม่ 3 คน ใน 2 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น ได้รับการกำหนดเวลาเพื่อให้แฟนๆ “เสือเหลือง” มองโลกในแง่ดีว่าทีมรักเร่งเสริมความแข็งแกร่งตั้งแต่เนิ่นๆในช่วงฤดูร้อนนี้
การเซ็นสัญญานักเตะ 3 คน แสดงถึงเหตุผลที่แตกต่างกันสองประเภท เริ่มจาก นิโค่ ชูลซ์ แบ็กซ้ายทีมชาติเยอรมันของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ คู่แข่งร่วมลีก ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร ซึ่งคาดว่าดาวเตะวัย 26 ปี จะเข้ามาแทนตำแหน่งของ มาร์เซล ชเมลเซอร์ กัปตันทีมที่กำลังอยู่ในช่วงท้ายอาชีพค้าแข้งของเขา
รายที่ 2 ธอร์กอง อาซาร์ กองกลางชาวเบลเยียมของ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ซึ่งเป็นน้องชายของ เอเดน อาซาร์ ปีก เชลซี มาร่วมทีมด้วยสัญญายาว 5 ปี ด้วยค่าตัว 25.5 ล้านยูโร ซึ่งจะเข้ามาเป็นตัวแทนของ คริสเตียน พูลิซิส ตัวรุกทีมชาติสหรัฐอเมริกา ที่ย้ายไปเล่นกับ “สิงโตน้ำเงินคราม”
สุดท้าย จูเลี่ยน บรันด์ท มิดฟิลด์อนาคตไกลจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร และเซ็นสัญญายาว 5 ปี โดยดาวเตะวัย 23 ปี มีโอกาสจะเข้ามาเป็นตัวจริงในทีม ดอร์ทมุนด์ โดยทันที ทำให้เขามีโอกาสเล่นในแนวรุกร่วมกับ มาร์โก รอยส์ ดาวเตะทีมชาติเยอรมัน
ขณะเดียวกัน มาริโอ เกิตเซ ปีกชาวเยอรมัน อาจตัดสินใจไม่ต่อสัญญาค้าแข้งในถิ่น ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ออกไป แต่ บรันด์ท มีความหลากหลายเพียงพอที่จะเล่นในตำแหน่งริมเส้นทั้ง 2 ฝั่งด้วยเช่นกัน ปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดของทั้งหมดคือ ความหลากหลายของอดีตเด็กปั้น เลเวอร์คูเซ่น
หากเราจะนับไปอีก 1-2 ซีซั่น เชื่อเหลือเกินว่า ดอร์ทมุนด์ จะกลายเป็นทีมที่ดีชึ้น และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อรวมกับความก้าวหน้าในเกมทีมชาติที่นักเตะแต่ละคนออกไปเล่น เราจะเห็นคุณค่าของพวกเขาเป็นสองเท่า และอาจเพิ่มเป็นสามเท่าในช่วงเวลาที่เหมาะสม
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับสโมสรแจ้งกับ “อีเอสพีเอน” สื่อกีฬาชั้นนำเมืองผู้ดีว่า ดอร์ทมุนด์ ยังไม่เสร็จสิ้นกับภารกิจโละนักเตะส่วนเกินออกไป อาทิ ชินจิ คากาวะ จอมทัพชาวญี่ปุ่น, อังเดร์ ชูร์เร ปีกเยอรมัน, เฟลิกซ์ พาสส์ลัค แบ็คขวาดาวรุ่ง,เจเรมี โทลยาน กองหลัง และ เซบาสเตียน โรเด กองกลางตัวรับ
ขณะเดียวกัน อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าดาวรุ่งชาวสวีเดน ซึ่ง ดอร์ทมุนด์ ปล่อยให้ วิลเล่ม ทเว ทีมในเอเรดิวิซี เนเธอร์แลนด์ ยืมตัวไปใช้งานเป็นเวลา 1 ฤดูกาล จะกลับคืนสู่ทีมอีกครั้ง โดยคาดว่า “เสือเหลือง” จะมองหานักเตะมาเสริมทัพเพิ่มอีกอย่างน้อย 1-2 ราย
การป้องกันซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ ดอร์ทมุนด์ ในปีที่ผ่านมา อาจต้องมีการเสริมกำลังด้วยเช่นกัน ลูคัสซ์ พิสซ์เซ็ค แบ็คชวาชาวโปแลนด์ อายุมากถึง 34 ปีแล้ว ร่างกายของเขาเริ่มโรยลา และฟอร์มการเล่นของเขาก็ไม่สามารถไว้ใจได้อีกต่อไป จึงต้องได้รับความช่วยเหลือในการสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้เล่นมาทดแทน
มีรายงานข่าวระบุว่า ดอร์ทมุนด์ ได้ยืมตัว มาเตอ โมเรย์ แบ็คขวาดาวรุ่ง วัย 19 ปี จาก บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปน ไปเสริมทัพเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ อัชราฟ ฮาคิมี่ ฟูลแบ็กตัวเก่ง ที่ยืมมาจาก เรอัล มาดริด เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา กำลังจะกลับไปเล่นให้กับ “ราชันชุดขาว” ในเร็วๆนี้
นโยบายที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาลภายใต้ มิชาเอล ซอร์ค ผู้อำนวยการด้านกีฬา ของ ดอร์ทมุนด์ ในการซื้อดาวรุ่ง “ศักยภาพสูง” เพื่อสนับสนุนกลุ่มนักเตะรุ่นเก่าในทีม เพื่อเพิ่มประสบการณ์ และทัศนคติที่ดีในการเล่น
นอกจากนี้ สไตล์การจัดการที่เป็นมืออาชีพค่อนข้างมากของ ลูเซียง ฟาฟร์ ยอดกุนซือชาวสวิตเซอร์แลนด์ อาจทำให้ ดอร์ทมุนด์ จำเป็นต้องหาทางป้องกันบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปที่กำลังหาผู้จัดการทีมคนใหม่
ส่วน ปาโก้ อัลกาเซร์ หัวหอกทีมชาติสเปน ซึ่งคว้าตัวมาจาก บาร์เซโลน่า นั้น กำลังดูสับสนกับบทบาทของตัวเองภายใต้การคุมทีมของ ฟาฟร์ แม้เขาจะซัดไปถึง 19 ประตูในซีซั่นที่ผ่านมา แต่ปัญหาเรื่องสภาพความฟิต และความมั่นใจยังตกเป็นเครื่องหมายคำถาม
ดาวยิงวัย 25 ปี ทำให้ ฟาฟร์ และแฟนบอล ดอร์ทมุนด์ ค่อนข้างไม่แน่ใจในความสามารถของตัวเขาเอง ที่จะนำการผลักดันตำแหน่งที่ประสบความสำเร็จ การประเมินอย่างเป็นธรรมของ อดีตกองหน้า บาร์ซ่า นั้นค่อนข้างซับซ้อนยิ่งขึ้นกับบทบาทท False9 หรือศูนย์หน้าตัวหลอก ที่เขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่
การซื้อกองหน้าที่มีความสามารถสูง และทรงพลังมากขึ้นจะช่วยให้ ดอร์ทมุนด์ หาทางป้องกันที่ลึกกว่า แต่เห็นได้ชัดว่าจะไม่ทำอะไรเลยสำหรับโอกาสของทีมถ้าผู้จัดการทีมชาวสวิสฯ ไม่เต็มใจที่จะปรับเปลี่ยนทีมมากนักในช่วงซัมเมอร์นี้
ไม่ว่า ดอร์ทมุนด์ จะไปซื้อนักเตะตำแหน่งกองหน้ามาอีกหรือไม่นั้น จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงประโยชน์ของความปลอดภัยในการทำงานระยะยาว และการที่ ฟาฟร์ อายุ 61 ปี แน่นอนว่า “เสือเหลือง” ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงการบริหารหลังจากขยายสัญญาของเขาออกไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
แต่ ดอร์ทมุนด์ ต้องการเห็นวิญญาณที่ไม่มีวันตายที่เปล่งออกมาจากม้านั่งอีกเล็กน้อย ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ ฟาฟร์ ในปี 2019-2020 นั้น จึงไม่ได้รวมอยู่ในการผสมผสานผู้เล่นหน้าใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี แต่กลับได้รับความสนใจอย่างแน่นหนาจากการยึดปรัชญาฟุตบอลของตัวเอง
เมื่อได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขันชิงแชมป์ในฤดูกาลหน้าด้วยวิธีการ และเหตุผลทีมที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ในขณะนี้ “เสือเหลือง” ต้องการความอดทนทางจิตใจ และความดื้อรั้นที่จะทำให้มันเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในการเขย่าบัลลังก์แชมป์ของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค
