จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังวัยดึก กับเหตุผลที่แฟนบอลรักเขาหมดใจ

จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังวัยดึก กับเหตุผลที่แฟนบอลรักเขาหมดใจ

หากคุณเริ่มดูฟุตบอล กัลโช่ เซเรียอา มาตั้งแต่เมื่อสักประมาณ 10 ปีที่แล้ว ฤดูกาลที่เพิ่งจบไปนั้น มันก็คงจะเป็นครั้งแรกที่คุณได้เห็นทีมอื่นเป็นฝ่ายก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์เซเรียอา โดยที่ไม่ใช่ยูเวนตุสที่ครองแชมป์รายการนี้มานานถึง 9 สมัยซ้อนอันโตนิโอ คอนเต้ คือตำนานผู้จัดการทีมผู้ที่พายูเว่คว้าแชมป์เซเรียอาได้สำเร็จในฤดูกาล 2011-12 และจากนั้นยูเว่ก็ฟาดแชมป์ลีกได้เรียบอีก 8 สมัยซ้อนเลยทีเดียว ทำลายสถิติต่างๆได้มากมาย แต่แล้วในปี 2021 มันก็กลายเป็นตัวของ คอนเต้ นี่แหละที่หักอกยูเว่ ทีมเก่าของเขา ด้วยการพาทีมอินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรียอา ได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทำลายบัลลังก์ราชันย์แห่งลีกอิตาลีของยูเว่ลงได้แบบราบคาบ และยังหยุดพวกเขาจากการลุ้นคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ติดต่อกันเป็นสมัยที 10 ได้สำเร็จอะไรคือเคล็ดลับสู่ความสำเร็จของยูเว่ ในช่วงเวลา 9 ฤดูกาลที่ได้แชมป์ลีกมาครองมากกว่าใครกันนะ ?

ความสามารถในการเล่นเกมรุกของยูเวนตุสตลอด 9 ปี

ความสามารถในการเล่นเกมรุกของยูเวนตุสตลอด 9 ปี

ที่พวกเขาได้แชมป์เซเรียอา อาจจะยอดเยี่ยมก็จริง แต่ว่าการที่นักเตะเกมรุกของยูเวนตุสจะทำผลงานได้ดีแบบไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเกมรับนั้น มันก็ต้องหวังพึ่งรากฐานที่มั่นคงของการเล่นเกมรับจากสามประสานเกมรับ ‘BBC’ ที่มีชื่อเสียงของทีมยูเวนตุส ซึ่งนั่นก็คือ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ , จอร์โจ้ คิเอลลินี่ และอันเดรีย บาร์ซาญี่ รวมถึงมีสุดยอดนายประตูอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน ปักหลักอยู่ข้างหลังพวกเขาด้วย แค่นี้ก็ทำให้กองหน้าฝ่ายตรงข้ามคาแทบสั่นแล้ว เวลาเผชิญหน้ากับเหล่าผู้เล่นเกมรับของยูเว่กลุ่มนี้ทว่านั้น มันก็มีแค่ คิเอลลินี่ เพียงคนเดียวที่ยังคงอยู่กับยูเว่มาตลอดทั้งเก้าปีที่พวกเขาได้แชมป์ลีกติดต่อกัน โดยตัวของ บุฟฟ่อน เคยย้ายไปอยู่กับ PSG เป็นเวลาหนึ่งปี , โบนุชชี่ ก็ย้ายไปเป็นกัปตันทีมเอซีมิลานอยู่หนึ่งปีเช่นกัน และจากนั้นทั้งสองรายก็กลับมาตายรังส่วน บาซาญี่ ได้เกษียณตัวเองจากวงการค้าแข้งในปี 2019ผู้เล่นนับไม่ถ้วนที่หมุนเวียนเข้ามาในทีม และมีผู้จัดการทีมถึงสามคนจากในช่วงเวลา 9 ปีที่ยูเวนตุสได้แชมป์ลีกมาครองติดต่อกัน 9 สมัย แต่คนที่ยังอยู่กับทีม

เช่นเดิมก็คือ คิเอลลินี่

เช่นเดิมก็คือ คิเอลลินี่

ซึ่งตอนนี้อายุ 37 ปีแล้ว เป็นเพียงคนเดียวที่คงอยู่กับทีมมาโดยตลอดและไม่เคยแสดงอาการว่อกแวกในการจะย้ายทีมเลยย้อนกลับไปในปี 2005 นั่นคือปีที่ คิเอลลินี่ ย้ายมาเข้าร่วมทีมยูเวนตุสเป็นครั้งแรก และตั้งแต่นั้นมา เขาก็ทำสถิติลงสนามให้กับทีมเกือบ 550 นัดในสีเสื้อ เบียงโคเนรี่ มันอาจเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเช่นกัน หากทุกคนได้รู้ว่ากัปตันทีมรายนี้ ยังทำประตูได้ถึง 36 ประตูและทำแอสซิสต์อีก 24 ครั้งจากตลอดช่วงเวลา 16 ปีที่อยู่กับทีม แต่นั่นก็ไม่ใช่สไตล์ที่ทำให้ทุกคนรู้จักเขา เพราะจุดเด่นของเขามันอยู่ที่การ “สกัดบอล” มากกว่าคิเอลลินี่ เป็นคนที่สกัดบอล แย่งบอล เข้าปะทะเพื่อหยุดคู่แข่งได้ได้ชัวร์ที่สุด และยังประสานงานกับ บุฟฟ่อน ได้ดี ช่วยเซฟประตูร่วมกับบุฟฟ่อนได้นับครั้งไม่ถ้วน ทั้งในเกมลีก และบอลถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก เขาเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามหลุดเข้ามาล่อเป้า แถมเวลาที่ได้เติมเกมบุกไปลุ้นทำประตูตอนได้ลูกเตะมุมหรือฟรีคิก เขายังเป็นนักเตะโหม่งบอลได้ดี ยามเป็นฝ่ายตั้งรับ เขาเองก็มีพลังในการกระโดดที่ยอดเยี่ยม กล้าเบียดโหม่งแย่งกับนักเตะตัวใหญ่ๆฝั่งตรงข้ามได้ดีและมันกี่ครั้งแล้วที่เราเห็น คิเอลลินี่ หัวโชกไปด้วยเลือด? นี่คือนักเตะที่ใจเด็ด บวกเป็นบวก ชนเป็นชน ต่อให้เขาจะต้องเจ็บตัวบ่อยครั้งแค่ไหน เลือดตกยางออกกี่ครั้ง เขาก็จะเข้าชนและทำทุกอย่างจนกว่าจะหยุดฝ่ายตรงข้ามได้ การทำทุกอย่างเพื่อขอให้กองหน้าฝั่งตรงข้ามเท้าบอด และเปิดโอกาสให้นักเตะเกมรุกฝั่งตัวเองยิงประตูได้แบบสบายใจนี่แหละ คือจุดเด่นที่ทำให้ คิเอลลินี่ ยังเป็นที่รักของแฟนบอลและนักเตะเพื่อนร่วมทีมทุกคนจนบัดนี้ !